เจ เทศกาลกินผัก จีนแคะ ชาวกำแพงแสน
โดย ลุงดำ คำโต เรื่อง-ภาพ
ผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนค่อนไทยเสี้ยว เกิดอยู่ในแวดวงพี่น้องข้างแม่ที่เป็นคนไทยพื้นถิ่นภาคกลาง แต่ในหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็น บ้านเหนือ บ้านใต้ โดยมีเครือญาติผมอยู่ตรงกลาง ผมจึงเติบโตมาในท้องทุ่งที่แตกต่างจากคนไทยทั่วไป มีลักษณะพิเศษเฉพาะสังคม
แต่โดยทั่วไปก็ดำเนินวิถีชีวิตค่อนไปในทางไทยผสมจีน วัฒนธรรมการแต่งกายผู้ชายก็มีทั้งนุ่งกางเกงขาก๊วยและกางเกงรัสเซีย นุ่งโสร่งก็มี ผ้าขาวม้าคาดพุงและอาบน้ำในผืนเดียว แต่บางโอกาสก็ใช้โพกหัวเมื่อต้องแบกห่มเช่นแบกกระบุงข้าวปากบาน หรือขุดดินด้วยพลั่วอยู่กลางแดด
ส่วนผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่เสื้ออยู่กับบ้านด้วยเสื้อคอกระเช้า นุ่งโสร่งหรือผ้าซิ่นดำ เขียว น้ำตาล ตามชอบ แต่ก็ใส่งอบเมื่อออกทุ่ง ถ้าไปทำบุญหรือไปงานมงคลก็จะแต่งกันเต็มยศ ประดับด้วยเครื่องทองหยองแพรวพราว แสดงถึงฐานะของแต่ละคน ไปดูหนังดูลิเก มหรสพก็ไปกันเป็นหมู่ รักนวลสงวนตัวเคร่งครัด การสู่ขอคู่ครองก็เป็นวัฒนธรรมสำคัญ เคร่ง
ประเพณีก็ผสมผสานทั้งไทยและจีน เช่นงานแต่งงานก็จะใช้ประเพณีทั้งไทยและจีน ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน การละเล่นในแต่งก็เหมือนประเพณีของพี่น้องไทยทั่วไป ยิ่งประเพณีการบรรพชาหรือบวชพระ แทบจะใช้ประเพณีการบวชทางพุทธศาสนาเต็มร้อย การทำขวัญนาค การฉลองด้วยมหรสพสมโภชแบบอย่างไทยๆ
ผมนับถือศาสนาพุทธอย่างไทยพื้นถิ่น แต่ก็ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่เรียกว่า ตรุษจีน สารทจีน กระทั่งไหว้พระจันทร์ ปีไหนค้าขายดีกันทั่วหน้าก็มีงิ้วมาแสดงตามเทศกาลที่ผมเองเรียกไม่ถูกต้องตามประเพณีจีนแล้ว แต่วัฒนธรรมหลายอย่างแบบจีนก็สลายไปกับความเป็นไทย เช่นไม่มีการไหว้ขนมบ๊ะจ่าง มีศาลเจ้าก็เลี้ยงโต๊ะจีนปีละครั้ง
ที่ผมจำได้แม่นคือ ครอบครัวผม "จีนค่อนไทยเสี้ยว" ก็ไม่เคยมีเทศกาลกินผักหรือกินเจ พวกเรากินทุกอย่างที่เป็นวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่ออย่างผสมผสานไปหมด ตามแต่จะหากินได้จากธรรมชาติ หรือนั่นอาจเพราะพวกเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ถูกกลืนโดยเชื้อสายไทยในทุ่งที่ล้อมรอบ บางทีพวกเราก็เรียกกันเองว่า "เจ๊งทุ่งเจ๊กนา" ไม่ได้ค้าขายอย่างเจ๊กในตลาดที่ตัวอำเภอ
วันนี้ 10 ตุลาคม 2561 ผมได้ไปกินอาหารเจที่โรงเจหรือศาลาประชาคมของชาวอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจีนแคะ เพราะความอยากรู้ อยากได้ภาพถ่ายอาหารเจที่ถูกดัดแปลงแต่งแต้มจนแทบจะเหมือนอาหารทั่วๆไป พร้อมกับได้หยอดตู่บริจาคไป 20 บาท
