คึดฮอดเมืองลาว ๑๖
ไปเที่ยวเมืองลาว นวดเท้ากับสาวญวน ที่ตลาดสิงคโปร์
“เอื้อยนาง”
คึดฮอดเมืองลาว เที่ยวนี้ ยังอยู่สะหวันนะเขตกันนะคะ ข้ามฝั่งทั้งทีแม้มีเวลาแค่วันเดียวก็จะเที่ยวให้คุ้มละ ไหน ๆ ก็ข้ามมาแล้ว ผ่านด่านตรวจที่แสนจะยากเย็นที่ฝั่งมุกดาหารแล้วจะกลับบ้านมือเปล่าไปได้อย่างไรจริงไหม
ออกจากพระธาตุอิงฮังแล้วมีบ้างบางคน ที่อยากแวะไปสะหวันเวกัสโรงแรมในสะหวันนะเขตที่มีแหล่งบันเทิงครบวงจร คนที่มุ่งมาเที่ยวคาสิโนก็จะนั่งรถบริการของโรงแรมที่มีบริการตรงไปตั้งแต่ออกจากด่านตรวจแล้ว แต่สำหรับคนที่อยากเที่ยวหลายแห่งในสะหวันนะเขตก็สามารถเรียกรถรับจ้างจากที่อื่น ๆ จากในสะหวันนะเขตไปก็ได้อยู่แล้ว แต่คณะของเรามีทั้งเด็ก และคนแก่ล้วนแต่ขาช็อปก็เลยตกลงไปที่ตลาดสิงคโปร์กันดีกว่า
“หิวน่ะ” ใครบางคนบ่นขณะอยู่ในรถสามล้อห้อลิ่วมาบนถนนศรีสว่างวงศ์อันมุ่งตรงไปตลาดสิงคโปร์
“กินก๋วยเตี๋ยวร้านนี่เลยเด้อ” สารถีผู้รู้ใจว่าพลางจอดรถกึก ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ภายในเป็นสวนร่มรื่น จัดเป็นร้านขายอาหารตามสั่งมีทั้งข้าวสวยและข้าวเส้น(หมี่ และก๋วยเตี๋ยว)เราก็เลยสั่งก๋วยเตี๋ยว
โอ้โฮ...ชาม หรือกาละมังกันเนี่ย ทำไมใหญ่โต แถมมีกะปิถ้วยเล็ก ๆ พริกสดเผาและผักเต็มกระจาดมาเคียงอีก
ใหญ่โตขนาดกาละมังแล้วก็มีผู้สั่งเพิ่มนะ เพราะมันอร่อยจริง ๆ ขอบคุณพ่อสามล้อ(ที่นี่เขาเรียกสกายแล็ป) อิ่มแล้วมุ่งตรงไปตลาดสิงคโปร์กันเลย
ตลาดที่ว่านี้ตั้งอยู่บนถนนศรีสว่างวงศ์ที่เคยเป็นตลาดเดิม และได้ชื่อนี้เพราะมีสิงคโปร์เป็นนายทุน เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคคล้าย ๆ โบ้เบ้บ้านเรานั่นแหละ แต่เราคนลาวฝั่งขวาแถวอีสานก็จะได้ยินชื่อเสียงเรื่องสินค้าท็อปฮิตของที่นี่และต่างมุ่งตรงมาซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคุณครูสตรีที่ซื้อแล้วนำไปอวด ๆ กันให้คนที่ยังไม่ได้มาตั้งความหวัง นั่นคือกระเป๋าค่ะ
แล้วเราก็ได้กระเป๋าจากตลาดสิงคโปร์สะหวันนะเขตกลับฝั่งขวากันคนละใบสองใบ อ้อ...มีแต่เจ้าคุณขุนที่ได้นาฬิกา ส่วนเจ้าตัวเล็กผู้ลูกสาวที่ร้องเอาของเล่นแบบไม่ได้หนูจะไม่กลับด้วย ฮ่วย!! ก็ต้องซื้อให้ทั้ง ๆ ที่เทียบกับตลาดฝั่งมุกดาหารแล้วก็รู้อยู่ว่า
โธ่...ซื้อที่มุกถูกกว่าเป็นกำ
สินค้าทันสมัยผลิตจากโรงงานนั้นอยู่ภายในตัวอาคาร แต่ยังมีร้านแผงลอยเรียงรายอยู่ด้านหน้าที่จอดรถ เป็นแผงขายสินค้าพื้นเมืองของชาวม้ง หรือลาวเทิง(ลาวที่อยู่เทิง-บนภูเขา-ลาวสูง-ที่ไม่ใช่ลาวลุ่ม) มีทั้งสมุนไพร ของที่ระลึก ของเก่า สมุนไพรนั้นมีทั้งจากพืชและสัตว์แปลก ๆ ดูน่าสนใจ เช่น จิ้งจกหลายหาง กิ้งก่าหลายหัว ตะขาบหลายขา(เอะ...แปลกไหมเนี่ย)ยาดอง น้ำมันเลียงผา และอื่น ๆ
