ในคมขวาน๗
กระทงหลวง ลอยล่อง ณ สระพังทองสกลนคร
“สาวภูไท”
วันลอยกระทงปี๕๔ มีโอกาสเดินทางจากชายทุ่งกุลาร้องไห้ในแอ่งโคราชข้ามเทือกภูพานสู่แอ่งสกลนคร ในช่วงบ่ายคล้อย ๆ สายลมวอย ๆ พัดทิวข้าวที่กำลังเหลืองอร่ามทั่วท้องทุ่งให้เอนพลิ้ว
ตั้งแต่สารคามผ่านกาฬสินธุ์สู่สกลนครหากผ่านช่วงที่เป็นชุมชนตัวเมือง จะเห็นรถติดขลุกขลักขึ้นมาทันที เพราะมีขบวนแห่กระทงยาวเหยียด อวดความสวยงาม โดดเด่นเต็มท้องถนน กระทงใหญ่โตมโหฬารประดับ ตกแต่ง ด้วยดอกไม้ ใบไม้ ผ้าผืน แพรวา มาบนรถยนต์คันโต โดยมีขบวนนักดนตรีปี่แคนและผู้คนร่ายรำนำหน้า ซึ่งมีทั้งแบบสวยงามตามธรรมเนียมนาฏศิลป์ของกรมศิลป์ที่เผยแพร่ในกระบวนการเรียนการสอนตามสถานศึกษา และแบบร่ายรำเสรีที่มีทั้งเต้น ทั้งฟ้อนอ่อนแอ่น วาดแขน แกว่งขาตามจังหวะสนุกสนานประสาชาวบ้านอีสานทั่วไป
เราอยู่กรุงเทพกำลังทุกข์หนาสาหัสด้วยมหาอุทกภัยจนลืมไปเลยว่าเคยมีเทศกาลลอยกระทง หันหน้ามาบ้านกลับเห็นความผ่องใส เห็นความสวยงามพร้อมการสืบสานประเพณีให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความหวังในชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
รถถึงสกลนครเมื่อเวลาหกนาฬิกาตะวันตกดินไปแล้วเป็นเวลาแห่งการจุดประทีปลอยกระทงของชาวสกลนครพอดี มีชื่อเรียกขานตามภาษาถิ่นว่า เทศกาลสิบสองเพ็งไทสกล ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณสระพังทอง ริมหนองหานด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองสกลนคร
สระพังทองสกลนคร เดิมเป็นบารายในคติขอมโบราณ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับหนองหานอันกว้างใหญ่เอกลักษณ์ของสกลนคร บริเวณใกล้กันจัดเป็นสวนสมเด็จพระศรีนัครินทร์สกลนคร ซึ่งเป็นสวนสาธารณะใช้เป็นที่พักผ่อนของชาวเมืองท่ามกลางบรรยากาศอันสดชื่นเย็นสบายด้วยสายลมและเงาไม้ชายน้ำ เป็นที่สำหรับจัดงานรื่นเริง งานเทศกาลต่าง ๆ ด้วย
พื้นดินถิ่นสกลนครในอดีตเคยเป็นบ้านเมืองส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรขอมโบราณ ตำนาน นิทานพื้นบ้านหลายเรื่องมักกล่าวถึงพระยาขอมผู้เป็นใหญ่ ปัจจุบันมีร่องรอยเหลือปรากฏอยู่เป็นสถาปัตยกรรมปราสาทหินหลายแห่ง เช่น สะพานขอม ปราสาทหินนารายณ์เจงเวง ปราสาทหินภูเพ็ก พระธาตุดุม และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในวัดพระธาตุเชิงชุมซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบริเวณนี้
สระพังทองเป็นสระน้ำกว้างใหญ่รูปสี่เหลี่ยมริมหนองหานมีน้ำขังตลอดปี เชื่อว่าเป็นบารายที่มีความเกี่ยวพันกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุเชิงชุม มีเรื่องที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ามาว่า หากใครทำครุ หรือถังตักน้ำหล่นลงไปในบ่อน้ำแห่งนี้ให้ไปคอยเก็บเอาที่สระพังทอง เพราะด้านล่างมีอุโมงค์ทะลุถึงกัน เรียกว่าภูน้ำลอด ซึ่งถ้าวัดระยะทางคงได้หลายร้อยเมตร
