http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,277,077
Page Views16,603,722
« September 2024»
SMTWTFS
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930     
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

Incredible อินเดีย 6.ไกด์ผี ไมตรีจิตร มิตรน้อยๆ และสะทูป้า บ้านนางสุชาดา โดยเอื้อยนาง เรื่องและภาพ

Incredible อินเดีย 6.ไกด์ผี ไมตรีจิตร มิตรน้อยๆ และสะทูป้า บ้านนางสุชาดา โดยเอื้อยนาง เรื่องและภาพ

Incredible  อินเดีย

“เอื้อยนาง”

                                             ๖.ไกด์ผี ไมตรีจิตร มิตรน้อย ๆ และสะทูป้า บ้านนางสุชาดา

          ไกลออกไปสุดสายตา ณ ปลายทุ่งเขียวขจีคือยอดเขาเป็นเงาเลือนรางในม่านฟ้า

            “โน่นแน่ะคือภูเขาดงคสิริที่พระพุทธเจ้าของเราครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะแสวงหาความหลุดพ้นได้ใช้เป็นที่พักพิง  ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็เคยอยู่ด้วย”

          พระครูปลัดสมศักดิ์  ฐิตสีโลหนึ่งในผู้รู้  และเป็นผู้คอยห่วงใยชาวคณะบางคนที่ล่าช้าขาประจำ(อย่างเอื้อยนาง)ชี้บอก  นับเป็นโชคดี  ที่ในคณะมีครูบา-อาจารย์ผู้รู้หลายท่านมาด้วย  จึงได้ทั้งความรู้และกุศลไปพร้อม  แม้บางสิ่งยังไม่กระจ่างด้วยหนทางและระยะเวลาเป็นอุปสรรคก็ยังได้จดจำมาค้นคว้าต่อในภายหลัง

             ตรงหน้า  เมื่อก้าวเท้าลงจากรถที่คนขับหน้าเข้มนัยน์ตายิ้มพามาจอด  คือ กองฟางที่เห็นแล้วตกใจ

            “กองฟาง หรือภูเขากันนะเนี่ย”

          เราตะโกนถามตนเอง(ในใจ)เมื่อมองเห็น “ลอมข้าว”  และ  “กองฟาง” สูง ๆ หลายกองติดกันเป็นเทือกเขาตรงหน้า  ผู้หญิงกับเด็ก ๆ หลายคนกำลังทำงานอยู่(ดูเหมือนเป็นการนวดข้าว  หรือฝัดข้าว)  ต่างหยุดมือหันมามองกลุ่มคนที่มากับรถคันโต  เขาคงไม่แปลกใจ เพราะสถานที่นี้กลายเป็นโบราณสถานที่ชาวพุทธมาเยือนเป็นประจำ  แต่เขาก็คงอดสนใจไม่ได้

  

           เห็นผู้คนในลักษณะนักท่องเที่ยวแสวงธรรม  เก็บเกี่ยวบุญในชุดเหลือง ๆ ขาว ๆ แบบนี้เด็ก ๆ หลายคนก็เดินมารุมล้อมเปล่งวาจาโดยอัตโนมัติว่า “สวัสดี  อาจารย์...ๆ  ๆ” พลางแบมือและเดินตามเป็นพรวน ฉันสาวเท้ายาว  ๆ ไปเก็บภาพ

           ซ้ายมือคือภูเขาลอมฟางที่กองอยู่ชายทุ่งสีเขียว  วัวหลายตัวนอน ๆ ยืน ๆ เคี้ยว ๆ ไม่สนใจผู้คน  ส่วนขวามือคือสถูปโบราณก่อด้วยอิฐกองโตดูเป็นภูเขาย่อม ๆ เช่นกัน

           ภูเขาลอมฟางคือผลิตผลเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของชาวชุมชน  ส่วนภูเขาอิฐโบราณคือสถานหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแห่งพุทธศาสนาที่ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาเช่นกับศาสนสถานแหล่งอื่น ๆ ในอินเดียเหนือถึงเนปาลปัจจุบัน

           เชื่อกันว่าที่นี่เคยเป็นเคหาสถานบ้านของ “เสนิยกุฎุมพี” เศรษฐีแห่งอุรุเวลาเสนานิคม  บิดานางสุชาดาเมื่อครั้งพุทธกาลนานกว่า ๒๕๐๐ มาแล้ว  ช่วงหนึ่งเคยทลายลงจมดิน เป็นที่เลี้ยงแพะของชาวบ้าน  และได้รับการรื้อฟื้นขุดแต่งขึ้นมาใหม่ดังเช่นพุทธสถานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในพุทธประวัติ

           นางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระองค์ดังได้กล่าวแล้วในตอนที่แล้ว  ภูเขาอิฐลักษณะเป็นวงกลมรัศมี ๓๐ เมตร บ้านเกิดของนางกลายเป็นโบราณสถานที่เราดูไม่ออกว่าลักษณะอาคารที่สมบูรณ์จะเป็นอย่างไร  มีบางด้านที่ก่ออิฐลดหลั่นคล้ายเป็นขั้นบันได  บางด้านก่อยื่นออกไปคล้ายจะเป็นส่วนระเบียง หรืออาคารย่อย 

           ฉันแหงนเงยดูภูเขาอิฐพยายามจินตนาการถึงบ้าน  วัง ของชาวอินเดียที่เคยเห็นในภาพยนตร์แขกสมัยก่อน ที่มักมีต้นเสากลม ๆ ใหญ่โตมากมาย มีห้องโถงโอ่อ่า มีสวนร่มรื่นสวยงามให้นางเอกพระเอกวิ่งหลบลดเลี้ยวระหว่างต้นเสา  และต้นไม้ในสวนพลางร้องเพลงเสียงแจ้วผสานเสียงกลองแขกจังหวะสนุก  แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เป็นเพียงภูเขาอิฐ  รายล้อมด้วยทุ่งกว้าง  สวนผัก  ชุมชน และโรงเรียน

           “อาจารย์ อาจารย์...ทางโน้น...”

           เด็กชายวัยรุ่นหน้าเข้ม ๆ ตาใส ๆ  ท่าทางอารมณ์ดีคนหนึ่งที่คงเดินตามฉันมาแต่แรกบอกเตือนพลางชี้มือไปที่ชาวคณะซึ่งกำลังสวดมนตร์อยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขาอิฐ 

           “ขอบใจนะจ๊ะ” 

           ฉันเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเพราะพูดอินเดียไม่ได้   เขายิ้มให้พลางชี้มือด้วยความหวังดี   กลัวฉันจะพลาดโอกาสไม่ได้สวดมนตร์ในสถานที่สำคัญแห่งนี้

           “ครับ” เขาตอบรับด้วยรอยยิ้ม พลางเดินตามมาเงียบ ๆ

            เสร็จกิจแล้วเป็นการถ่ายรูปหมู่ตามธรรมเนียม  ก่อนที่พระอาจารย์ท่านวิทยากรจะพาเดินชมพลางบรรยายถึงความเป็นมาเป็นไปของสถานที่  ฉันแยกตัวออกไปเก็บภาพต้นตาล

            “ที่นี่คือ สุชาดา สะทูป้า”

            มีเสียงดังอยู่ข้างหลัง  หันมองก็พบรอยยิ้มจากใบหน้าของเจ้าคนเดิมนั่นอีก 

            “แล้วโน่นอะไร” 

            “โรงเรียน” เขาบอกอย่างกระตือรือร้น

             “เธอเรียนที่นั่นเหรอ”  ฉันสนใจขึ้นมาทันที   อาจเพราะความที่เคยเป็นครูของฉันก็ได้ 

             “ใช่ครับ ผมเรียนที่นั่น  น้องผมก็เรียนที่นั่น  พี่ผมก็เรียนที่นั่น  มีคนไทยมาให้ทุนนักเรียนที่นั่นด้วย”  เขาพูดอังกฤษคล่องแคล่วกว่าฉันอีก

             “แล้วใครสอนภาษาอังกฤษให้  พูดเก่งนี่”

             “ครู”  แหงละฉันมองหน้าแล้วอยากหัวเราะ  แต่ก็เพียงยิ้มกว้าง

             “ครูชาวอังกฤษเหรอ”

             “ครูอินเดีย...ที่โน่นมีสวนผักด้วยผมจะพาไปดู”

             ฉันเดินตามเขาไปดูแปลงผักที่อยู่ติดกับรั้วของโบราณสถานอีกด้านหนึ่ง

             “สวนผักของเด็กนักเรียนเหรอ”

             “ไมใช่ เป็นของ...”  เขาเอ่ยชื่อใครบางคนเจ้าของสวนผัก

              “ที่โน่นทุ่งนา ตรงโน้นคือ...”  ดูเขาอยากบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เสียเหลือเกิน ซึ่งตรงกับความต้องการของฉันพอดี  ฉันจึงเดินตามเขาไปเก็บภาพ