และผมก็ไม่ได้กินเจวันนี้เพราะหวังว่าจะหยุดฆ่าชีวิตหมูเห็ดเป็ดไก่อันเป็นสัตว์สารพัดชนิด เพื่อปลดปล่อยด้วยหวังบุญกุศล ในแง่ของนักวิทยาศาสตร์ เชื่อมั่นว่า มิใช่เพียงสัตว์ทั้งหลายเท่านั้นที่มีชีวิต หากแต่ผมเชื่อว่า พืชผักทั้งปวงที่กินในเทศกาลกินเจก็ล้วนมีชีวิตทุกชีวิต แม้แต่ถั่วงอกสักต้น หากไม่เอามาผัดกินก็จะเติบโตเป็นต้นถั่วเขียว เช่นกัน
แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า การที่มนุษย์หรือคน ล้วนเป็นสัตว์กินเนื้อ ในชีวิตปกติแต่ละวันตลอดทั้งปีจึงกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด หมู เป็ด ไก่ วัว ควาย กุ้ง ปลา ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนที่ย่อยยากและกินกันมากกว่าสัดส่วนการกินผัก ตลอดทั้งปีจึงมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์สะสมในปริมาณที่มากโข พร้อมไขมันดีและไม่ดี ด้วยข้ออ้างว่าร่างกายต้องการ
ปีหนึ่ง เว้น 9 หรือ 10 วันเพื่องดกินเนื้อสัตว์ ก็เปรียบดังการล้างกระเพาะด้วยผักกากใย สูงและย่อยง่าย เป็นการพักผ่อนให้กับกระเพาะของเรา และได้ลดปริมาณโปรตีนที่มากเกินสัดส่วนที่เกินพอ เช่นเดียวกับนักเลงสุราบาล พอวันเข้าพรรษาก็จะประกาศเทขวดเหล้าทิ้ง 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูมากกว่าเดิม
ปกติผมค่อนข้างดื้อดึง และไม่โอนอ่อนตามความเชื่อของคนอื่นมากนัก แต่ลูกสาวผมหยุดกินเนื้อสัตว์ด้วยการกินมังสวิรัติตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนวันออกพรรษา ใช้เวลานานถึง 3 เดือน นั่นก็เป้นความเชื่อส่วนบุคคลเช่นกัน ดังนั้น คนที่ยึดมั่นในประเพณีกินเจจึงถูกมากกว่าผิด ส่วนคนอย่างผมไม่มีเว้นทั้งกินเจและร่ำสุราบาล
ดูภาพอาหารเจที่ผมถ่ายรูปมาให้ดูสิครับ ช่างประดิดประดอย และรสชาติก็เหมือนหรือใกล้เคียงกับอาหารตามปกติ เช่นขนมจีนน้ำยาที่ทำด้วยเต้าหู้ใส่กะทิ ก็หอมและอร่อยชวนกินมาก หรืออย่างน้ำพริกตาแดงแกล้มด้วยผักสดและผักลวก จะเป็นผัดกระเพรา หรือแกงเผ็ดสารพัดอย่าง แม้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงผัดกระเพราหรือแกงเผ็ดที่ใส่ด้วยเนื้อสัตว์ยังไงยังงั้น
ประเพณีกินเจของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนกำแพงแสน จึงเป็นอีกประเพณีหนึ่งที่ควรยึดมั่นถือเป็นประเพณีดีงามสืบต่อไป โดยรอบอาคารศาลาประชาคมมีป้ายบอกเล่าเรื่องราวการมีส่วนร่วมของร้านค้าต่างๆในตลาดมากมายหลายสิบร้าน การบริจาคทั้งเงิน วัสดุประเภทผัก เครื่องเทศ น้ำดื่ม และความสมานสามัคคีในการจัดงานของชาวจีนแคะกำแพงแสน เยี่ยมๆ