สระพังทองจึงเป็นเสมือนหัวใจของสกลนคร และประเพณีสิบสองเพ็งไทสกลก็จัดขึ้น ณ สระน้ำกว้างใหญ่แห่งนี้
พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่บนขอบฟ้าด้านหนองหาน คล้ายจะมาส่องเยี่ยมดูผู้คนที่แออัดคลาคล่ำ ณ ลานเหนือสวนสมเด็จฯในค่ำคืนแห่งมนตร์ขลัง ต่อเนื่องออกไปเป็นถนนด้านหลังวัดพระธาตุเชิงชุมนั้นมีร้านค้าร้านขายผุดเรียงราย เป็นเส้นเป็นสาย สินค้าที่ผุดพรายมาล่อตาล่อใจให้ซื้อก็คือกระทงใบน้อยประดับด้วยดอกไม้สวยสดใส ให้ความสะดวกแก่ผู้มาเที่ยวงานและอยากลอยกระทงริมหนองหานบ้าง กระทงทั้งหมดเป็นกระทงทำจากใบตอง ประดับด้วยดอกไม้สด เสียบธูปและเทียนไว้ตรงกลาง บางร้านนั่งทำไปด้วยขายไปด้วย เรียกว่าทำกันสด ๆ เลยทีเดียว
ริมตลิ่งที่ทอดยาวของสระพังทองค่ำคืนนี้จึงวิบวับ เรืองรองไปด้วยแสงประทีปจากกระทงน้อยที่ล่องลอยในผืนน้ำ
และกระทงสำคัญที่ใคร ๆ ก็มุ่งหน้ามาชมในค่ำคืนนี้ คือ กระทงพระประทีบพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระราชทาน แก่ชาวสกลนครเป็นประเพณีสืบมานับเนื่องหลายสิบปี เรียกกันติดปากว่ากระทงหลวง
นับเป็นบุญตา บุญใจให้ประชาราษฎร์ชาวสกลนครในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงให้กระทงหลวงลงลอยล่องในสระพังทอง
หลังอำนาจขอมเสื่อมเมืองหนองหานใหญ่แห่งนี้อยู่ในอิทธิพลของล้านช้าง และมีชาวพื้นถิ่นหลากหลายเผ่าพันธุ์อยู่อาศัย เช่น ไทย้อ ไทโย้ย ไทกะเลิง ไทญวน และผู้ไท อยู่ผสมผสานหล่อหลอมเป็นไทสกลมีวัฒธรรมประเพณีฮีตสิบสองสืบสานต่อเนื่องมายาวนาน
ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นความภาคภูมิใจใหญ่หลวงก่อเกิดกับชาวสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จแปรพระราชฐานพักแรม ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ บนภูพานในเขตจังหวัดสกลนครซึ่งเป็นปีแรก และต่อเนื่องมาทุกปี และบังเอิญว่าช่วงเวลาเสด็จมานั้นเป็นช่วงเทศกาลสิบสองเพ็งไทสกลพอดี จึงได้มีการขอพระราชทานพระประทีปกระทงหลวงเพื่อร่วมลงลอยในสระพังทอง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณประทานให้ในมีแรก พ.ศ.๒๕๒๒ นับเป็นความปลื้มปิติของชาวสกล มีการตั้งขบวนแห่ไปรอบเมือง ก่อนนำไปประกอบพิธีลอยในสระพังทองดั่งในค่ำคืนแห่งเพ็ง(วันเพ็ญ)เดือนสิบสองที่ผ่านมา
น้ำในแม่เจ้าช่วงเวลานี้เอ่อนองเข้าท่วมกรุงเทพฯ กลายเป็นน้ำเน่าเหม็นที่ทุกคนขยะแขยง แต่ผืนน้ำในสระพังทองยังมีกระทงที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงอธิษฐาน ของผู้คนทั้ง หนุ่มสาว ผู้เฒ่า และเด็กน้อยลอยล่องออกไปกลางสายน้ำ ห้อมล้อมกระทงหลวงดูราวกับดาวล้อมเดือน
ฤาเป็นดาวจากฟากฟ้าได้ลอยลงมากะพริบพราว ระยิบระยับในสระพังทอง
๐๐๐๐๐