              “ประเทศไทยอยู่ตรงไหน”  จู่ ๆ เขาก็โยนคำถามกลับมา  ฉันงงเพราะไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ด้วยตัวเองก็ไม่รู้ละตอนนี้  จึงได้แต่ชี้มือไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วหัวเราะแหะ ๆ  เขาหัวเราะบ้างและว่า  “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

              คนอื่น ๆ ไปขึ้นรถกันหมดแล้ว  นอกจากพระรูปหนึ่งที่คงคอย ๆ อยู่ด้วยห่วงใย  มองท่านด้วยความขอบคุณแล้วรีบไปขึ้นรถ  ก่อนหันมาบอกลามิตรน้อย ๆ

              “แล้วพบกันใหม่  ซี  ยู ”

               เขาว่าตามหลัง  และยังอ้อมมาโบกมือให้ที่ข้างหน้าต่าง  ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางเด็กอื่น ๆ ที่ตามขอเงิน  ฉันจึงนึกได้ว่าไม่ได้ให้เงินเขา  รู้สึกเสียใจแต่รถก็เคลื่อนที่ออกเสียแล้วมุ่งหน้าไปที่สถานที่ต่อไปคือต้นไทรที่นางสุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้

               ขณะรถวิ่งอ้อมมาในชุมชนมีขบวนแห่ศพอยู่ข้างหน้ารถจึงติดอยู่เป็นครู่  เราพยายามชะเง้อชะแง้  แลดูขบวนดังกล่าวสายตาจึงไปปะทะกับใบหน้ายิ้ม ๆ นัยน์ตาเข้ม ๆ ของเด็กชายหน้าเดิมเข้าอีก  เขายิ้มให้พลางโบกมือแล้วเดินดุ่มไปข้างหน้า

              “เขาจะไปไหนของเขานะ” 

               ฉันได้แต่ถามตนเองในใจ  เก็บความสงสัยเอาไว้  เพราะไม่มีใครตอบได้  รอจนรถเคลื่อนที่แล้วเลี้ยวซ้าย  ขบวนแห่ศพนั้นมุ่งตรงลงไปในหาดทรายริมฝั่งเนรัญชรา  คุณกิตติชัยไกด์อินเดีย-ไทยบอกว่าเขาจะเผาศพตามหาดทรายนั่นเอง

              “ถึงแล้วครับต้นไทร  เราจะอยู่ที่นี่ยี่สิบนาทีนะครับ”  ทัวร์เป็นคณะเป็นเรื่องลำบากมากสำหรับคนอย่างฉัน  แค่สองวันแรกก็รู้ตัวแล้ว

              “อาจารย์...ทางนี้...” 

               ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถก็มีเสียงคุ้น ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ

               “อ้าว...เธอน่ะเอง...พบกันอีกแล้วนะ  มาได้ไง  เดินเร็วนี่...”

               เขาไม่ตอบแต่ชี้ชวนไปดูต้นไทรใหญ่ริมถนนด้านตรงกันข้ามกับแม่น้ำที่รถมาจอดอยู่  ซึ่งต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นไม่ใช่เพียงมีความสำคัญของชาวพุทธเท่านั้น  แต่ชาวชุมชนซึ่งเป็นฮินดูก็ให้ความสำคัญเช่นกัน  สังเกตได้จากสิ่งที่อยู่รอบด้านมีร่องรอยการประกอบพิธีกรรม  เครื่องบูชา  ดอกไม้ ธูป เทียน  ภาชนะ รูปเคารพที่โคนต้นไม้นี้  และอาคารเล็ก ๆ ด้านหน้าที่มีรูปเคารพอยู่ภายใน  แสดงถึงความเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชมชน  อีกทั้งมิตรน้อย ๆ ของฉันพามาแนะนำแล้วไม่กล้าเข้าใกล้  อย่างให้ความเคารพเกรงกลัวสถานที่

               เทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งของเขาอาจอยู่ที่นี่  ฉันอยากรู้  อยากถามเอาความจากเขา  แต่คำถามคงมากมายเกินไปสำหรับช่วงเวลาเท่านี้  จึงได้แต่ขอบใจและบอกลา  คราวนี้ฉันไม่ลืมให้เงินเขาทั้ง ๆ เขาไม่ได้ขอ  มีแต่รอยยิ้มซื่อ ๆ แสดงความจริงใจ

               การให้เงินอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีนักที่มิตรจะให้มิตร  แต่ในสถานการณ์นั้นฉันไม่รู้ว่าจะให้อะไรได้ดีไปกว่านั้น

๐๐๐๐๐

Tags : Incredible อินเดีย 5.

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view