http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,276,922
Page Views16,603,554
« September 2024»
SMTWTFS
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930     
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บ้านทุ่งแสนสุข โดยมณีดิน ตอน1.ห้องเรียนธรรมชาติ

บ้านทุ่งแสนสุข โดยมณีดิน ตอน1.ห้องเรียนธรรมชาติ

บ้านทุ่งแสนสุข  โดย มณีดิน

ตอน1.ห้องเรียนธรรมชาติ

 

                   บ้านผมเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง ตั้งอยู่ริมคลองลัดตัดโค้งที่น้ำไหลไปรวมกันที่คลองใหญ่ชื่อว่า คลองห้วยคัน คลองสองคลองนี้มีน้ำไหลผ่านเพียงช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้น ครั้นถึงฤดูน้ำลดก็ลดตาม จนถึงหน้าแล้งน้ำก็แห้งขอดคลอง เรือที่เคยสัญจรผ่านไปมาก็หดหายไปด้วยเช่นเดียวกัน

                   คลองแห้งขอดจึงกลายเป็นทางเดินโคกระบือ

                   ริมคลองลัดเลาะเลียบจากทิศตะวันตกของหมู่บ้านแล้วไหลไปออกที่หน้าวัดด้านทิศตะวันออก คลองลัดจึงกางกั้นระหว่างบ้านผมกับบ้านห้วยคันเหนือ

                   แถมยังมีสะพานไม้กว้าง 1 วา ทอดยาวเลาะเลียบไปตามแนวคลองลัดแล้วข้ามคลองห้วยคัน สะพานช่วงนี้ยกสูงให้เรือลอดผ่านได้สะดวก    สะพานทอดยาวจนไปถึงศาลาท่าน้ำของวัดห้วยคัน  สะพานยาวนี้ทุกผู้ใช้สัญจรทั้งยามแล้งและยามน้ำเต็มฝั่ง

                   พ่อผมใช้ไม้กระดานแผ่นเดียวทอดพาดไปยังสะพานไม้ ตกค่ำก็ชักเก็บ ตัดการสัญจรระหว่างสะพานไม้กับบ้านผม  รอยต่อของสะพานอยู่ตรงนอกชานเรือน อันเป็นชานโล่งๆ ปูด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ พี่เจนถูจนเลียบเป็นมันทุกวัน  

                   คืนไหนเดือนหงายฉายฉาบท้องฟ้า แม่ชอบชวนพวกเราสี่พี่น้องท้องเดียวกัน ออกมาปู่เสื่อนอนที่นอกชาน ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ หน้าร้อนและแล้ง ยุงไม่ค่อยมี แม่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าดาราพรายและเล่าว่า

                   “คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง วันนี้วันขึ้น 15 ค่ำ แสงจันทร์นวลผ่องส่องประกายไปทั่วแผ่นฟ้าและนาทุ่ง เหมือนกลางวันวันที่เมฆบดบังแสงแดดแผดจ้าไหม?” พวกเราตอบพร้อมกันว่า

                   “เหมือน”  

                   แต่ถ้าคืนไหนใกล้เวลาหนึ่งทุ่ม พระจันทร์ถึงจะค่อยๆแมนออกมาจากขอบฟ้าหลังวัด สีของดวงจันทร์จะเข้ม ดวงจะโต แม่จะบอกว่า

                  “คืนนี้ขึ้นหนึ่งค่ำแล้วซินะ พระจันทร์เลยมาช้าตามเวลาไง ถ้าสองค่ำก็มาสองทุ่ม” พวกเรานอนนิ่งแต่เงี่ยหูฟังเสียงเล่าจากแม่ บางคืนแม่ก็บอกว่า

                  “คืนแรม 5 ค่ำ ก็พระจันทร์รูปเคียว เอ หรือว่าพระจันทร์ยิ้มกันแน่นะ ดูกันซิ ใครรู้ตอบ” เสียงแม่เร่งเร้าให้สนใจ

                  “ฉันว่ารูปเคียวนะแม่” พี่จันทร์ตอบ

                  “ผมว่าพระจันทร์ยิ้มนะแม่ จริงไหมวะไอ้ทุย” ผมสะกิดน้องชายให้ว่าตามพรางกระซิบ

                  “เดี๋ยวกูไม่พาไปนะมึง” ก็เป็นอันรู้กัน น้องชายผมจะผสมโรงทันที  

                  “จริงเลยครับแม่ พระจันทร์ยิ้ม”

