ไปร่วมงานฉลองรัฐกะเหรี่ยง KNLA ปีที่ 70 กับพระชายกลาง อภิญาโณ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ตลอดชีวิตไม่คิดเลยว่าจะได้ไปร่วมงานฉลองการต่อสู้ของกองทัพปลดปล่อยชาติพันธุ์กะเหรี่ยง KNLA ปีที่ 70 ณ กองพลน้อยที่ 7 ค่ายโกล๊ะหย่อเล ฝั่งประเทศเมียนมาร์ ตรงข้ามบ้านแม่สลิดน้อย ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ด้วยบารมีแห่งศิษย์พระตถาคต พระชายกลาง อภิญาโณ วัดพระรามเก้า กรุงเทพมหานคร ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ แต่เหนื่อยจนขาลาก
ผ่านชุมชนคนกะเหรี่ยงฝั่งไทย
การเดินทางจากกรุงเทพ มูลนิธิสหชาติ ถนนประชานิเวศน์ ตรงข้ามตลาดบองมาเช่ ด้วยรถตู้ มุ่งหน้าไปยังอำเภอมาสอด จังหวัดตาก ผ่านถนน 4 ช่องจราจรที่กำลังพัฒนาอย่างยอดเยี่ยม แล้วลัดเลาะชายแดนไปยังอำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง เข้าพักแรมที่รีสอร์ทในท้องถิ่น ติดถนนสายแม่สอด-แม่ฮ่องสอน
ผู้คนรอเดินข้ามสะพานไม้ไผ่หกลำ
ตะวันบ่ายคล้อย เสียงตะโกนเรียกให้ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านแม่สลิดน้อย ตะวันรอนๆเหนือขอบเขา ฝูงค้างคาวโผผินออกจากถ้ำยามค่ำเพื่อออกหากินยามราตรี เวฟค้างคาวบนท้องฟ้าชวนให้สื่อมวลชนคนทำข่าวตื่นเต้น ลงไปจับมุมถ่ายรูปริมชายฝั่งแม่น้ำเมย แม่น้ำที่กางกั้นเขตอดนประเทศไทยและประเทศเมียนมาร์ แต่คิวรอแพข้ามฟากน่าจะยาวนาน จึงต้องเดินทางต่อไปอีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อข้ามไปด้วยการเดินเท้า
พระอาจารย์ข้ามไปฟากพม่าตอนค่ำ
รถตู้พาไปถึงบ้านแม่สลิดน้อย ค่ำพอดี พวกเราต้องย่ำไปบนถนนดินลูกรังที่ฝุ่นหนาเตอะ เดินขึ้นเขาลงห้วยจนไปถึงชายฝั่งแม่น้ำเมย โอ้ ฝูงชนชาวกะเหรี่ยงจากไหนไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าเป็นพี่น้องกะเหรี่ยงจากฝั่งประเทศไทยนี่แหละ แห่แหนกันมายืนอออยู่ชายฝั่ง ซึ่งมีเพียงสะพานไม้ไผ่ 6 ลำมัดตรึงจนแน่นเชื่อมต่อระหว่างฝั่งไทยและเมียนมาร์ อนิจจา รอจนเกินกว่า 40 นาที พระชายกลางจึงเปรยว่า กลับไปพักแรม พรุ่งนี้เช้ามืดค่อยกลับมาอีกครั้งเพื่อข้ามประเทศเขตขัณฑเสมา พวกเราเดินย่ำขึ้นดอยแล้วก็ลงดอยไปตามถนนเส้นเดิม ขึ้นรถตู้ได้หายเหนื่อย
ที่พักแรมคืนรองรับพี่น้องกะเหรี่ยงต่างถิ่น
