Incredible อินเดีย
“เอื้อยนาง”
๑.ลำนำในม่านราตรีกาล
เป็นราตรีของวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
เป็นราตรีที่เหน็บหนาวและยาวนาน ที่คณะของเรา ผู้แสวงธรรมจากแดนไทย เดินทางสู่แดนพุทธภูมิ ๔๒ ชีวิต พระภิกษุ ๑๘ รูปพร้อมญาติโยมอีก ๒๔ คน นำโดยคุณรุ่งสุนีย์ เลอศิริพงศ์จากแก้วกานดาทัวร์ และได้รับความกรุณาอย่างสูงจากพระอาจารย์ ดร.มหาไพเราะ ฐิตสีโล เป็นพระภารตะวิทยากรผู้ชำนาญและการเดินทางสู่อินเดียครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๘๖ แล้ว เราจึงเป็นคณะที่โชคดีได้รับทั้งรสพระธรรม ทั้งความรู้เกี่ยวกับประวัติพระพุทธองค์ สถานที่จริงที่เกี่ยวข้อง และพื้นถิ่นอินเดียไปด้วย ความเมตตา เ ป็นกันเอง ที่ท่านมีให้ชาวคณะตลอดการเดินทางเราจึงเรียกท่านว่า หลวงพ่อของพวกเรา นอกจากนั้นยังมีคุณกิตติชัย ซิงห์ เป็นไกด์นำทางฝ่ายอินเดียอีกคนที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีอินเดียที่เป็นจริงอีกด้วย
เป็นราตรีของคืนข้างแรมอ่อน ๆ พระจันทร์ดวงแหว่งเว้าลอยคว้าง มองเห็นเป็นเงาซ้อน ราวกับมีสองดวงเหลื่อมซ้อนกันอยู่ด้วยหมอกหนาที่แผ่ความหนาวเหน็บโอบอุ้มหุ้มห่อรถโค้ชคันใหญ่สีแดงน้ำตาลพาหนะของเราไว้ในอ้อมกอด เป็นคันที่ไปรับเราจากสนามบินเมืองโกลกัตตา รัฐเบงกอลตะวันตก พามุ่งหน้าสู่ตะวันตกเฉียงเหนือสู่ผืนแผ่นดินที่เป็นแคว้นมคธในสมัยพุทธกาล ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงราชคฤห์ และจุดหมายแรกของเราคือเมืองคยา(GAYA) อันเป็นที่ตั้งของพุทธสังเวชนียสถานพุทธคยาที่เรามุ่งหน้าไปกราบไหว้
ก็รถโค้ชคันนี้แหละที่เขียนตัวอักษร Incredible India ตัวโตโดดเด่นไว้ท้ายรถ อันเป็นแรงบันดาลใจในชื่อสารคดีชุดนี้
เวลาในเมืองไทยเราเร็วกว่าที่อินเดียหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ค่ำคืนนี้จึงยาวนานเป็นพิเศษ เพราะเราเดินทางลัดฟ้าตามหลังดวงตะวันมา ออกจากสุวรรณภูมิสองทุ่มกว่า ๆ ใช้เวลาบินสองชั่วโมงครึ่งก็น่าจะถึงสักสี่-ห้าทุ่ม แต่กลับยังเป็นเวลาสามทุ่มกว่า ๆ เองที่เราก้าวย่างลงในพื้นดินอินเดีย หลายคนจึงหลับสบายไปในรถ แต่เชื่อเถอะมีหลายคนหลับ ๆ ตื่น ๆ หลายคนลืมตาโพลงมองดูหมู่ดาวที่กะพริบพราวเปล่งแสงแข่งเดือนดวงเว้าที่แขวนลอยบนปลายฟ้าข้างหน้าต่าง
ที่นี่หรือคือแผ่นดินอินเดีย ดินแดนแห่งพุทธภูมิ ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของหลากหลายศาสนา หลากหลายลัทธิความเชื่อของโลก เป็นอู่อารยะธรรมมาแต่โบราณ ที่รุ่งเรืองไหลบ่าสู่อุษาคเนย์ ซึ่งยังคงตกค้างสืบทอดมาจนปัจจุบัน ทั้งด้านปรัชญา ศาสนา ลัทธิความเชื่อ ศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรม เราคนไทยจะคุ้นเคยชื่อ คำ ที่เป็นภาษาบาลี สันสกฤตจนแยกไม่ออกว่าคำไหนไทยแท้ คำไหนอินเดีย คุ้นเคยราวกับเคยเห็นแม่น้ำคงคา ยะมุนา จุฬาตรีคูณ ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวของอินเดีย จากนิทาน พุทธประวัติ บทเพลง บทกวี วรรณคดี ที่คนไทยแต่ง ดัดแปลง และแปลไปจากอินเดีย