                   แม่หัวเราะ “สองต่อหนึ่ง แม่ตัดสินให้เป็นพระจันทร์ยิ้ม” สิ้นเสียงแม่ พี่จันทร์แพ้ ผลุดลุกแล้วสะกิดพี่เจนให้ลุกตาม พี่เจนเป็นคนขี้เซา งัวเงีย งงงวย แต่ก็ลุกตามเข้าห้องนอน ผมและน้องชายหัวเราะสนุก

                   เคล็ดลับ  ทุกครั้งที่ผมสะกิดน้องชาย เขารู้ว่าต้องตอบคล้อยตามผม ด้วยว่าผมรู้จุดอ่อนของเขานั่นก็คือ เขาติดลิเกหงอมแงม  มีลิเกมาปิดวิก(โรงมหรสพ)ที่วัดเมื่อไร เขาต้องร้องขอให้ผมพาหนีพ่อแม่ไปดูทุกคืน

                   แต่ถ้าคืนไหนเป็นคืนเดือนมืด แม่ก็จะชี้ชวนให้ดูดวงดาวนับพันนับหมื่น หรือนับแสนหรือนับล้านดวงที่เปล่งแสงระยิบระยับพรับพรายบนท้องฟ้าสีดำสนิท          

                  “โน่นไงดาวไถ รูปดาวที่เรียงกันเหมือนคันไถไหมล่ะ” พวกเราก็จะจดจำและส่ายสายตาตามมือและเสียงแม่ที่ชี้นำ

                  “เหมือนจ้ะ/ครับแม่”

                  “โน่นดาวลูกไก่ bฟืเมี 7 ดวง ดวงเล็กๆ แสงริบหรี่ๆ แต่เกาะกลุ่มกันอยู่ ใครร้องเพลงดาวลูกไก่ได้บ้าง” แม่ถามทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก “ไหนไอ้ดำ ร้องซิ เอาตอนสองเลยนะ”

                   ผมโก่งคอขันเสียงแจ้วด้วยเนื้อเพลงดาวลูกไก่ พี่จันทร์ใช้ไม้ขัดหม้อเคาะจังหวะ ส่วนไอ้ทุยใช้ขันน้ำอลูมิเนียมเคาะตาม แม่นอนยิ้มเผล่ แต่เสียงพี่เจนกรน “คร็อกฟี้ๆ”

 

                   “พระธุดงค์ทรงกลด ตะวันก็หมดแสงส่อง อาศัยโคมทองจันทรา ที่ลอยขึ้นมายอดเขา ฝ่ายว่าสองยายตา จึงเกิดศรัทธาสงสาร พระผู้ภิกขาจารย์ จะขาดอาหารมื้อเช้า
อยู่ดงกันดารป่านนี้ หรือก็ไม่มีบ้านอื่น  ข้าวจะกล้ำน้ำจะกลืน  จะมีใครยื่นให้เล่า
พวกฟักแฟงแตงกวา  ของเราก็มาตายหมด  นึกสงสารพระจะอด ทั้งสองกำสรดโศกเศร้า  สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย นี่แน่ะยายเอ๋ยตอนแจ้ง ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง
ฝ่ายยายไม่แย้งตาเฒ่า ฝ่ายแม่ไก่ได้ยิน  น้ำตารินรี่ไหล ครั้นจะรีบหนีไป
ก็คงต้องตายเปล่าๆ  อนิจจาแม่ไก่  ยังมีน้ำใจรู้คุณ ที่ยายตาการุณ
คิดแทนคุณเม็ดข้าว น้ำตาไหลเรียกลูก เข้ามาซุกซอกอก น้ำตาแม่ไก่ไหลตก
ในหัวอกปวดร้าว อ้าปากออกบอกลูก  แม่ต้องถูกตาเชือด คอยดูเลือดแม่ไหล
พรุ่งนี้ต้องตายจากเจ้า มาเถิดลูกมาซุกอก ให้แม่กกก่อนตาย แม่ขอจะกกเป็นครั้งสุดท้าย  แม่ต้องตายตอนเช้า  อย่าทะเลาะเบาะแว้ง  อย่าขัดแย้งเหยียดหยัน
เจ้าจงรู้จักรักกัน อย่าผลุนผลันสะเพร่า  เจ้าตัวใหญ่สายสวาท  อย่าเกรี้ยวกราดน้องน้อง
จงปกครองดูแล ให้เหมือนแม่เลี้ยงเจ้า น่าสงสารแม่ไก่ น้ำตาไหลสอนลูก
เช้าก็ถูกตาเชือด ต้องหลั่งเลือดนองเล้า ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด เหมือนถูกเด็ดดวงใจ
จึงพากันโดดเข้ากองไฟ  ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว 

