ส่องนก :การท่องเที่ยวถ่ายภาพนก
โดย อินทรีดำ ธงชัย เรื่อง-ภาพ
ถ้าการท่องเที่ยวธรรมชาติไม่รวมการส่องนกหรือการท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูปนกหรือสัตว์ป่า เข้าไว้ด้วยก็คงแปลกประหลาดสิ้นดี แต่อาจจะไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางนักเพราะเป็นกลุ่มเฉพาะที่ต้องชื่นชอบตั้งแต่การถ่ายรูป การพักแรมในป่าดง การเดินทางที่ซ้ำซาก การสูดกลิ่นอายเหงื่อไคลของตนเองและเพื่อนร่วมแกงค์ ประการสำคัญ ต้องมีทุนทรัพย์มากพอที่จะซื้อกล้องถ่ายรูปประสิทธิภาพสูง แค่ขาตั้งกล้องก็แพงกว่ากล้องที่ผมใช้
ผมเป็นคนชอบเที่ยวทุกแหล่งที่ไม่ลำบากจนเกินไป หรือสิ้นเปลืองเงินทองมากไป(มีน้อยค่อยบรรจง) แต่ที่ผมอาจหาญไปเที่ยวส่องนกกับเขาได้ด้วยนั้นเพราะมีความจำเป็นต้องขวนขวายหาเรื่องมาป้อน ให้เข้ากับเว็บไซต์ทองไทยแลนด์ดอทคอม ซึ่งมีทั้งดอกไม้ใบหญ้าและก็ควรต้องมีนก แมลง สัตว์ป่า สรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติ
กล้องที่ผมใช้ ราคาถูก แต่ดึงภาพได้ไกลสุดๆ เป็นกล้องขนาดเล็กๆ น้ำหนักเบาเพื่อให้เหมาะกับสภาพของตากล้อง ขาตั้งกล้องก็มีขนาดเล็กและเบา พอให้ได้ภาพไม่สั่น ด้วยศักยภาพของกล้องและตากล้อง ได้ภาพนกมาป้อนเว็บไซต์อยู่หลายปี แต่ละที่ที่ไปก็มีเป้าหมายชัดเจน แหล่งที่นักส่องนกเขานิยมไปกัน เพื่อประกันว่า จะได้ภาพมาแน่นอน
วันหนึ่ง ผมถีบสามล้อเพื่อออกกำลังกายตามปกติในม.เกษตร กำแพงแสน ได้พบว่ามีตากล้องส่องนกตั้งไบล นั่งบนเก้าอี้สนามพับได้ แต่กล้องกระบอกโตๆตั้งท่าอยู่ริมถนน จึงแวะเข้าไปสังเกตและสอบถามได้ความว่า ชมรมนกม.เกษตร กำแพงแสน ส่งข่าวไปว่า มีนกกะรางหัวขวานกำลังเข้ารังฟักไข่ สถานที่ โพรงต้นนทรี ความสูงจากพื้นดินเพียงเมตรเศษๆ
ผมกลับไปบ้านแล้วก็ไปร่วมสมทบการส่องนกกะรางหัวขวานด้วย แต่พอผมชักกล้องออกมาตั้งบนขาตั้งเล็กๆ ตากล้องส่องนกเหลียวมามองกันตาถลน อะฮ้า มือสมัครเล่นมาแล้ว แล้วผมก็นั่งกับพื้นหญ้าเพราะไม่มีเก้าอี้สนามพับได้อย่างเขา แถมไม่มีไบล(เต็นท์ขนาดเล็กที่มีรูเปิดให้สอดกล้องถ่ายนกได้โดยนกไม่แตกตื่น) ยิ่งกว่านั้น ผมควักเม็ดฟักทองออกมาฉีกถุงแล้วขบเคี้ยวดังเป๊ะๆ กินแก้ง่วง แก้ความเคยชินอาการเหงาปาก เพราะคุยไม่ได้ต้องนั่งเงียบๆ
วันแรก ผมถ่ายได้ภาพแต่ตอนเขาบินไปเกาะปากโพรง รอบนสายไฟก่อนถลาลงไปป้อนเหยื่อ และลงสนามหญ้าหาหนอน(เหยื่อ) ล้วนเป็นภาพนิ่ง หมดเวลากับการถ่ายแบบสะเปะสะปะจนค่ำก็ถีบสามล้อกลับบ้าน ในขณะที่ช่างภาพมือโปรกลับบ้านที่กรุงเทพด้วยรถยนต์ ผมไม่กล้าคุยกับใคร และก็ไม่กล้าถามใคร เกรงใจมากๆ
