ปริญญา คุณค่าแห่งตัวตนหรือสังคมลิขิต
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
คืนเดือนหงายหรือคืนเดือนคว่ำ ถ้าอากาศร้อนลุ่มจนแม่ทนไม่ได้ แม่จะชวนลูกๆออกไปปูเสื่อที่นอกชานบ้าน แล้วก็เลือกที่นั่งๆนอนๆกลางแจ้งยามราตรีที่พอจะผ่อนคลายความระอุในห้องไปได้บ้าง คืนไหนเป็นคืนเดือนมืด แม่ก็จะชี้ให้ดูดาวบนท้องฟ้าแล้วก็เล่าเรื่องราวที่เป็นคำกล่าวเล่าขานกันต่อๆมา
“คืนนี้เดือนแรม 11 ค่ำ พระจันทร์ข้างแรม แต่เห็นดาวระยิบหรี่ๆดับๆนั่นไหม เขาเรียกว่าดาวเคียงเดือน โบราณว่า ถ้ามันอยู่ใกล้กันอย่างนี้ คืนนี้จะมีหนุ่มสาวหนีตามกันไป” เสียงแม่เนิบนุ่มกว่าวันปกติ
จุดนัดพบเพื่อถ่ายรูป ความทรงจำ
เพื่อนวันนี้คือเพื่อนกันตลอดไป
แต่บางคืนเดือนหงายจันทร์ฉายแสงนวลใย แม่ก็มีเรื่องเล่าได้อีก “ถ้าเป็นคืนเดือนหงายวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ละก้อ คนจีนจะทำขนมไหว้พระจันทร์เพื่อขอพรแด่ฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งจันทรา เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง งดงามและเยาว์วัย ใกล้ถึงแล้ว ใครอยากกินขนมไหว้พระจันทร์บ้าง” พวกเราจะชิงยกมือขึ้นเพื่อให้แม่รู้ว่าอยากกินขนมไหว้พระจันทร์อีก
แต่ละภาพที่จะปรากฎในความทรงจำ ล้วนประดิดประดอย
ความภูมิใจของแม่เมื่อลูกสำเร็จปริญญาตรี
“คืนนี้ อากาศเย็นสบาย แต่ที่แม่ชวนมานอนนับดาวก็เพราะจะบอกเล่าว่า ถ้าลูกคนไหนเรียนหนังสือได้สูงแค่ไหน หากไม่มีเงินแม่ก็จะขายนาส่งให้ลูกได้เรียน แต่ถ้าใครไม่อยากเรียนก็จะให้ออกมานับไข่หมู” ไข่หมูคือขี้หมูที่ต้องตักน้ำล้างทุกเช้า
พลังๆๆๆ
หลากพื้นที่มีให้ถ่ายรูป เกษตรกว้างขวาง 8,000 ไร่นี่นะ
พวกเราเรียนจนจบปริญญาตรี ตามที่แม่วาดหวัง แต่ตอนรับปริญญาก็แค่ถ่ายรูปร่วมกับพ่อแม่พี่น้องท้องเดียวกันแค่นั้น ค่ำๆ จองโต๊ะงานลีลาศรำวงเฉลิมฉลองการรับปริญญาที่สวนลุมพินี นั่นคือวัฒนธรรมการรับปริญญาในช่วงปีพ.ศ.2514
ผู้จัดช่อดอกไม้สมัครใจเป็นแบบ
บ่ายแก่ๆ ผมถีบสามล้อแดงคู่ชีพเข้าไปในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ผมได้เห็นช่อดอกไม้แห้ง ช่อดอกไม้สด ตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาหมา ผูกโบว์ เป็นสัญลักษณ์การแสดงความยินดีแก่บัณฑิตใหม่ เป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดขึ้นและถือปฏิบัติกันทั่วไป แต่การเฉลิมฉลองด้วยการลีลาศรำวงหายไป
ธุรกิจช่อดอกไม้แสดงความยินดีแด่บัณฑิตใหม่ มีมากมายหลายรูปแบบ เงินสะพัดมหาศาล เกิดการกระจายรายได้สู่เกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้ขาย จนถึงผู้ประกอบการช่อสำเร็จเพื่อแสดงความยินดี แต่ครอบครัวบัณฑิตใหม่หมดเงินค่าช่อดอกไม้อีกมากโข อาจมากกว่าการลีลาศรำวง
ย้อมสีหลากสีสัน
แม่ค้าเล่าว่า ช่อดอกไม้สด ต้องเลือกชนิดที่ถ้าขายไม่หมดก็จะนำไปดัดแปลงเป็นดอกไม้แห้งในครั้งต่อไป เช่น คลัสเตอร์ดอกสีขาว พอใกล้แก่จะแห้งเป็นสีทอง และย้อมสีสวยได้หลากหลายตามชอบ ส่วนแบงค์ 20 บาท 50 บาท 100 บาท ที่จีบแล้วแม๊กติดริบบิ้นเป็นพวงนั่น พวงละ 500 บาท พวงละพันบาท ถือเป็นการมอบให้ได้ด้วยความยินดี เท่ากับให้เงิน
มงกุฎดอกไม้
ในแต่ละครั้งที่มีการซ้อมรับปริญญา จนถึงวันรับปริญญาจริง จะต้องพร้อมที่จะเตรียมวัสดุให้พอเพียง พื้นที่ขายดอกไม้มหาวิทยาลัยจัดสรรให้ มูลค่าเป็นตารางเมตร พนักงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในครอบครัว แต่ถ้าถามว่า ทำไมแม่ค้าอ้วนกลมกันจัง ตอบได้เป็นสองกระแสคือ ทำงานเหนื่อยกินเยอะ และว่างระหว่างรอนอนมาก
เป็นวัฒนธรรมใหม่ในการแสดงความยินดี ของคนรุ่นใหม่ ใบหน้าเบิกบาน มีความสุขด้วยของสวยงาม และเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ร่วมสืบสานกันไว้ต่อไป
บัณฑิตใหม่กับเพื่อน