พม่าไม่ไปไม่รู้๑๙
เที่ยวโบฉ๊ก อ่องซาน ตามหาแม่เม้ยมะนิก
เอื้อยนาง
แล้วก็ได้เวลาไปเดินตลาดกัน ตลาดที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงนิยมไปจับจ่ายกันที่สุดในย่างกุ้งเห็นจะเป็นที่นี่แหละ โบฉ๊ก อ่องซาน (Bogyoke Aung San Market) ซึ่งตั้งอยู่มุมถนนซูเลพาโกดา และถนนโบฉ๊ก อองซานไม่ไกลจากโรงแรมที่พักมากนัก ดังนั้นหลังอาหารเช้าแล้วเราก็ได้เวลาไปกันละ
ย่านตลาดเป็นย่านเก่าแก่ตั้งแต่ยุคอาณานิคม พอรถจอดปุ๊บสิ่งที่เด่นเป็นสง่าตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยสถาปัตยกรรมสวยแปลกตาก็คือโบสถ์คริสต์ที่อยู่ในรั้วรอบขอบชิดและดูสงบเสงี่ยมสมถะอยู่ในที ขณะที่ในตลาดที่อยู่ใกล้กันพลุกพล่านจอแจด้วยบรรยากาศแห่งการซื้อขายต่อรอง
ตัวอาคารตลาดเป็นสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนี่ยนสร้างขึ้นช่วงปลายยุค คือในปี ค.ศ.๑๙๒๖ (พม่าได้เอกราชปี ๑๙๔๘) เดิมทีตลาดนี้ชื่อ ตลาดสก็อต ตามชื่อของ James George Scott ซึ่งเป็น ข้าราชการอังกฤษยุคนั้น และเป็นผู้นำฟุตบอลสู่พม่า หลังจากพม่าได้เอกราชจากอังกฤษแล้ว ในปี ๑๙๔๘ ก็เปลี่ยนชื่อตลาดเป็น โบฉ๊ก อ่องซาน เพื่อเป็นเกียรติ์แก่ท่านนายพลอองซานวีระบุรุษของชาวพม่า และอาคารตลาดนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของชาติในปี ๑๙๙๐ โดยมีการสร้างปีกของตัวอาคารขยายออกครอบถนนโบฉ๊กอองซานอีกด้วย
นักท่องเที่ยวที่มาเป็นคณะอย่างเรา มีการจัดโปรแกรมไว้แล้ว มักจะถูกจัดให้เที่ยวตามสถานที่อันห่างเหินจากชีวิตของชาวบ้านร้านตลาด ภาพที่ได้ในสองสามวันที่ผ่านจึงแตกต่างจากในตลาดโบฉ๊กอ่องซานอยู่บ้าง
ศูนย์รวมสินค้าทั้งใน และนอกประเทศมารวมอยู่ที่นี่เอง แม่ค้าเจ้าของร้านมีทั้งจีน แขก พม่า มอญ ดูมีสีสันพอ ๆ กับสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องอุปโภค บริโภค ไปจนถึงงานศิลปะหัตกรรม สิ่งทอ เหล้า บุหรี่ ของเก่า ของที่ระลึก เงินตรา และอัญมณีที่อดซื้อติดมือไม่ได้คือ หยกพม่า และแป้งทานากะ
ทานากะทำมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง เขาตัดเป็นท่อน ๆ มากองขายก็มี ท่อนยาวสัก ๖ นิ้ว ขนาดเท่าแขนเด็กทารก สีน้ำตาลคล้ายกราวเครือ เมื่อนำไปฝนกับเขียงใส่น้ำนิดหนึ่งจะได้แป้งสีเหลืองนวลใช้ทาหน้าได้เลย สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งจัดอุปกรณ์ไว้ครบให้นักท่องเที่ยวทดลอง ชาวพม่าไม่ว่าหญิงชายนิยมใช้แป้งทานากะทาเป็นวง ๆ ไว้ตรงแก้ม ดูมีเสน่ห์น่ารัก เมื่อบวกกับแววตาซื่อ ๆ เข้าแล้วให้นึกถึงแม้ค้าตาหวานชื่อแม่เม้ยมะนิกในพงศาวดารเรื่องราชาธิราช
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อคราพระยาอู่ครองหงสาวดีนั้นมีโอรสองค์หนึ่ง พระยาอู่ให้นามว่า มังสุระมณีจักร ครั้นโตขึ้นได้ยศเป็นพระยาน้อย(ต่อมาคือพระเจ้าราชาธิราช) และได้น้องสาวคนละแม่เป็นชายา (ตะละแม่ท้าว) มีลูกชายคือ พ่อลาวแก่นท้าว
พระยาน้อยคนนี้เกิดมารูปไม่งาม ไม่เป็นที่โปรดปรานของพระบิดาเท่าไหร่ มีแต่พระเจ้าป้าคอยดูแลเอาใจใส่ ครั้นจวนจะสิ้นรัชสมัยพระยาอู่ เพราะทรงชราและกำลังประชวรมาก ก็เกิดมีหลายฝ่ายแบ่งแยกเตรียมการก้าวสู่บัลลังก์ พระยาน้อยจึงหนีออกจากหงสาวดีมาสร้างสมกำลังที่เมืองตะเกิง ซึ่งเป็นเมืองเก่าที่พระเจ้าป้า และพระยาน้อยเองก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน ยังมีมีคนเก่าคนเดิมช่วยเหลืออยู่มากพอจะกลับไปยึดบัลลังก์ที่หงสาวดีได้
วันหนึ่งเมื่อจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้วพระยาน้อยก็ออกเลียบเมือง และไปไหว้พระธาตุเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทางไปสู่พระธาตุเจดีย์มีตลาดร้านค้าเรียงราย ขณะเดินชมสินค้าอยู่นั้นก็ได้มาพบสบตากับแม่ค้าตาหวานคนหนึ่งเข้า เธอนั่งขายแป้งน้ำมัน(สมัยนี้คงเป็นเครื่องสำอาง) และแป้งที่เป็นวัฒนธรรมสืบมาก็คือ ทานากะ นี่เอง
แม่ค้าผู้สวยสะดุดตาคนนี้ชื่อ เม้ยมะนิก อายุเพียง ๑๖ ปี แต่จริตกิริยามารยาทช่างแพรวพราวแช่มช้อย และเชิญชวน ทั้งวาจาอันอ่อนหวานมัดใจพระยาน้อยผู้ทิ้งลูกทิ้งเมียไว้หงสาวดีไว้ได้ทันที
แม่เม้ยมีสามีอยู่แล้ว แต่ยังสวยสะดุดตา สวยจนพระยาน้อยอดใจไม่ไหว และแม่เม้ยก็มีใจตรงกันจึงได้มาอยู่ด้วยกันไม่หวั่นเกรงอุปสรรคใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสามีแม่เม้ย และพระนางตะละแม่ท้าว พระชายาที่คอยพระยาน้อยอยู่ที่หงสาวดี
ที่สุดแม่เม้ยมะนิก แม่ค้าหน้าหวานแห่งเมืองตะเกิงแห่งนี้ ก็ได้เป็นที่พระมเหสีของพระเจ้ากรุงหงสาวดี
แต่ตลาดโบฉ๊ก อ่องซานวันนี้หากว่าพระยาน้อยกลับชาติมาเดินชม ก็คงงงเพราะคนสวย ๆ อย่างเม้ยมะนิกช่างมีมากมาย มีทั้งแขก จีน มอญ พม่า ส่วนสินค้าก็มีมากมายลานตาท่วมท้นจนตลึงไปเช่นกัน