บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน6. หมาไข่ที่วัดตลาดใหม่
โดย มณีดิน
อากาศเดือนมีนาคมร้อนระอุขึ้นทุกวัน ทุ่งนาแห้งผาก ดินเริ่มแตกระแหง มีแต่ไฟลามทุ่งไหม้ตอซังข้าว มองไปทางไหนก็เห็นดำไปทั่ว
เป็นอีกวิถีชีวิตหนึ่งของบ้านทุ่งหลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้วก็ขี้เกียจรื้อทำลายตอซังข้าว ง่ายที่สุดคือ “เผา” ด้วยไม้ขีดเพียงก้านเดียว แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าผลกระทบที่เกิดจากการเผาตอซังข้าวทำให้นาข้าวเสียหายอย่างไร
วันหนึ่งบ่ายแก่ๆ อากาศร้อนเหลือกำลัง ร้านน้ำแข็งตาใหญ่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้แต่ใต้ร่มจามจุรีหน้าวัดเคยมีลมพัดเย็นก็ร้อนอบอ้าวไปหมด เสียงตะโกนก่นด่าว่าร้อนฉิบหายๆ ดังไปทั่ว เจ๊กอ๋าบ้านใต้เดินมุ่งไปทางบ้านลุงฮวด เจ็กอ๋าแกแก่หลังงุ้ม ชอบนุ่งกางเกงขาก๊วยสีดำ เสื้อไม่ค่อยใส่ แต่ก็มีผ้าขาวม้าพาดไหล่ไปด้วย แกแวะเข้าไปนั่งบนเตียงใต้ถุนบ้านลุงฮวด คุยกันด้วยภาษาไทยปนจีน เพราะว่าเจ๊กอ๋าหูแกค่อนข้างตึง ดีว่าลุงฮวดเป็นคนเสียงดังฟังชัด แต่เมื่อสองคนนี้คุยกันทีไร คนไม่รู้จักก็คิดกันว่า เขาทะเลาะกันหรือไร
“ร้อนฉิบผายเล้ย เฮียฮวด”แล้วก็ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยเข้าใต้คางเหี่ยวๆ
“ก็มันร้อนอย่างนี้แหละ เขาถึงต้องแห่นางแมวนางหมาขอฝน “ลุงฮวดว่าเสียงดัง แต่เจ๊กอ๋าก็ยังไม่ค่อยจะได้ยิน จึงเปล่งเสียงเหมือนถาม
“ฮะ เฮียว่าถ้าฝนมันจะตกต้องเอาหมาเอาแมวมาทำอะไรนะ”
เจ๊กอ๋าเจ๊กนอกพันธุ์แท้มาจากเมืองซัวเถาไม่เข้าใจ
“เมืองไทยบ้านเรานี่ ฝนแล้งๆเขาก็เอาหมาเอาแมวใส่กรงแล้วแบกแห่ไปตามบ้าน ผ่านไปทางไหนก็ร้องเพลงนางแมวนางหมา แล้วฝนจะตก แต่อั๊วก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก”
ลุงฮวดพูดจบก็มีขบวนแห่นางแมวนางหมาผ่านเข้ามาพอดี ลุงฮวดกับเจ๊กอ๋าเหลียวไปมองด้วยความสนใจ
“ไอ้ฉิบหาย พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย เสียเงินค่าเหล้าไอ้พวกนี้อีกแล้วกู” พูดแล้วก็ก้มลงปลดขอบกางเกงขาก๊วย มีสตางค์ซุกอยู่ในปมที่มัดไว้
“ลุงฮวดครับ ลุงฮวดใจดี ช่วยให้พวกผมไล่ผีป่าห่าเหวสักขวดเถอะ” ตาชิดแอ่นหน้าแอ่นหลังเข้ามาหา พร้อมแบมือ
ลุงฮวดมองหน้า แล้วด่าใส่ทันที “ไอ้ฉิบพวกนี้ หาเรื่องกินเหล้ากันน่ะซีนี่” บ่นแต่ก็ควักใส่มือตาชิดไป 10 บาท “ไปไปไกลๆกู เหม็นเหล้าจริงๆ” ลุงฮวดทำหน้าเหม็นเหล้าแล้วโบกมือไล่ขบวนแห่
“ร้อนยังงี้ ฝนมันจะตกละก้อ หมาออกไข่ที่วัดตลาดใหม่โน่นแหละถึงจะเชื่อได้” เฮียฮวดพูดไปก็เคี้ยวหมากไป เสียงที่พูดก็ฮึมๆฮัมๆ เหมือนบ่น เจ๊กอ๋าฟังไปก็รู้สึกตกใจ จับใจความได้ว่า
