เสือกลิ่นสาบ
ตอน32. จะมีใครเล่ามาร่ำไห้อาลัยหา
โดย อินทรี ดำ
มณีเดินทางไปจังหวัดน่าน ไปยังสำนักงานพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2 ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ส่าไปรับที่ท่ารถโดยสารอำเภอเวียงสา ระหว่างทางสาเงียบไปกว่าเดิม มณียิ่งเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาคงส่อว่ามีความในใจ รถเลาะเลียบไปตามไหล่เขาที่คดโค้ง ถึงโค้งไหนมณีก็มีความหลังฝังใจ โค้งต้นมะค่าเย็นมณียังอดชะเง้อมองขึ้นไปเหมือนทุกครั้ง พึมพำในใจ ยังอยู่ ผ่านไปโค้งตะเคียนใหญ่โค่น มณีนึกแล้วก็ขำ อะไรจะโมโหโกรธาขนาดนั้น
“หัวหน้า หัวหน้า” เสียงส่วนระล่ำระลัก มณีมองหน้าแล้วขมวดคิ้ว มณีนึกในใจอะไรของเขานะ ปกติส่วนไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย สงบเงียบ เรียบร้อย
“ต้นเคียนยักษ์ที่ห้วยโป่งล้มแล้วครับ” สิ้นเสียงส่วน มณีหน้าแดงแล้วตาขวาง เสียงดังคับสำนักงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนตกตะลึง
“ไอ้สัตว์เอ้ย เหลืออยู่ต้นเดียวยังมาเอาของกูไปอีก ไอ้ระยำ ไป ไปด้วยกันทั้งหมด ไป!!” เสียงที่ดังคับห้องของมณีทำให้ตื่นตกใจไปกันหมด ทุกคนเตรียมตัวเร็วจี๋ แม้แต่สมชายที่สนุกสนานตลอดเวลาก็พลอยหน้าเผือดไปถนัด ชั่วพริบตาทั้งรถก็เพียบไปด้วยแก็งค์ที่เคยขา
สมชายขับรถทันใจออกไปด้วยการพุ่งทะยาน ได้ใจมณี แต่พอถึงปากทางด้วยความเคยชินก็ยังรีรอแล้วถาม
“ซ้ายหรือขวา” สิ้นเสียงสมชายก็ได้ยินเสียงที่ไม่สนุกกลับมาอีกครั้ง
“ต้นเคียนอยู่ซ้าย จำไม่ได้รึ?” มณีเสียงเขียว สมชายนึกในใจ วันนี้ของขึ้นจริงๆ ประเสริฐนั่งเงียบหน้าซีดตลอดทาง รู้ด้วยความเคยชิน หากโกรธก็เป็นอย่างนี้ แทบว่าจะขยี้ให้ตายคามือ หากอารมณ์ดีก็ดีใจหาย
สมชายเลี้ยวซ้ายแล้วป่ายขวาไปตามถนนที่คดโค้ง ชั่วพริบตาก็ถึงโค้งต้นตะเคียนยักษ์ มณีตาถลน ทุกคนตะลึงงัน ต้นตะเคียนยักษ์กว่าสี่คนโอบสูงเสียดฟ้ากว่า 30 เมตร ล้มตายลงตรงหน้า กิ่งก้านหักสะบั้น ลำต้นแตกเสี้ยนกระจาย ขวางลำห้วยโป่งเต็มที่ มณีเดินไปดูแล้วก็ตะโกนด่าด้วยความโกรธที่ยังไม่ลดลง
“ถึงแล้วครับ” สาจอดรถหน้าบ้านพักแล้วเรียกมณีเบาๆ มณีสะดุ้งจากภวังค์ที่คร่ำเครียด ก้าวลงจากรถด้วยอาการเซ็งๆ แล้วก็ทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย เดินมานั่งกินกาแฟ แล้วก็โซ๊ยข้าวต้มเจ้าเก่า ม้วนยืนยิ้มอยู่ข้างๆ รอบริการ สายตาม้วนมีความสุขที่ได้เห็นหัวหน้าอร่อยกับฝีมือของตน สานั่งดูดบุหรี่อยู่ใต้ต้นไม้ จิบกาแฟร้อนตามสบายอารมณ์ของเขา
มณีก้าวเข้าสำนักงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่บ่งบอกเรื่องราวใดๆ ทักทายทุกคนเหมือนไม่เคยพบเจอ เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะ และเสียงหยอกเหย้า ทำให้สำนักงานนี้ “ยิ้ม”
มณีเดินเข้าห้องทำงาน แต่แล้วก็โผล่หน้าออกมาจะร้องสั่ง มีเสียงสั่งแทนพร้อมๆกัน