พรุ่งนี้ เช้ามืด 04.00 น.ขอนัดให้พร้อมเดินทาง เพื่อไปรอข้ามสะพานไม้ไผ่ 6 ลำๆใหญ่ๆคล้ายไผ่ยักษ์ แต่ละคนเข้าพักเหนื่อยตามชอบ และเมื่อถึงเวลาก็ต้องตื่นให้ทันเวลา ผมนอนคนเดียว แต่ก็ต้องตื่นทันทีที่เพื่อนข้างห้องตะโกนเรียก ลุงๆๆ ตื่นได้แล้ว เขากำลังจะออกเดินทางแล้วนะคร๊าบ สื่อมวลชนหนุ่มเหลือครึ่งเรียกแบบเกรงใจๆ
ช่างภาพอาวุโสมือโปร จำลอง บุญสอง แอคท่าถ่ายรูปกับสาวกะเหรี่ยง ฮา
รถตู้จอดริมถนนสายหลัก พวกเราก็เดินเท้าเข้าไปตามถนนดินลูกรังเส้นเดิม เมื่อไปถึงชายฝั่ง แสงไฟจากหลอดนวลๆส่องให้เห็นว่า มีเพียงคนรอข้ามไม่มากอย่างเมื่อคืน เมื่อข้ามไปฝั่งเมียนมาร์ จึงได้เห็นว่า โรงแรมท้องถิ่นเพื่อรองรับแขกที่มาเยือนนั้น มีพี่น้องกะเหรี่ยงที่พักแรมนอนกันกราดเกลื่อน หลังคามุงด้วยฟางข้าว เสาไม้ไผ่ตั้งค้ำกันน้ำค้างและหมอกเหมย พื้นกระดาน 4 แผ่นยกสูงเกือบศอก พื้นดินปูด้วยฟางข้าว นี่ไง บ้านพักรับรองพี่น้องกะเหรี่ยง ของจริง
ฉันเช้าเตรียมพร้อมเดินลุย
แสงเช้ายังไม่สาดส่อง ตากล้องจ้องถ่ายรูปเดินหามุมที่ชอบและบันทึกเอาไว้ได้แตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน พระชายกลางได้รับถวายภักษาหารมื้อเช้า ผมนั่งกินไข่พะโล้อัดสูญญากาศ 2 ฟอง ที่ซื้อมาจากฝั่งไทยกับข้าวเหนียวกำปั้นหนึ่ง ดื่มน้ำขวดที่เตรียมมาอย่างรีบร้อนจนสำลัก
“จากนี้ไป จะต้องเดินเท้าเข้าไปยังจุดที่กองพลน้อยที่ 7 จะสวนสนามแสดงพลังและความพร้อมสู้รบ ไม่ไกล กิโลสองกิโลเอง”
ไม่เหงาเ้ลย มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวกะเหรี่ยงเดินเป็นเพื่อน
ผมฟังแล้วก็ใจชื้น คงพอทนกับสภาพชายชรา แต่แล้วความจริงก็เริ่มสำแดงเมื่อเริ่มก้าวไต่ตลิ่งแม่น้ำเมยขึ้นไปทีละก้าว หยุดถ่ายรูปไปตามรายทาง เหมือนพักเหนื่อยไปในตัว ถนนเป็นดินลูกรัง ฝุ่นไม่หนานักเพราะเดินย่ำกันมาแล้ว 2 คืน คณะที่ร่วมเดินทางจากต่างถิ่นและท้องถิ่น เดินกันไปเหมือนมาเที่ยวชมงานเฉลิมฉลอง เว้นแต่ตาแก่ตากล้องทองไทยแลนด์ ย่ำแย่
มีป้ายบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ของวีรบุรุษชนชาติกะเหรี่ยงติดให้รู้ มีร่องรอยงานเฉลิมฉลองตลอดคืนที่ผ่านมา โรงลิเกม้านั่งระเกะระกะ พื้นหนาแน่นด้วยถุงพลาสติกปลิวว่อน มีร้านขายหมากพลู กะเหรี่ยงกินหมากปากแดงและปากดำ มีร้านขายอาหารเช้า แต่ละร้านมีลูกค้าหนาแน่น คงจะเที่ยวชมการแสดงจนหมดคืน ฉลองแบบโต้รุ่ง