อินเดียจึงเป็นเหมือนดินแดนในฝันที่เราอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต
ไปเห็นแล้ว หลายคนตกใจ เพราะตัวเองวิ่งไปไกล (ในวัฒนธรรมวัตถุนิยม)สุดกู่แล้วไม่เคยมองย้อนกลับหลัง แต่หากจะหยุดมองด้วยสายตาพินิจ และใช้ปัญญาสักนิดเราจะพบว่า อินเดียนั้น Incredible จริง ๆ ค่ะ
จากโกลกัตตา ไปสู่เมืองคยา ๓๐๐ กิโลเมตรกว่า ๆ ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสิบชั่วโมงเชียว เพราะสภาพถนนที่มีเพียงสองเลน และคุณกิตติชัยบอกว่า ตามกฎหมายอินเดียแล้วรถวิ่งได้ไม่เกินสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็ดีในด้านความปลอดภัย และเราก็ได้รู้ว่าคนอินเดียนั้นชีวิตสุขสบายและใจเย็นเป็นที่สุดละ
ผืนแผ่นดินอินเดียที่เห็นดูกว้างโล่ง อ้างว้างในแสงนวลแห่งจันทราในครารถวิ่งผ่านเขตท้องไร่ท้องนา ครั้นผ่านเข้าสู่เขตตัวเมืองหรือหมู่บ้านจะมีดวงไฟหรุบหรู่อยู่ประปรายส่องให้เห็นบ้านเมืองที่สร้างด้วยอิฐทั้งนั้น มองหาบ้านไม้ไม่เจอเลย มาทราบอีกอย่างว่ากฎหมายอินเดียเขาห้ามตัดต้นไม้ แม้ในที่ของตนหากจะตัดต้องขออนุญาตซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก
บ้านของชาวอินเดียแถบนี้ดูคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมตั้งต่อ ๆ กันขึ้นไป หลังคาไม่มีจั่วแต่จะเป็นลานใช้ประโยชน์ เป็นที่พักผ่อนของครอบครัว ยามเย็น ๆ หากฝนไม่ตกเป็นที่พบปะ กินอาหารเย็นด้วยกันท่ามกลางแสงเดือน แสงดาว และสายลมสดชื่น หลายบ้านให้เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ เป็นราวตากผ้า กระทั่งกองฟาง บางหลังก่อฐานไว้เพื่อจะต่อขึ้นไปอีกชั้น และอีกชั้น...ในวันข้างหน้า
ถอย ถอย ถอย ถอย .....
ไป ไป ไป ไป .....
ต๋อย ต๋อย ต๋อย ต๋อย.....
เป็นเสียงแตรรถที่คนขับหนุ่มใหญ่ร่างเพรียว หน้าเข้ม นัยน์ตายิ้มของเราเขาใช้ตลอดเวลา ตลอดเส้นทางไม่มีว่างเว้น บางครั้งดังกระชั้นถี่ดั่งจะใช้ขับไล่ใครอีกคันให้หลบหลีกไปโดยเร็ว แต่บางครั้งคุณเธอก็กดแตรเป็นเสียงเยิ่นยาวราวกับหวูดรถไฟ มีบ่อย ๆ ที่เป็นเสียงอ้อนวอนขอทางอย่างอ่อนโยนจนฟังเป็นเสียงออดอ้อนดั่งลำนำทำนองเพลง
เป็นลำนำที่แปรเปลี่ยนไปได้หลายท่วงทำนอง เป็นทั้งเสียงขับไสไล่ส่ง เป็นทั้งเสียงวอนเว้าเคล้าคลอ เป็นทั้งเสียงกรีดร้องของเหล่าภูติในราตรีกาล
ค่ำคืนอันยาวนานและเหน็บหนาวนี้จึงไม่เปล่าเปลี่ยวนัก หลายคนจึงถูกกล่อมจากลำนำเพลงเสียงแตรจนหลับใหล
Incredible India จริง ๆ ค่ะ
นี่เป็นเพียงเสียงแตรรถนะคะ ยังมีความมหัศจรรย์พันลึกจะเล่าอีกเยอะ อย่าลืมติดตามตอนต่อ ๆ ไป....
๐๐๐๐๐๐๐