เดินจนเหนื่อยแล้วมองหาที่นั่งพักรอคณะจะออกมารวมกลุ่มที่หน้าตลาด พลันได้ยินเสียงสาว ๆ ดังขึ้นเอะอะ ฮ้องเฮียกเอิ้นกัน เอื้อนเอ่ย ผสานกับเสียงหัวเราะระริก พลางเรียกลูกค้า พลางยกเก้าอี้ เสนอบริการ
“อะไรกันหว่า” ครั้นได้เพ่งพิศอยู่เป็นครู่จึงได้รู้ว่าคุณเธอทั้งหลายสาวน้อยสาวใหญ่ใส่ยีน สวมกางเกงขายาวแทนผ้าถุงลาวเหล่านี้คือ สาวหมอนวดนั่นเอง
“นวด นวดบ๊อ” ถามพลางนางก็ยกเก้าอี้พลาสติกเก่าจนโย้มาให้นั่ง เราก็นั่งลงแผละ เพราะมองหาที่นั่งพักขาอยู่แต่แรกอยู่แล้ว ฝ่ายเธอก็ไปยกตัวเล็กมานั่งแผละลงตรงหน้าพลางยกเท้าเราขึ้นบีบ ๆ
ทันใดนั้น อีกสองหรือสามสาวก็รุมเข้ามาด้านหลังยื่นมือมาบีบ ๆ อีก
“ฮ่วย ข้อยบ่อได้นวดหลังเด้อ นวดเท้าอย่างเดียว” เราเอะอะบ้างแต่พวกเธอไม่ฟัง หรือฟังไม่รู้เรื่อง จนเราต้องลุกขึ้นอย่างมีอารมณ์ ผู้คนทั้งหลายในที่นั้นมองมาเป็นตาเดียวกัน “บ่นวด บ่อเนิดแล้ว”
“ใจเย็น ๆ ป้า นวดแต่เท้าก็ได้” นางคนยกเก้าอี้พูดลาวสำเนียงเหน่อแล้วหันไปโล้งเล้งเป็นภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่องกับคนอื่น ๆ ที่รุมกันเข้ามาให้แยกย้ายออกไป เราจึงนั่งลง (อายคนด้วยละ)
ก็ปล่อยให้หล่อนนวดเท้า พลางเราก็สอบถามชวนคุยจึงได้รู้ว่านักนวดทั้งหลายที่ยืนเกร่ ๆ ส่งเสียงโล้งเล้งวุ่นวายกันอยู่นี้เป็นสาวลาวญวนทั้งหมด
ด้วยกิริยา อาการ และวาจา ของคนนวดอย่างนั้น จะได้แขกกี่คนกันหนอในแต่ละวัน นอกจากคนที่เมื่อยจริง ๆ หรืออยากนวดเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอย่างเราที่ทั้งเมื่อยขา ทั้งจะหาที่นั่ง และที่สำคัญอยากรู้จักพวกเธอไง ไม่งั้นก็คงไม่หาเรื่องนั่งลงแน่
และนั่นก็คือสาเหตุหนึ่งละที่ทำให้พวกเธอต้องแย่งลูกค้า เสนอที่นั่ง ลากดึง จนกลายเป็นรุมเข้าทุบทึ้ง ส่งเสียงเอะอะ วุ่นวายอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
เฮ้อ...จ่ายเงินแล้วสมาชิกก็มากันครบแล้ว เราก็ออกมามองหาพ่อสามล้อคนเดิมด้านหน้าตลาดกัน
มีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยพอกลับทันก่อนด่านปิด พ่อสามล้อแสนรู้คนเดิมก็พาแวะร้านโอท็อปของลาว คราวนี้ก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับงานศิลปะหัตกรรมที่เป็นของลาวแท้ ๆ อย่างเครื่องสาน ถัก ทอ จัดไว้สวยงามน่าทึ่ง
และที่ได้ติดมือกลับมาก็คือ กระติบข้าวเหนียวแบบโบราณ ต่อส่วนที่ใช้ตั้งให้เป็นตีน สี่ตีน และติดหัวจุก ใช้ติวไม้ไผ่สานเพื่อความคงทน กันมอดมากัดกินได้ดีกว่า ทั้งยังสานด้วยลวดลายขัดแบบเดิม ที่หายากแล้วในอีสานบ้านเฮาผู้เป็นลาวฝั่งขวา
และอีกอย่างที่ได้มาด้วยความอิ่มใจก่อนกลับ ก็คือหนังสือภาษาลาวสองสามเล่ม
เป็นหนังสือที่มีประโยชน์มาก อย่างเช่นครั้งที่แล้วได้เรื่อง “อาณาจักรศรีโคดตะบอง” มาเล่าให้ฟัง(ความจริงอ่าน)ไงคะ และที่น่าปลื้มคือเรื่องนั้นมีผู้อ่านเข้าไปอ่านถึงหมื่นกว่าคนในเวลาไม่นานนัก
คราวนี้จะได้อะไรก็คงยกเป็นคราวต่อ ๆ ไป ค่ะ