แสงแดดเริ่มโรยตัวลงมาผ่านม่านหมอก หมอกที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณ ผมเดินไต่ขึ้นดอยแล้วก็ลงดอยแล้วก็ไต่ขึ้นดอยเหมือนเต่าคลาน ทำได้ตามวัยและอายุสภาพ ผมจึงไปไม่ทันกลุ่มสื่อมวลชนและพระอาจารย์ซึ่งล้วนแต่แข็งแรงเพราะยังหนุ่มแน่นกว่า แต่ผมก็เดินไปจนถึงลานกว้างใหญ่หลายสิบไร่ คราคร่ำไปด้วยพี่น้องชาวกะเหรี่ยง ด้วยสีสันเครื่องแต่งกายที่สวยงาม
ผมเหลียวมองหาสาวกะเหรี่ยงที่ยังสวม “ชุดเชวา” อันมีความหมายถึง กะเหรี่ยงสาวโสด แต่ถ้าแต่งด้วยชุดผ้าซิ่นสวมเสื้อแยกส่วน เป็นผู้หญิงกะเหรี่ยงที่ไม่โสด แต่งงานแล้ว หรืออาจเป็นหม้าย ผมรู้จักชุดของหญิงกะเหรี่ยงก็ด้วยวิสัยนักอ่าน เรื่องราวที่แต่งโดยหนุ่มกะเหรี่ยงนักเขียน ชื่อหนังสือ “เชวาตัวสุดท้าย” กวีนิพนธ์มีทุกชนเผ่าทุกเผ่าพันธุ์
ผมนับไม่ถูกประมาณไม่ได้ว่ามีพี่น้องกะเหรี่ยงกี่ชาติพันธุ์ หรือมีปริมาณมากน้อยเพียงใด เห็นแต่ภาพชุดสีสันสวยงามแตกต่างกันไป ยืนบ้าง นั่งบ้าง ทุกที่ที่สามารถมองเห็นการสวนสนามของเหล่าทหารหาญ นักรบเพื่อชาติ ภายใต้ม่านหมอกที่ไหลอบอวลไปทั่วบริเวณ ได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียงเป็นครั้งคราว แต่ไม่เห็นปะรำพิธีของบรรดาขุนพลกะเหรี่ยง
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนสื่อมวลชน(ขอบคุณคุณภาวินีย์ เจริญยิ่ง แห่งข่าวสด) คนทำข่าวก็แชร์ข่าวที่ได้สัมภาษณ์ให้ด้วยเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่กะเหรี่ยงและสื่อด้วยกันเอง ดังนี้คือ
ท่านพลเอก มูตู ประธานาธิบดีของรัฐกะเหรี่ยง เป็นปรานในงานเฉลิมฉลอง 70 ปีของการปฏิวัติของชนชาติกะเหรี่ยง กล่าวว่า พี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่มาร่วมงานหลายหมื่นคนในครั้งนี้ มีทั้งกะเหรี่ยงที่ข้ามมาจากฝั่งประเทศไทยและกะเหรี่ยงที่อยู่ในรัฐกะเหรี่ยงฝั่งประเทศเมียนมาร์ นอกจากนั้นยังมีผู้แทนรัฐ อาระกัน รัฐฉาน และนานาประเทศจากทั่วโลก
สื่อด้วยมือถือ คืออาวุธวันนี้
อดีตนักรบที่มาร่วมกิจกรรม
กิจกรรมในงานพิธีเฉลิมฉลอง การปฏิวัติรัฐกะเหรี่ยงปีที่ 70 นั้นประกอบไปด้วย การสวนสนามของเหล่านักรบ ทหารชาติพันธุ์กะเหรี่ยงซึ่งมีทั้งชายและหญิง กลางคืนเฉลิมฉลองด้วยมหรสพ การแสดง นานาชนิดจากชนเผ่า อันเป็นความบันเทิงครั้งใหญ่ที่สุดที่ประชาชนคนกะเหรี่ยงได้ชมชอบ มีการสร้างที่พักแรมรับแขก พร้อมน้ำดื่ม อาหาร และสุขา บริการอย่างครบถ้วน เพื่อพี่น้องชาวกะเหรี่ยงต่างถิ่น การเฉลิมฉลองตั้งแต่วันที่ 28-31 มกราคม 2562
ทานาคาทาแก้มนั้นมิใช่มีเพียงชนชาติมอญ กะเหรี่ยงก็ทาจ้า
