เสือกลิ่นสาบตอน34.
ผู้แพ้ตลอดกาล
โดยอินทรี ดำ
นาฬิกาบอกเวลา 05.15 น. ใกล้รุ่งสางเกือบสว่างแล้ว แต่มณียังข่มตาไม่หลับ ความคิดวนเวียนอยู่แต่ภาพในอดีตเมื่อยังมีหน้าที่ต้องปราบปรามและบริหารสำนักพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2 อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน คิดถึงเรื่องราวที่กระทบกระทั่งกับกลุ่มข้าราชการสังกัดป่าไม้เขตแพร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ บางคนเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่เมื่อต้องมานั่งทำงานร่วมกัน มีสถานะใกล้กัน ผลประโยชน์ขัดกัน ความสัมพันธ์ก็บรรลัย แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายจัดการป่าไม้ ซึ่งเคยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำไม้ของบริษัททำไม้จังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ แพร่-น่าน มณีเคยไปเป็นนักวิชาการป่าไม้ในพื้นที่เดียวกันในจังหวัดลำปาง กินเหล้ามาด้วยกัน เมามาด้วยกัน คิดแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจที่ต้องเผชิญหน้ากันในเวลาต่อมา
มณีหวลคำนึงถึงรุ่นพี่อีกคนหนึ่งซึ่งเคยซึ้งใจว่า เป็นนักวิชาการป่าไม้ที่จิตใจกว้างขวาง เขาเคยบังคับบัญชาเพื่อนร่วมรุ่นของมณีที่พ่ายแพ้น้ำเมาจนแทบไม่มีอนาคต แต่พี่คนนี้เคยเมตตา ให้อภัยด้วยหัวใจของวนศาสตร์ มณีดีใจและแอบภูมิใจที่พี่เป็นนักวิชการป่าไม้มือปราบคนสำคัญ ผู้ปกป้องพงไพรอย่างเข้มข้น ผลงานเพียบ แต่เมื่อต้องมาทำงานร่วมกันในบทบาทการทดลองตั้งสำนักพัฒนาป่าไม้ กลับรันทดใจในความเปลี่ยนแปลง "มีผลประโยชน์ที่ไหน มีปัญหาได้ที่นั่น" มณีรู้สึกผิดหวังเมื่อได้เห็นพฤติกรรมยามที่ผลประโยชน์เข้าตา
มณีมีความสุขมากเมื่อคิดถึงเรื่องราวการร่วมทำงานกับแก๊งค์ ปีศาจขาว สนุกสนานมากเมื่อการปราบปรามทำได้ตามเป้าหมาย จับได้ทั้งคนขโมยไม้ที่พวกเรามักตั้งสมญาให้ว่า พวกมอดไม้ รถยนต์ที่บรรทุกไม้เถื่อน และไม้ของกลาง คืนนั้นเราจะให้รางวัลตัวเองด้วยการดื่ม(สุรา)สำหรับทีมงาน แต่มณีคงดื่มเพียง"น้ำเปล่า" แก้วแล้วแก้วเล่า ดังว่าน่าจะเมามาย แต่เมากับแกล้มมากกว่า มณีมีความอบอุ่นใจที่ได้ร่วมงานและได้เฮฮาเมื่องานเข้า มณียิ้มทั้งน้ำตาในคืนที่แสนเงียบเหงา ทั้งๆที่นอนเคียงข้างด้วยลูกรักเมียขวัญ
"พ่อ วันนี้ไปรายงานตัวไม่ใช่หรือคะ" แม่ของลูกกระซิบเบาๆที่ข้างแก้มก่อนจะยืนจมูกมาหอมซ้ำ
"ใช่ แม่ไปเตรียมลูกๆไปโรงเรียนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพ่อตามลงไป" มณีเอียงหน้าไปหอมแก้มเมียรักแล้วหนุนหมอนนอนฝันต่อ
"ป่านนี้คงเดินทางกลับถึงบ้านภูพยับหมอกกันแล้วมั้ง"
มณีนึกถึงพี่น้องผองเพื่อนร่วมตายมาด้วยกันที่อุตสาห์มาส่งจนถึงบ้าน มณียิ้มในความมืด ยิ้มด้วยความสุขใจที่ได้เคยอยู่ร่วมกันมานานกว่า 9 ปี มณีมีความสุขเสมอเมื่อคิดถึงความหลังที่ต้องทุกข์ยากหนักหนามาด้วยกัน แต่วันวานอันแสนหวานพลันสลายหายไปวิบวับกับเสียงของลูกสาวที่ลงจากเตียงมานอนหนุนแขนเคียงคู่ มณีโอบแขนรัดเข้าแนบอก ก้มจูบที่แก้มยุ้ยย้อยแสนหอม ทันใดเจ้าลูกชายวัยซนก็เลื่อนตัวลงมาจากเตียงแล้วเอียงเข้าโอบไปบนผืนอกของพ่อ