“กาแฟแก้ว” ตามด้วยเสียงหัวเราะครืนใหญ่ มณีส่ายหัวแล้วผลุบเข้าห้อง
นานเป็นเดือน มณีก็ยังไม่ได้ข่าวคราวเรื่องคำสั่งย้าย มณีเก็บความรู้สึกที่อึดอัดใจมากขึ้นทุกวัน
“สมชาย มีหนังสือจากกรมป่าไม้ไหม” มณีเดินไปถามสมชาย
“ก็มีแต่หนังสือทั่วไป ระเบียบมั่ง หนังสือเวียนมั่งครับ”
สมชายตอบแล้วมองหน้า มณีเดินหลบไป แล้วก็เฉออกนอกสำนักงานทำทีไปเดินดูสนามหญ้าบนระเบียงดิน
อีกหลายวัน มณีก็เดินมาถามหาหนังสือจากกรมป่าไม้ว่ามีไหม จนทุกคนเริ่มเอะใจ เสียงซุบซิบเริ่มกระจาย หนังสือจากกรมป่าไม้เรื่องอะไรที่หัวหน้าเพียรถาม
แล้ววันหนึ่ง หนังสือที่หัวหน้ารอคอยก็มาถึง สมชายเปิดซองแล้วร้องเสียงหลง พร้อมกับอ่านคำสั่งเสียงดังคับห้อง
“คำสั่งกรมป่าไม้ที่ 1774/2531 ลงวันที่ 23 เมษายน 2531 เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ ......1.นายมณี บันลือ นักวิชาการป่าไม้ 6 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.2 ย้ายไปประจำกองอนุรักษ์ต้นน้ำ กรมป่าไม้ .
มณีโผล่หน้าออกมาตามเสียงที่สมชายอ่าน หน้าตื่นออกมาแล้วคว้าคำสั่งไปจากสมชาย เดินหนีเข้าห้องแล้วเก็บตัวเงียบ ทุกคนนั่งนิ่งด้วยความพะอืดพะอม ดีใจหรือเสียใจ ยังไม่มีสัญญาณบอกเหตุ แต่ทุกคนรู้แน่ชัดแล้วว่า หนังสือที่หัวหน้าเฝ้ารอและถามถึงทุกวัน คือคำสั่งย้าย มณีได้ย้ายสมใจ แต่เพื่อนร่วมงานเล่า ดีใจไหม
ในห้องทำงานของมณี มณีนั่งนิ่งมองกระดาษคำสั่งด้วยน้ำตาคลอเบ้า มณีนิ่งแล้วก็ได้แต่นึกถึงวันคืนเก่าๆ ความสุขเมื่อผลงานออกเสียงหัวเราะระรื่น เสียงคุยโขมงถึงวีรกรรมแต่ละครั้ง ยิ่งนึกถึงความอึดอัดใจเมื่อต้องจับไม้สารวัตรใหญ่และจับบริษัททำไม้จำกัด มณีนั่งทบทวนแล้วก็รู้สึกผิดที่เอาตัวรอด ทั้งๆที่รู้ว่ากลับไปที่เก่า เวลานี้ คงไม่เหมือนเดิม
หมดเวลาราชการ ทุกคนกลับบ้านพักและทิ้งให้มณียังคงนั่งอยู่เพียงลำพัง มณีเปิดประตูออกมาเมื่อตะวันลับเหลี่ยมเขา แล้วก้าวเดินไปขึ้นรถยนต์ สาขับพาลงไปบ้านพักในหมู่บ้าน มณีเดินหงอยๆเข้าบ้าน สายตาทอดต่ำเหมือนหมากลัวน้ำร้อน หรืออาจจะเหมือนหมาหลงที่กลัวหมาเจ้าถิ่น มณีไม่โวยวายโหวกเหวกเหมือนทุกวัน ไม่ได้ตะโกนทักชาวบ้านอย่างแต่ก่อน ทั่วหมู่บ้านรู้กันแล้วว่าหัวหน้าได้รับคำสั่งโยกย้ายกลับสังกัดเดิม
“หัวหน้าย้ายแล้ว หัวหน้าย้ายแล้ว” พูดกันปากต่อปาก มณีไม่รู้เลยว่า ชาวบ้านของเขาจะรู้สึกอย่างไร และชาวบ้านก็คงไม่รู้ว่ามณีรู้สึกอย่างไร ความหม่นมัวแผ่ไปทั่วหุบเขา เหมือนเมฆหมอกลงคลุม เหมือนหมอกควันไฟที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ใกล้ๆยอดไม้เมื่อหน้าร้อน
มณีเข้าบ้านแล้วก็ไม่ออกมาอีก ม้วนยกข้าวให้ที่โต๊ะในบ้าน มณีกินเงียบๆ ไม่มีเสียงเพลงจากเทปและไม่มีเสียงหัวเราะเมื่อชอบใจกับเพื่อนร่วมงานเล่าเรื่องขำๆตอนจับไม้ ไม่มีแม้เสียงจิ้งจกที่จะมาร้องทักทาย มันช่างเป็นวันที่วังเวงและเงียบเหงา