เช้าตรู่ ผมถีบสามล้อออกจากบ้านฝั่งตรงข้ามม.เกษตร กำแพงแสน แวะซื้อหมูปิ้งและข้าวเหนียว เผื่อหิว และนั่งกินระหว่างนั่งรอ ผมคิดว่าผมอยู่ใกล้คงไปถึงหมายนกก่อนใคร ที่ไหนได้ พอรถเลี้ยวพ้นโค้งก็เห็นไบล์และรถเพียบ ตากล้องที่เดินทางมาจกรามคำแหง บางนา ลาดกระบัง บางบัวทอง ศรีนครินทร์มากันเพียบ โอย โคตร อายๆๆๆ
วันนี้ก็เหมือนวันก่อน คือนั่งแปะลงบนสนามหญ้าแล้วตั้งขากล้องจ้องถ่ายกับเขามั้ง แต่คราวนี้ ตั้งโหมดออโต้และถ่ายภาพทีละ 4 ภาพแบบรัวๆ จึงพอได้ภาพที่แตกต่าง แน่นอน มันต้องมีการพัฒนากันหน่อย เพราะเมื่อกลับไปบ้านเปิดภาพมาดูแล้ว ไหว ไหลไปเรื่อย ไม่ได้ภาพคมชัดและอิริยาบทนกบินหรือคาบเหยื่อคาบหนอนเลย
ในที่สุด ผมก็เดินทางไปแต่เช้าทุกวัน เพื่อรอวันที่ลูกนกจะโผล่ออกมาจากโพรงให้ได้เห็นขณะแม่หรือพ่อป้อนเหยื่อสักภาพ แต่ละคนจ้องส่องนกกันแบบทั้งวันจริงๆ อาการนั่งในไบล เงียบ สงบ มือพร้อมลั่นชัตเตอร์ แต่คนที่ไม่อยู่ในไบล์ก็นั่งเฝ้ามองไปที่โพรงนก พร้อมลั่นชัตเตอร์เช่นกัน ผมเผลอนั่งสัปหงก เพราะไม่เคยนั่งเฝ้าอะไรที่นิ่งสนิทเช่นนี้มาก่อนเลย
บอกได้เลยว่า การส่องนกเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง จิตใจสงบ กริยาสำรวม วาจาปิดสนิท มารยาทเป็นเรื่องถือเคร่ง อุปกรณ์เครื่องใช้พร้อม อาหารว่างอาหารมื้อหลักเตรียมมาอย่างง่ายๆ ส่วนใหญ่ หมูปิ้งข้าวเหนียว กาแฟร้อนชงใส่กระติกมาพร้อม น้ำดื่มครบถ้วน เวลาจะถ่ายเบาก็ย่องๆกันไปชายดงชายทาง ความสุขคือได้ภาพสมใจ
วันแตกหัก ผมเฝ้าถ่ายได้ภาพเดิมๆ มานานนับสัปดาห์ นกกะรางบินถลาไปป้อนเหยื่อแล้วก็โผผินบินกลับไปหาเหยื่อ เหลือบดูเวลา 11.00 น. แม่นกพ่อนกหายเงียบไปนานมากๆ เรียกว่าห่าง ไม่ค่อยคาบเหยื่อมาป้อน คาดการกันว่าอีกไม่นาน ลูกนกจะโผล่ออกมาจากโพรง และจะได้ภาพแม่นกพ่อนกป้อนเหยื่อสวยๆ สักชุด
ด้วยขาดประสบการณ์ ผมเซ็งการรอคอย เพราะเราไม่รู้พฤติกรรมนกกะรางที่ปล่อยระยะป้อนเหยื่อห่างๆนั้นคือ การปล่อยให้ลูกอดและหิวจะได้ออกมาปากโพรง ผมตัดใจถีบสามล้อไปกินส้มตำต้นมะม่วงเจ้าของร้านเป็นแม่หม้ายยิ้มหวานแม้ลูกสาม เจ้าประจำ ช่วง 11.00 น. คิดเอาเอง มันคงยังไม่มาป้อน กลับมาตอนบ่ายก็คงต้องมารอเหมือนเดิม ไปละ
แต่ก่อนรถจะเลี้ยวพ้นโค้ง เห็นว่ามีรถยนต์แล่นมาจอดแล้วตั้งกล้องถ่ายอยู่คันหนึ่ง
ผมถีบสามล้อกลับมาด้วยเสียงร้องเพลงอยากรักแม่หม้ายของยอดรักสลักใจ พอจอดรถเข้าที่ไม่ทันจะตั้งกล้อง อาจารย์สมานเดินปรี่เข้ามา
“ไปไหนมา อินทรีดำ อาจารย์บอกแล้วว่าให้เฝ้าๆ รู้ไหม น้องสองผัวเมียที่มาตอนนายจะไปนั้นเขาได้ภาพเด็ด”
“ลูกนกออกมารับเหยื่อแม่มันหรืออาจารย์” ผมถาม คำตอบคือ
“เขาเล่าว่า แม่นกพ่อนกมันเรียกลูกของมันจนลูกนกมันกระโดดออกจากโพรง บินไปกับพ่อแม่มันสิ เขาได้ภาพนั้นคนเดียวเพราะนายไปไหนล่ะ”
“ผมไปกินส้มตำแม่หม้ายยิ้มหวานลูกสามมาครับอาจารย์” ผมตอบอ่อยๆ พอให้ได้ยินคนเดียว