ไหว้พระจันทร์วันเพ็ญเดือนแปด ความสุขที่ฝังใจ
โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง-ภาพ
โรงสีข้าวเอี่ยมถ่ายฮวดตั้งอยู่ริมคลองห้วยคันแหลน มีสะพานขึ้นข้าวทอดยาวลงไปในคลอง เหนือสะพานเป็นชานโล่งแจ้งที่เป็นเสมือนหนึ่งสนามให้เล่นกันได้ในฤดูน้ำเต็มฝั่ง ณ ที่แห่งนี้ในคืนเดือนเพ็ญเดือนแปด ป่านและญาติๆที่เป็นเด็กๆรุ่นราวคราวเดียวกันหลายสิบคน ตื่นเต้นกันมาก เมื่อพระจันทร์เริ่มแมนขึ้นจากหลังวัดอันเป็นทิศตะวันออกของโรงสี
"เอ้าเด็กๆ ช่วยกันยกโต๊ะสี่เหลี่ยมไปตั้งกลางแจ้งซิ"
แม่สั่งเสียงใส เด็กๆอันหมายถึงทั้งเด็กชายและเด็กหญิงในที่นั้นนับสิบๆคน มีสามสี่คนกรูกันไปยกโต๊ะกินข้าวของโรงสีจากห้องครัวออกมาตั้งเหมือนที่เคยยกมาทุกปี
"ทุกคนช่วยกันจัดวางขนมไหว้พระจันทร์ ระวังโก๋ขาวแผ่นนั้นนะ จะแตกหรือบิ่นเดี๋ยวได้บุญไม่เต็มนะ ส่วนขนมโหงวเย้ง(ใส่ใส่ผลไม้ 5 ชนิด) ขนมแผ่นๆถั่วเขียวกวนนั้นก็ใส่จานยกไปตั้งเลย ผลไม้ที่ใส่ตะกร้า ระวังทับทิมนะเดี๋ยวตกจะช้ำหมด สมโอกลมๆนั่นก็วางดีๆ กล้วยหอมหวีใหญ่ ไอ้ดำระวัง ๆ พุทราลูกกลมๆใส่จายเลยจะได้ไม่กลิ้งไปไหน ช่วยกันหยิบเรียง ใครเรียงสวยมีรางวัลจ้ะ"
คราวนี้เป็นเสียงของอาอี๊พี่สาวของแม่คนหนึ่ง
"ขนมทุกอย่างเป็น "เจ" ไส้จะเป็นพืชผักผลไม้ 5 ชนิด เช่นไส้ทุเรียนห้อมหอม ไส้ถั่วเหลืองนุ่มๆ ไส้ฟักเชื่อมหวานๆ ไส้กล้วยน้ำว้า ไส้เผือก เป็นต้น"
อาอี๊เล่าต่อ การไหว้พระจันทร์ทุกครั้งจึงมีขนมรูปแบบเดิมๆ และที่ต้องเป็นผลไม้รูปกลมๆเหมือนพระจันทร์จะได้หมุนได้รอบทิศ หากินได้ทั่วถึง ผลบุญที่ตอบรับจะกว้างไกล
"กระถางธูปอย่าลืมนะ ธูปด้วย ไม้ขีด อยู่ไหน ป่านจำได้ไหม?" อาอึ้ม(น้า-ป้า สะใภ้)บอกกล่าวขึ้นบ้าง
ชั่วสิบนาทีชานกลางแจ้งหน้าโรงสีก็เต็มไปด้วยพี่ป้าน้าอาและบรรดาลิงทะโมนที่เคยส่งเสียงเจียวจาวก็เงียบลง ขนมไหว้พระจันทร์หลายอย่างวางเรียงไว้เกือบเต็มโต๊ะ มีที่วางส้มโอ กล้วยหอม อ้อยขวั้น ถั่วลิสงต้ม พุดทราลูกโตแต่เรียวงาม ป่านเดินไปจุดธูปกำใหญ่แล้วส่งต่อให้กับสมาชิกคนละ 3 ดอก กลิ่นธูปหอมกระจายคล้ายกับสิ่งเสพย์ติดที่ทุกปีพวกเราจะมารวมกันทุกครอบครัว แต่ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆกับผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ กำลังสาวๆก็ไม่ค่อยมากันแล้ว อ่านแต่นิยายอยู่ข้างที่นอน เป็นคืนที่มีแค่ความสดชื่น และอารมณ์ดีกันถ้วนหน้า
"พนมมือถือธูปแล้วอธิษฐาน อยากได้อะไรก็จะได้ดังปรารถนา อธิษฐานแต่สิ่งที่ดีๆ เช่น อยากเรียนเป็นครู เป็นหมอ หรืออยากมีร่างกายแข็งแรง คืนนี้เป็นคืนของ "เทพพระจันทร์" ซึ่งท่านจะอำนวยชัยให้พรพวกเราได้สมปรารถนา เมื่อเดินไปปักธูปในกระถางแล้ว ให้กลับมากราบสามลาด้วยนะ"
สิ้นเสียงแม่ก็ได้เห็นภาพที่เด็กๆและผู้หญิงใหญ่วัยสูงๆ พนมมือถือธูปก้มหน้านิดๆ พึมพำอธิษฐาน บางคนก็ทำปากขมุบขมิบ แสงจันทร์สาดส่องกระทบเส้นผมและริมโหนกแก้มเป็นเงางาม ควันธูปลอยฟ่องล่องอยู่เป็นริ้วราย
"สาธุ" เสียงแม่ดังเหมือนส่งสัญญาณให้จบสิ้นการกราบไหว้ แต่ละคนเดินถือธูปไปปักลงในกระถาง ควันขาวๆลอยฟ่องอยู่ไหวๆ
โก๋ขาวกับโหงวเย้งไส้ 5 ชนิด
