พม่าไม่ไปไม่รู้๑๗
ตำนานสิงห์พม่า
“เอื้อยนาง”
ตามสองข้างบันได หรือประตูสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปในพม่า สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตา และยวนใจให้พิศวง ตลึงตะลาน นั่นคือรูปปั้นสิงห์ หรือ ราชสีห์
สิงห์เหล่านี้มีทั้งสวยงาม ทั้งความขึงขัง อลังการ น่าเกรงขาม เพราะสิงห์ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หนึ่งที่ได้รับความนับถือเลื่อมใสมานาน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในพม่าแต่จะมีทั่วไปในเอเชีย แต่ที่พม่านั้นดูจะมีความพิเศษมากไปกว่า วันนี้จึงอยากเก็บตำนานมาเรียบเรียงให้อ่านกันสนุก ๆ และได้รู้ถึงวัฒนธรรมความเชื่อหนึ่งในพม่า
สิงห์หรือราชสีห์เป็นสัตว์ในตำนานป่าหิมพานต์ ถือเป็นเจ้าป่าสัญลักษณ์แห่งความสง่างาม และมีพละกำลังมหาศาล มีเสียงคำรามอันทรงอำนาจจนขยาดกันไปทั้งป่า ซึ่งมี ๒ ชนิด คือ ราชสีห์ และ สิงห์ผสมแต่ละชนิดก็แบ่งย่อยออกไปอีกมากมาย สิงห์จึงรูปร่าง สีสัน ที่แตกต่างออกไป
ตำนานสิงห์ที่เล่าวันนี้เก็บจากเสียงเล่าแจ้ว ๆ ของคุณติ๊ก ไกด์หนุ่มชาวพม่าผู้มีพลังแห่งน้ำเสียงมากมายพอ ๆ กับเรื่องราวที่หลั่งไหลไม่ขาดสายทุกยามที่มีโอกาสค่ะ
นานมาแล้วพระราชาพระองค์หนึ่งมีพระธิดาที่มีรูปโฉมงดงาม จนเลื่องลือไปไกล จึงมีเจ้าชายจากแคว้นต่าง ๆ มาหลงรัก แต่พระนางไม่เหลียวแลชายชายใดเลย เพราะไม่เคยรู้สึกรักหรือชื่นชมชายใด
“นางไม่ชอบใครเลย จะทำอย่างไรดีละ”
พระมารดาทรงเป็นห่วง พระราชาจึงให้ประกาศออกไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ให้ส่งเจ้าชายมาให้พระธิดาเลือก
แต่ก็เป็นเช่นเดิม คือ พระธิดาทรงเมินเฉยกับทุกคน ไม่ว่าองค์ชายเหล่านั้นจะรูปทรงสง่างาม หรือขี้ริ้วขี้เหร่ จะมีความฉลาด เก่งกาจ หรือโง่เขลา เบาปัญญาอย่างไรก็ไม่เป็นทีน่าสนใจต่อเธอแม้สักนิด ในที่สุดทุกคนก็ถอยกลับไปเองด้วยความผิดหวังแกมพิศวง
“หมดแล้วหรือชายหนุ่มที่เข้ามาให้ลูกเราเลือกน่ะ”
พระราชาตรัสถาม
“ว่าไงพวกเจ้า ไปเกณฑ์ผู้ชายทั้งหลายมาหมดแล้วเรอะ”
พระองค์หันไปหาข้าราชบริพาร ซึ่งก็ได้รับคำตอบเช่นกัน ผู้ชายทั่วเขตแคว้นแดนใดก็มาหมดแล้ว แต่เจ้าหญิงไม่รักใครเลย ไม่เคยเหลียวแลใครสักนิดเดียว “ทรงชอบออกไปเดินเล่นในอุทยาน แต่เพียงลำพัง”
แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ที่เจ้าหญิงชอบออกไปที่อุทยานเพียงลำพัง นั้นเพราะเกิดไปหลงรักราชสีห์ตัวหนึ่ง ที่มักจะมาซุ่มอยู่ในทิวดอกไม้เสมอ ๆ
“เจ้าช่าง สง่างามอะไรเช่นนั้น”
เจ้าหญิงตรัสกับราชสีห์อย่างคุ้นเคย เพราะพบกันทุกวัน
ราชสีห์หนุ่มก็เข้ามาคลอเคลีย ด้วยตกหลุมรัก หญิงสาวคนนี้เช่นกัน
“พระธิดาไม่รักชายใด เพราะไปรักราชสีห์หนุ่มที่อุทยาน”
เสียงร่ำลือเริ่มดังขึ้นได้ยินไปถึงพระราชา ทรงโกรธมาก จึงขับพระธิดาออกจากวังไป
พระธิดาตามราชสีห์หนุ่มไปอยู่ในถ้ำกลางป่าด้วยกัน
