แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ในสวนผึ้ง
อร่อยยำผักกูด
“พอแพง”
ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็เอ่ยถึงการพักผ่อนในวันหยุด และดูเหมือนการพักผ่อนของคนไทย ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาจะหมายถึง การเดินทางออกไปท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา และป่าไพรกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่เคยนิยมการผ่อนพักโดยการดูหนัง ฟังเพลง หรือดื่มกินเฮฮา
โดยเฉพาะคนทำงานในออฟฟิช ในห้องสี่เหลี่ยมท่ามกลางป่าตึก สูง ต่ำเบียดเสียดในเมืองกรุง มีเวลาเพียงเล็กน้อยก็อยากออกไปหาที่ได้เดินยืดเส้นยืดสาย ขอเพียงได้เห็นฟ้ากว้าง ได้สัมผัสกับสายลม สูดลมหายใจเอาอากาศเบาสบายไร้มลพิษเจือปนบ้างก็ยังดี
แล้วก็....ได้เวลาของชาวชมรมเด็กบ้างละ ทำงานคร่ำเคร่งอยู่กับตัวอักษร และหนังสือกันมาจนรู้สึกจะตึงเครียดหน้าดำกันแล้ว คุณผึ้งผู้จัดการ(ไม่ใหญ่)ก็เลยพกพาชาวชมรมเด็กหลบไปพักผ่อนที่อำเภอสวนผึ้งราชบุรีกันค่ะ
อำเภอสวนผึ้ง เป็นอำเภอเล็ก ๆ อยู่ห่างจากราชบุรี เพียง ๕๓ กิโลเมตร และราชบุรีก็อยู่ห่างจากกรุงเทพแค่ ๑๐๐ กิโลเมตร นั่งรถประเดี๋ยวเดียวก็ได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของธารน้ำ ขุนเขาลำเนาไพรกันแล้ว
สภาพโดยทั่วไปของสวนผึ้งที่มองเห็น เป็นพื้นที่ป่าในหุบเขาเสียส่วนใหญ่ เพราะเป็นชายขอบของเทือกเขาตะนาวศรี ใกล้เขตแดนพม่า มีพื้นที่เปิดเป็นสวน ที่พักอาศัย และฟาร์มใหญ่ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะแหล่งพักผ่อนที่เราซอกซอนกันไปพักนั้นเป็นรีสอร์ทในหุบเขาสวยงามอยู่ท่ามกลางสวนใหญ่ และสายน้ำ ที่ชื่อว่า “ภูผาผึ้งรีสอร์ท”
ต้นไม้นานาพรรณในป่าธรรมชาติ ในไร่ ในสวนเป็นแหล่งเก็บเกี่ยวน้ำหวานของผึ้งได้ตลอดปี ที่นี่จึงมีชื่อเสียงด้านน้ำผึ้งอันเป็นของฝากจากสวนผึ้งที่พึงใจ สมกับที่ได้ชื่อว่า “อำเภอสวนผึ้ง”
กิจกรรมมากมายในท้องที่อำเภอสวนผึ้งที่เนรมิตโดยฟาร์มใหญ่ ๆ ผุดพรายขึ้นท่ามกลางป่าเขา ล้วนเอาใจคนเมืองผู้ที่ดูราวกับนกน้อยเพิ่งจะโผบินออกมาจากกรงทอง มาตื่นตาตื่นใจกับสัตว์สาราสิ่ง ต้นไม้ใบหญ้าในโลกกว้าง มีมุมเหมาะให้ถ่ายรูปเอาไปชื่นชม ส่งลงเฟชบุ๊ค มีเกมให้ลุ้น มีม้าให้ขี่ มีรถไฟให้นั่ง กระทั่งเข้าถ้ำ และไปน้ำตกบนภูสูง แต่เอาเข้าจริง ๆ สิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นการแช่ตัว แช่เท้าในบ่อน้ำร้อนนั่นเอง