พระจันทร์โผล่พ้นหลังวัด สุกสว่าง ส่องแสงขาวนวลผุดผ่อง เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสวยกว่าเพ็ญไหนๆ ด้วยว่าเป็นคืนเดือนเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 น้ำในคลองเต็มฝั่ง ริ้วระลอกในน้ำที่ไหวกระเพื่อมกระทบแสงจันทร์แวววาว เสียงที่เงียบสงบชั่วอึดใจระหว่างการกราบไหว้พระจันทร์เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงใสๆไล่กวดกันไปทั่วลานหน้าโรงสี แม่กับพี่น้องผองเพื่อนนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันเช่นทุกปี แต่เรื่องราวนั้แตกต่างกันไป
"การไหว้พระจันทร์นี้ถือว่าเป็นการไหว้ของผู้หญิง เพราะพระจันทร์เป็นหญิงงาม ส่วนพระอาทิตย์เป็นเทพผู้ชายผู้ชายไหว้กราบ คืนนี้จึงไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่มากราบไหว้ไง" แม่เล่าให้ฟังเพิ่มเติม
"อ้าวแม่ ไอ้ดำมันก็มาไหว้ทุกปี มันเป็นเด็กผู้ชายนะแม่" ป่านแย้งแล้วหันไปชี้เด็กผู้ชายในกลุ่มของไอ้ดำจรกา
"เด็กๆผู้ชายไหว้ได้ ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ชายเต็มวัย" แม่ว่า
"มันคงอยากกินขนมไหว้พระจันทร์มั้ง" อาอี๊คนหนึ่งกล่าวขึ้น เสียงหัวเราะขำๆดังขึ้น
"ในคืนนี้ ชนชาติเชื้อจีนทั่วโลกเขาก็จะไหว้กัน เหมือนการไหว้ตรุษจีน ศาตร์จีน มีเรื่องเล่ากันต่อๆมาว่า สมัยที่มองโกลราชวงศ์หยวนปกครองแว่นแคว้นแดนจีนนั้น ชาวฮั่นรวมตัวกันทำขนมไหว้พระจันทร์แล้วซ่อนกระดาษเขียนข้อความนัดแนะกันเพื่อล้มล้างราชวงศ์หยวน แต่ด้วยชาวมองโกลเห็นเป็นประเพณีดีงามก็ปล่อยให้ไหว้กันไปโดยไม่ได้ล่วงรู้ความในอะไรเลย ในที่สุด ชาวฮั่นก็ล้มราชวงศ์หยวนลงได้ แล้วสถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้นปกครองแผ่นดินจีน" แม่เล่าด้วยน้ำเสียงสูงๆต่ำๆ เหมือนกับเล่านิทาน ฟังกันเพลิน
"บางหมู่บ้านในเมืองจีนแต่เก่าก่อน เขาไหว้พระจันทร์กันทุกเดือนเลยก็มี บ้านเราอยากไหว้ทุกเดือนไหม?"
สิ้นเสียงแม่ก็ได้ยินเสียงตอบรับคำเดียวจากเด็กๆว่า
"ดี"
"แต่แม่ว่าดีเหมือนกัน แต่คงจะสิ้นเปลืองเงินทองและเสียเวลามากมายไม่น้อย เอาเป็นว่าตามวัฒนธรรมของบ้านเราไหว้กันปีละครั้งอย่างที่อากงอาม่าพาไหว้ก็ดีแล้ว เสียงเด็กๆร้องกันพร้อมเพรียง
"ว้า" เหมือนเสียดายขนมไหว้พระจันทร์ที่จะได้กินกัน
พระจันทร์เคลื่อนขึ้นไปส่องแสงนวลใยไปทั่วคุ้มน้ำ แม่ลุกขึ้นแล้วสั่งความว่า
"สี่ทุ่มแล้ว ทุกคนมาไหว้ลาพระจันทร์กันเถอะ"
พวกเด็กๆอย่างป่านก้มกราบสามลาแล้วก็นั่งกันหน้าสลอน รอให้แม่และพี่ป้าน้าอาช่วยกันแบ่งขนมไหว้พระจันทร์แจกทั่วหน้า ตัวเล็กมากก็ได้ชิ้นเล็กๆ ตัวใหญ่หน่อยก็ได้ชิ้นใหญ่ขึ้น อาผู้หญิงกลุ่มหนึ่งคว้าจานอ้อยขวั้นและถั่วลิสงมานั่งแกะกินกันด้วยความเพลิดเพลินจำเริญใจ เป็นความสุขในปีหนึ่งซึ่งมีครั้งเดียว เป็นค่ำคืนที่งดงามจนยากจะลืมเลือน ป่านอยากกลับไปรวมกันไหว้เหมือนสมัยเด็กๆอีก แต่วิถีชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไป ต่างก็อพยพแยกย้ายกันมาจากบ้านห้วยคันแหลนแล้วกระจายไปทั่วกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง
ทุกวันนี้ เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งตรงกับช่วงเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคม (ขึ้นอยู่กับว่ามีแปดสองหนหรือไม่) คนไทยเชื้อสายจีนก็จะไหว้กันเพียงในครอบครัว วัฒนธรรมประเพณีดีงามเช่นนี้ หากสืบสานกันไว้ได้ ก็จะได้ความสุขความประทับใจเหมือนอย่างที่ป่านเคยได้พบประสบมา มันตราตรึงใจไม่รู้ลืมเลยจ้ะ