“หมาออกไข่ที่วัดตลาดใหม่” แกตาลุกโพลง ด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน พลันแกก็แสดงอาการลุกลี้ลุกลน แล้วลุกเดินกลับไปบ้านตนเองโดยเร็วโดยไม่พูดไม่จา ลุงฮวดมองตามด้วยความคลางแคลงนึกในใจ
“กูพูดอะไรผิดวะ”
พอขบวนแห่นางแมวนางหมาผ่านไปแล้ว ผมเห็นเจ๊กอ๋าไม่ได้เดินกลับเข้าบ้าน หากแต่แกเดินหายลับไปกับเปลวแดดที่แผดเปรี้ยง เดินดุ่มมุ่งหน้าไปทางวัดตลาดใหม่ ผ่านทุ่งโล่งที่มีแต่ไอแดดเต้นระยิบ ตอซังข้าวไหม้ไฟดำไปทั้งทุ่ง ลมบ้าหมูลูกเล็กๆเกิดแล้วก็ดับไป แต่เจ๊กอ๋าไม่ใส่ใจใดๆ ยังคงดุ่มเดินอย่างมุ่งมั่น หยาดเหงื่อไหลย้อยตามร่างกาย เปียกแต่ก็เย็นเมื่อลมทุ่งพัดผ่าน
เย็นย่ำตะวันรอน แดดอ่อนแสงลงจนละมุนตา ขอบฟ้าเริ่มเปล่งสีผีตากผ้าอ้อม แต่ลมก็ยังไม่กระดิก ใบไม้ไม่ไหวติง ทุกชีวิตกำลังปรับเปลี่ยนช่วงเวลา พ่อค้าแม่ค้าใต้ต้นจามจุรีที่หน้าวัดกำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้ และเครื่องของที่ขายกันอยู่วุ่นวาย
เจ๊กอ๋าเดินระทดระทวยกลับมาที่หน้าวัด มองเห็นแต่ไกลๆคล้ายเงาดำทะมึนทาบทาบนท้องฟ้าผีตากผ้าอ้อม เหงื่อโทรมไปทั้งตัว ท่าทางลมจะจับมิจับแหล่ ตาใหญ่เห็นแล้วก็รีบเดินออกไปจับแขนแล้วจูงเข้ามานั่งเก้าอี้ใต้ร่มร้านค้า
“อาเจ๊ก เป็นอะไร”
“เหนื่อย ๆ ๆ “
เจ๊กอ๋าหอบจนตัวโยน ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดโตๆผุดขึ้นเต็มใบหน้า ลำตัวงองุ้มลงไปกว่าเดิม
“เฮียฮวด” เจ๊กอ๋าหยุดพูดแล้วหอบ
“บอกอั๊วว่าหมาออกไข่ที่วัดตลาดใหม่”
เจ๊กอ๋าหยุดพูดพักหอบหนักขึ้นเหมือนหายใจไม่ทัน ตาใหญ่และแม่ค้าทั้งหลายรุมเข้ามาฟัง
“อั๊วก็เลยเดินไปดูมา”
แล้วแกก็หอบจนตัวโยน ตาใหญ่ยกแก้วน้ำเย็นมาส่งให้ดื่ม เจ๊กอ๋าดื่มรวดเดียวหมดแก้ว มีคนยื่นมือมารับแก้วน้ำไป
เสียงแม่ค้าหญิงหลายคนพูดขึ้นพร้อมกัน ตาเปล่งประกายใคร่รู้
“มีไหม!!”
“มี...ฮื่ย.ฮื่ย..มีแต่ขี้หมา” แล้วเจ๊กอ๋าก็ล้มลงนอนผึ่ง วงล้อมแตกฮือ
เสียงโจษจันกันว่า เจ๊กอ๋าไปดูหมาออกไข่ที่วัดตลาดใหม่แผ่กระจายไปยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ลือกันว่าลุงฮวดหลอกเจ๊กอ๋า มีคนจำนวนไม่น้อยเดินไปหาต้นเรื่อง ลุงฮวดยืนตัวตรงแต่พุ่งยื่น กางเกงขาก๊วยสีน้ำเงินทิ้งตัวดูทะมัดทะแมง มือขวาถือไม้กระบองแนบลำตัวมั่น ทีท่าเตรียมพร้อม พร้อมกับตอบด้วยเสียงดังฟังชัด
“ไอ้ห่า..กูบอกมันว่า มันร้อนฉิบหายยังงี้เขาถึงแห่นางแมวนางหมาขอฝน” ลุงฮวดหยุดพักนิ่ง มองด้วยสายตาเบิกโพลงลอดแว่นวาววับจับใบหน้าโจษทีละคนๆ ทุกคนรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ
“ถ้าแห่แล้วฝนจะตกมาจริงๆ ก็หมาออกไข่ที่วัดตลาดใหม่โน่นแหละ แค่นี้จริงๆ”
เรื่องนี้ภาษิตไทยว่าเกิดแต่การฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด แต่อาจเพราะว่าเจ๊กอ๋าหูตึงจึงฟังความได้ไม่ครบถ้วน เจ๊กอ๋านะเจ๊กอ๋า