บ่อน้ำร้อน หรือพุน้ำร้อน นับเป็นของขวัญมหัศจรรย์จากธรรมชาติที่ให้ไว้แก่โลกและมวลมนุษยชาติอีกอย่างหนึ่ง เกิดจากแหล่งความร้อนใต้พิภพ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำร้อนไหล หรือพุพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน วัดอุณหภูมิได้ ๔๐-๑๐๐องศาเซลเซียส หลาย ๆ แห่งถูกจัดการให้เป็นแหล่งพลังงาน แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศไทยมีบ่อน้ำร้อน และพุน้ำร้อน(ที่พุพุ่งขึ้นมาเป็นลำสูงเรียกพุน้ำร้อน)มากกว่าร้อยแห่งทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก เชื่อกันว่าใช้รักษาโรคได้
จริง ๆ ก็คือ ใต้พื้นโลกลงไปนั้นมีหินหนืดร้อน เมื่อน้ำฝนข้างบนผิวโลกไหลผ่านช่องว่าง หรือรอยเลื่อนของเปลือกโลกลงไปใต้ดินจะได้รับถ่ายเทความร้อนจากแหล่งดังว่า ก็จะดันตัวสูงขึ้นไหลกลับสู่เบื้องบน หรือบางกรณีน้ำร้อนจากใต้ดินอาจมาจากไอน้ำของหินหนืดร้อนที่เย็นตัวลง หรือเกิดจากการตกผลึกของหินบางชนิด น้ำร้อนที่ผุดพุ่งขึ้นมาจึงมีแร่บางชนิดผสมอยู่ ตามลักษณะการเกิด และแร่หินร่วมต่าง ๆ
สำหรับน้ำร้อนที่เราไปแช่กันนั้นชื่อ “ธารน้ำร้อนบ่อคลึง” ซึ่งเกิดอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล และจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบครบวงจร มีทั้งสถานที่พักเป็นบ้านพักหลังใหญ่ เล็กหลายหลัง รวมทั้งพื้นที่ตั้งเต็นท์ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ รวมถึงร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สำหรับผู้ไม่ใช่แขกเข้าพักค้างคืนต้องเสียค่าผ่านประตู ค่าเข้าใช้บริการแช่น้ำแร่ในบ่อเป็นธรรมดา
ต้นธารน้ำร้อนบ่อคลึงอยู่บนภูเขา ไหลเลาะลงมาตามร่องธารสู่บ่อเก็บกักด้านล่างที่จัดไว้เป็นน้ำบริโภค และต่อลงมาเป็นบ่อบริการให้ลงแช่ หรืออาบ อุณหภูมิในบ่ออยู่ที่ ๔๐-๕๐ องศาเซลเซียส โดยเฉพาะที่เป็นบ่อเล็กสำหรับแช่เท้าดูเหมือนน้ำจะร้อนมากจนต้องค่อย ๆ หย่อนเท้าลงให้ร่างกายปรับตัวก่อนจึงจะแช่ไว้ได้สบาย ๆ
อำเภอสวนผึ้งยังมีอะไร ๆ น่าเที่ยวคอยคุณอยู่อีกทั้งในฟาร์ม ในสวน วันหยุดสุดสัปดาห์ครั้งต่อไปอย่าลืมล่ะ สำหรับผู้เขียนคงจะต้องหาโอกาสกลับไปอีก อยากพาหลานไปเลี้ยงแกะ และขี่ม้าพอนี่ตัวเล็ก ๆ เหมือนที่เห็นในออสเตรเลีย ส่วนตัวเองนั้นจะกลับไปกินยำผักกูดที่ร้านม่อนไข่ เขาทำอร่อยมาก มิเสียแรงที่พี่สุภา คุณน้ำตาล และน้ำผึ้งแนะนำ(สงสัยช่วยทางร้านโฆษณา)ไว้ตั้งแต่ก่อนไปแน่ะ
แต่มันอร่อยจริง ๆ นะ ยำผักกูดน่ะ
๐๐๐๐๐