"ความสุขเมื่อความรักพรั่งพราย" วันนี้ มณีได้กลับมาอยู่กับลูกเมียเต็มเวลา มณีไม่ต้องไปทำงานจังหวัดน่านแล้ว ซึ่งนานๆจะกลับมาเยี่ยมยามสัก 2-3 วัน แล้วก็จากไปอีก
"มีพ่อแม่ก็เหมือนดังไม่มี ร้อยวันพันปีมีแต่งาน"
มณีนึกถึงเสียงเล็กๆที่ขับขานเพลงอ้อนเมื่อนั่งรถไปโรงเรียนของเจ้าลูกชาย แต่นับจากนี้ไป พ่อจะอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาลูกๆ พ่อไม่มีงานที่ต่างจังหวัดอีกแล้ว ไม่มีตำแหน่งหัวหน้าให้ใครต้องมาเรียกขาน ไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่งให้นั่งไปไหนก็ได้ ไม่มีหน้าที่ต้องลาดตระเวณดึกดื่นค่อนคืน หรือบางครั้งสามวันยังไม่ได้เข้าบ้านพักสำนักงานเลย ไม่มีความทุกข์ยากใจเมื่อต้องจับไม้ที่ตำรวจซึ่งก็รู้จักกันเป็นผู้ขน ต่อแต่นี้จะมีแต่ "เรา" พ่อแม่ลูก ตลอดไป
"ลูก ตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนได้แล้ว เร็วๆ เดี๋ยวพ่อต้องไปส่งแม่ที่โรงพยาบาลด้วย แล้วพ่อก็ต้องไปทำงานที่กรมป่าไม้นะลูก"
นั่นแหละ ถึงยอมแยกกันไปเตรียมตัวตามหน้าที่ พ่อไม่อยู่บ้านเก้าปีกว่า ลูกๆกลับรู้หน้าที่ที่ต้องทำ แม่เขาเลี้ยงลูกได้เยี่ยมยอด เป็นความดีของแม่ที่รักของลูกและสามี แม่ผู้เสียสละ แม้จะว้าเหว่ยามต้องไกลห่าง แม่ผู้หอบลูกสองคนเดินทางไกลไปเยี่ยมยามเมื่อเด็กๆปิดเทอม แม่ซึ่งจงรักภักดีและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกเพียงลำพัง แม่ผู้เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ด้วยหัวใจเปี่ยมรัก แม่อดทนและทนอดเพื่อลูกและสามี
"อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะแล้วนะ กินกันไปก่อน เดี๋ยวแม่แต่งตัวเสร็จแล้วจะลงมากินตาม" แล้วแม่ผู้เข้านอนทีหลังแต่ต้องตื่นก่อนก็รีบไปอาบน้ำแต่งเครื่องแบบนางพยาบาลแสนสวยลงมาร่วมวง
มณีนั่งนิ่งชั่วอึดใจ มองกวาดไปทั่วโต๊ะกับข้าว และดูลูกๆน่ารักกำลังกินกันด้วยความอร่อย มณีรอนิดหนึ่งเพื่อให้แม่ลงมาร่วมวง มณียิ้มอิ่มใจที่ได้ร่วมนั่งโต๊ะอาหารครบหน้าทุกคน ไม่ได้นั่งดื่มกาแฟคนเดียวเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเหมือนวันก่อน ไม่ได้กินข้าวต้มเครื่องของม้วน แต่พลันความคิดก็หวลคืน ที่บ้านกลางหุบเขาจะเงียบเหงาไหมหนอ วันนี้ ทุกคนจะต้องไปไล่จับไม้กันอีกไหม ชาวบ้านจะยังมีหน้าที่ไปปลูกป่าต้นน้ำเหมือนเมื่อเรายังอยู่แค่ไหน
"พ่อ เดี๋ยวต้องไปส่งลูกแล้วก็ไปส่งแม่ด้วยนะคะ" มณีตื่นจากภวังค์แล้วรีบก้มหน้าก้มตาตักข้าวกินจนหมด
"โอเค พ่อเรียบร้อยแล้ว อ้าวพระเอก ยังไม่หมดอีกหรือ" มณีหันไปมองลูกชายที่ยังกินไปดูหนังสือการ์ตูนไปด้วย
"อิ่มได้แล้ว หมดเวลาแล้ว ลุกไปบ้วนปากแล้วเตรียมขึ้นรถจ้ะ"
แม่เตือนแล้วขีดเส้นเวลากำหนด ทุกคนทำตามแล้วก็นั่งรถยนต์คันเก่าๆไปจาก"บ้านของเรา" พี่ปราณีเดินไปรอเปิดปิดประตูให้ตามหน้าที่
บ้านคือวิมานของเรา ยามทุกข์ยามเศร้า เรากลับบ้านเราให้เปรมปรีดา
แม้เป็นบ้านของผู้แพ้ตลอดกาล