ด้วยอานิสงส์อันประเสริฐ  ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว”

                   เสียงใสๆดังก้องไปไกลถึงปลายคุ้ง เสียงแหล่เพลงยังไม่จบ พี่จันทร์ กับไอ้ทุย เช็ดน้ำตาป้อยๆ แม่เหลือบตาดู แล้วหรี่นัยน์ตาด้วยความคิดคำนึงพร้อมรำพึงเบาๆ

                   “โถ..บ่อน้ำตาตื้น” แล้วหัวเราะฮึๆด้วยความรัก       
                   เกือบทุกค่ำคืน  นอกชานบ้านได้กลายเป็นห้องเรียนธรรมชาติ ท้องฟ้าเวิ้งว้างกลายเป็นกระดานฉนวน ดวงดาวและดวงจันทร์เป็นเรื่องราวที่แม่สอน  แม่เปลี่ยนหน้าที่เป็นครูแม้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง  ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่เอาเรื่องราวมากมายที่ไหนมาเล่า แต่ก็มีมาเล่าได้ทุกคืน

                    พี่จันทร์  ผมและไอ้ทุยชอบฟังเรื่องเล่าของแม่ แต่พี่เจนชอบนอนหลับ พี่เจนคงเหนื่อยงานมาทั้งวัน พ่อผมนะหรือ พ่นบุหรี่ซิกาแรตตราพระจันทร์อยู่บุ๋ยๆ ริมขอบหน้าต่าง และไม่รู้ว่าท่าทีครุ่นคิดนั้นเขาคิดอะไรอยู่

                     คืนเดือนมืดคืนหนึ่ง แม่ชี้ให้ดูบนท้องฟ้า

                    “พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว มีดาวดวงใสๆ ลอยเคียงอยู่ใกล้ๆ  คืนนี้แหละ จะมีหนุ่มพาสาวหนีตามกันไป(การพากันหนี อาจเกิดจากญาติผู้ใหญ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย)”

                    “ใครล่ะแม่” พี่สาวคนรองถามเบาๆ  ผมกับน้องชายรอฟังด้วยหัวใจกระเส่า ตื่นเต้น

                    “แม่จะไปรู้รึ โบราณว่าอย่างนี้ พอเช้าก็จะรู้ว่ามีใครหนีตามกันไปบ้าง” แม่ตอบเรียบๆแต่เร้าอารมณ์อยากรู้พิลึก

                   “แต่บางทีก็ไม่รู้หรอก  ก็คนในหมู่บ้านอื่นเขาอาจจะหนีตามกันไปก็ได้  อ้อ.. มีอยู่ครั้งหนึ่ง หมู่บ้านเรานี่แหละ หนีตามกันไปจริงๆ ตรงกับคืนเดือนแรมที่มีดาวสุกใสมาเคียงเดือนอย่างคืนนี้”  

                   “ใครจ๊ะแม่” พี่จันทร์ลุกลี้ลุกลนถาม ผมและไอ้ทุยนิ่งด้วยยังไม่ประสานัก

                   “พี่เทียนกับพี่ถม บ้านหัวคุ้งน้ำสามแยกคลองอีดูดมาบรรจบกับคลองห้วยคันไง”

                   เสียงแม่ตอบเหมือนกระซิบ เหมือนกลัวใครจะมาได้ยิน พี่จันทร์เบิกตาโพลงแล้วร้องขึ้นด้วยเสียงดังลั่น

                   “พ่อกับแม่อีเริงเพื่อนหนูเองแม่”

                   แม่มักเล่าเรื่องราวที่อิงความจริง มีนิทานบ้างในบางคืน มันเป็นความสุขที่ฝังใจจำกับค่ำคืนที่ได้นอนแนบพี่น้องและแม่ บนเสื่อกกที่แม่ถักทอไว้ใช้เอง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view