พลเอก จอห์นนี่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรัฐกะเหรี่ยง กล่าวว่า กะเหรี่ยงในพม่ามีอยู่ 4 กลุ่ม มาเข้าร่วมเพื่อแสดงพลังสามัคคี ทำหน้าที่ด้วยหัวใจดวงเดียวกันคือเพื่อรัฐกะเหรี่ยง แต่ทั้งหมดทั้งมวล อยู่ภายใต้กะเหรี่ยง KNU ซึ่งได้รับการยอมรับทั้งจากประเทสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆทั่วโลก ในมิติการหยุดยิงและเจรจาสันติภาพกับเมียนมาร์
วัฒนธรรมการแต่งกายของพี่น้องกะเหรี่ยงหลากสีสันและสวยงาม
ส่วนนางอองซานซูจีนั้น ยังช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากนักเนื่องจากทหารพม่ายังมีบทบาทเหนือกว่านาง อย่างไรก็ตาม รัฐกะเหรี่ยงของเรา พร้อมสู้รบเมื่อจำเป็นต้องปฏิบัติการ
การสวนสนามของเหล่าทหารหาญท่ามกลาวม่านหมอกที่ห่มคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นภาพที่ดูลึกลับและเหมือนมีมนต์ขลัง ผู้คนชนกะเหรี่ยงแต่งกายหลากสีสันและสวยงาม ห้อมล้อมกันชมความเข้มแข็งของเหล่าวีรบุรุษขุนศึกนักรบของพวกเขา เด็กๆทั้งชายหญิงตามพ่อแม่มาร่วมงานด้วยแววตาแสนบริสุทธิ์ ความงดงามของวัฒนธรรมการแต่งกาย ชวนหันไปพินิจพิจารณา เด็กน้องและเด็กระดับเยาวชนถูกหล่อหลอมด้วยพลังความรักชาติและสามัคคี
กว่าพิธีการสวนสนามและการกล่าวปราศรัยของเหล่าขุนพลจะจบลง ผมเหนื่อยและเมื่อยเหลือกำลัง ผมหันหลังให้กับลานสวนสนามแล้วย่องๆเดินช้าๆกลับไปตามเส้นทางที่เข้ามา ขึ้นเขาลูกหนึ่งก็หยุดพักขาและหายใจให้ปอดได้รับอ็อกซิเจน แล้วก็เดินต่อไป เนินแล้วเนินเล่า จนถึงประตูแดงที่นัดหมาย แต่เมื่อผมไปถึงตะวันสาดส่องสว่างโล่งไปทั่ว ท้องฟ้าสีครามสดใส แต่หัวใจผมสั่นระริก ไข่พะโล้ 2 ฟองกับข้าวเหนียวกำปั้นหนึ่งหมดน้ำยา จะเป็นลม
คุณพ่อขอร้อง พร้อมแอคชั่น
ทันใดก็เห็นร้านเครื่องดื่ม น้ำสีต่างๆ ผมเดินดิ่งเข้าไปเลือกชนิดที่เติมน้ำตาลและเกลือแร่ สินค้าจากฝั่งไทยทุกยี่ห้อ ดื่มไปจนหมดขวด ใจก็ยังสั่นระรัว ภาวะขาดน้ำตาลอันเนื่องมาจาก อาหารเช้าไม่พอเพียงต่อการเผาผลาญ ในสภาพคนเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันในเส้นเลือดที่ตีบไปแล้ว 2 เส้น ต้องระวังจงหนัก ผมควักไข่พะโล้อัดสูญญากาศอีก 2 ฟอง กัดกินแล้วกินๆๆๆๆจนได้คืนสู่สภาพปกติ อะฮ้า พระคุณไข่พะโล้
ผมตัดสินใจเดินข้ามสะพานไม้ไผ่หกลำข้ามมายังฝั่งประเทศไทย แล้วเดินขึ้นเขาลงห้วยท่ามกลางแสงแดดจัดจ้า กว่าจะหารถที่เดินทางพบก็แทบขาดใจ สภาพมิติ ขาลาก ว่างั้นเถอะ
หมากพลูมีขายทั่วไป