ต่อมานางก็ตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาเป็นชายร่างกายแข็งแรง และเติบโตเร็วมาก จึงส่งไปเรียนวิชากับพระฤาษีซึ่งมีอาศรมอยู่ในป่านั่นเอง
เด็กชายลูกราชสีห์กับเจ้าหญิง เป็นเด็กฉลาด เรียนศิลปะวิทยาการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปร่างสง่างาม จนใคร ๆ เห็นต่างก็ชื่นชม
สำนัก ของพระอาจารย์ มีชายหนุ่มมาเรียนวิชาหลายคน ทุกคนต่างแสดงอาการกังขาที่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นลูกของราชสีห์กับมนุษย์ หลายคนถึงกับหัวเราะเยาะเย้ยด้วยซ้ำ ทำให้เขาเริ่มโกรธ และพาลไปถึงบิดา มารดา ของตน และกลายเป็นความแค้นบิดาของตนเอง “ดีละ เจ้าสิงห์ เจ้าทำให้ข้าอับอายขายหน้า ข้าจะต้องกลับไปฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”
ไม่มีใครสามารถห้ามปรามเขาได้เลย แม้แต่แม่ที่เขาเคยรักและเชื่อฟัง ความโกรธบังตาเขาให้มืดมิด บังจิตใจของเขาให้มืดบอดด้วย
“ข้าจะฆ่าเจ้าวันนี้แหละ เจ้าสิงห์ผู้ไม่เจียมตัว บังอาจลอบรักกับพระธิดาของพระราชาเชียวหรือ ออกมาจากถ้ำเดี๋ยวนี้นะ” หนุ่มลูกชายตะโกนก้องท้าทายผู้เป็นพ่อของตนเอง ไม่ยอมมองดูแม่ผู้พยายามห้ามปรามด้วยน้ำตานองหน้า
“เจ้าฆ่าข้าได้จริง ๆ หรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ยินดีตายด้วยอาวุธของเจ้า” ราชสีห์บอกอย่างไม่หวั่นเกรง เดินออกมายืนสง่าอยู่หน้าถ้ำ
“ลองดูก็แล้วกัน” ว่าแล้วลูกชายก็ยกคันธนูขึ้นเล็ง และยิงไปที่ร่างของราชสีห์ผู้เป็นพ่อ
เปรี้ยง !! ..........
ลูกที่หนึ่งกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้ ไปตกที่เท้าพ่อ อย่างอัศจรรย์
“อะไรกัน” หนุ่มลูกชาย ยังไม่ยอมเข้าใจ ยิงไปอีกลูกหนึ่ง
เปรี๊ยะ !!......... คราวนี้ กลายเป็นรูปเทียนตกลงที่เท้าของพ่อผู้ยืนสง่าไม่ไหวติงอยู่อีก
“เฮ้ย.... ข้าไม่ยอมหรอก ต้องฆ่าเจ้าให้ได้” เขาตะโกนก้องแล้วตั้งจิตตั้งใจเล็ง ใหม่ แน่วแน่ คราวนี้เองลูกธนูก็วิ่งเข้าปักขั้วหัวใจผู้เป็นพ่อพอดี ร่างสง่างามนั้นล้มลง สิ้นใจตายทันที
ฆ่าพ่อได้สมใจแล้ว เขาก็พาแม่กลับไปเมืองมนุษย์ ไปเฝ้าพระราชาโดยไม่แยแสว่านางจะร้องไห้คร่ำครวญปานใด
ขณะนั้นพระราชากำลังประชวร เมื่อได้รู้ว่าพระธิดากลับมาพร้อมบุตรชายที่สง่างาม ก็ยกราชสมบัติให้หลานชายทันที ก่อนสวรรคต
เมื่อชายหนุ่มลูกราชสีห์ ได้เสวยสุขในราชสมบัติ จึงมีเวลาคิดทบทวนความผิดที่ได้ข้าบิดาผู้มีพระคุณของตน ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และเป็นบาปผิดคอยติดตามรบกวนให้ไม่เป็นสุขทั้งยามหลับ และยามตื่น จึงได้พยายามสร้างกุศลเพื่อไถ่บาป
“บิดาของข้าเป็นราชสีห์ จะต้องสร้างรูปราชสีห์ขึ้นมาบูชา”
คิดแล้วสั่งให้ช่างทำรูปราชสีห์ (สิงโต) ไว้ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่ง เพื่อให้ประชาชนได้เคารพ และต่อมาก็เกิดมีผู้เลื่อมใสมากขึ้น ราชสีห์จึงกลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องดูแล สถานที่เคารพต่าง ๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
********************************