http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,277,346
Page Views16,604,012
« September 2024»
SMTWTFS
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930     
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บ้านทุ่งแสนสุขตอน8. ปลาช่อนหมกโคลนอบฟาง โดยมณีดิน

บ้านทุ่งแสนสุขตอน8. ปลาช่อนหมกโคลนอบฟาง โดยมณีดิน

บ้านทุ่งแสนสุข

ตอน8. ปลาช่อนหมกโคลนอบฟาง 

โดยมณีดิน

             ฝนไล่ช้างไล่ให้ผมต้องวิ่งเข้าไปหลบใต้ร่มจามจุรีที่หน้าวัด เป็นฝนที่มาเยือนไวกว่าฝนในฤดูฝน ตกซ่าสองซ่าแล้วก็หายไป ลมพัดแรงช่วยกระพือให้หมู่มวลเมฆมืดคลึ้มไหลไปไกลตา แล้วตีนฟ้าก็เปิดโล่ง แสงแดดยามเย็นสวยจับใจ ส่องสว่างและสดใส ผมเดินออกจากใต้ร่มจามจุรี ยังมีเม็ดฝนหลงเหลือประปราย ผมเสี่ยงที่จะเปียกดีกว่าให้แม่รอ

             "ดำ ไปไหนมา" สาวอนงค์หนึ่งสาวขาวอวบเดินสวนกันบนสะพานข้ามคลองถาม 

             "เดินเล่นที่วัดครับ พี่ลี่จะไปไหน" ผมตอบแล้วก็ย้อนถามตามมารยาทที่ดี  

             "ไปวัด จะค่ำแล้ว ฝนก็มาตกเสียก่อน หลวงพี่สั่งให้มา ไม่รู้มีอะไร" พี่สาลีตอบแล้วยิ้มเอียงอาย แล้วหล่อนก็จากไป

              พี่สาลี่แก่กว่าผม 3 ปี เธอเป็นเพื่อนกับพี่สาวของผม เรียนจบประถมปีที่สี่แล้วก็ไม่ได้ไปเรียนต่อ เธออยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ช่วยแม่ขายขนมนมเนยที่ศาลาหน้าวัดบ้าง ตามแม่ไปทำบุญทุกวันพระและทำนาตามฤดูกาลบ้าง 

              ผมเดินเรื่อยไปจนถึงบ้าน ล้างเท้าเข้าบ้าน เลี่ยงไปเฝ้ากล่องจิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ ไอ้ทองดำส่งเสียงขัน กรี๊ดๆๆๆๆ ผมหยิบหญ้าที่เตรียมไว้ให้เป็นอาหารแล้วก็ปิดกล่องดังเดิม  แม่เดินมาข้างหลังเงียบๆ

              "ไปกินข้าว ทุกคนรออยู่" แม่เอ่ยด้วยสำเนียงห่วงใย ทุกมื้อที่ไม่มีภาระเร่งด่วน ทุกคนจะนั่งวงกินข้าวร่วมกัน แม่ชอบพูดว่า

              "กินพร้อมหน้าพร้อมตากัน มีอะไรกินก็จะได้กินเท่าๆกัน" แต่ผมได้กินหมูหรือเนื้อมากกว่าคนอื่น ด้วยความตากละตะกราม เตี่ยจะปัดด้วยตะเกียบคู่มือใส่หลังมือที่กำลังจ้วงตัก

               "มึงจะกินคนเดียวเลยหรือ" ผมหดมือที่เจ็บจี๊ด แล้วก้มหน้าตักกับข้าวมากินด้วยความระมัดระวัง 

               "ไข่ดาวแม่หั่นแปดแฉก แต่ละแฉกมีทั้งไข่แดงและไข่ขาว ตักทีละชิ้นนะ" เสียงแม่กำชับเมื่อผมจ้วงจะตักยกแผง 

               "กินอยู่ต้องดูคนอื่นด้วย หากเรากินคนเดียวจนหมด คนที่กินช้าหรือกินทีหลังเขาจะกินอะไร" แม่ยังเวียนว่ายกับการสอนสั่ง แต่บางมื้อหากมีลิเกมาปิดวิก แม่ก็จะพูดว่า 

               "กินอิ่มก่อน ดูหนังดูละคร กินอิ่มทีหลัง นั่งล้างจานล้างชาม"

               แม่ท่องเป็นคำคล้องจองเพื่อเร่งให้กินกันทันใด เสร็จจากกินจะได้ไปดูลิเกที่วัด แต่ทุกมื้อพี่สาวคนโตของผมอิ่มทีหลังทุกที ต้องล้างจานของทุกคนและทุกจาน      

               "ล้างจานจนตาย" เสียงแม่ประชดความเอื่อยเฉื่อยของพี่สาว 

                ผมและทุยน้องชายอิ่มก่อน แล้วก็ได้เวลาไปดูลิเกที่วัด ผมกับทุยก็ดิ่งดิ่วไปหน้าวิกลิเกก่อนใคร เป็นความบันเทิงที่ผมและทุยชื่นชอบ เกือบจะลุ่มหลง แต่ก็ไม่เคยอยากเป็นลิเก

                มีเพียงอย่างเดียวที่แตกต่าง ผมชอบหาปลาสารพัดวิธี ค่ำคืนผมจะเดินเดี่ยวลดเลี้ยวไปตามสะพานทอดข้ามหน้าวัด มือซ้ายถือไฟฉายสามท่อน มือขวาจับด้ามฉมวกแน่น สายตาพุ่งไปตามแสงไฟฉาย บางคืนได้ปลาช่อน บางคืนได้กบตัวเขื่อง บางคืน"แห้ว"ไม่ได้เลยสักตัว แต่ผมก็ชอบไปเดินท่อมๆหา

                "เดือนหงายยังงี้ ใครเขาไปแทงปลากันวะ ต้องเดือนมืดๆ ปลามันถึงจะออกมาลอยหัว"

                 เฮียท้าวลูกผู้พี่ที่อยู่กับบ้านผมตลอดมาทัก เฮียท้าวผู้เก่งกาจหลายอย่าง พุ่งฉมวกแม่นอย่างจับวาง เหวี่ยงแหได้กว้างเต็มวง แม้ว่าจะเก่ง คนเราก็ย่อมมีจุดอ่อน มีเท่าไรก็ขนไปให้สาวแก่แม่หม้ายหมด 

                 บางคืน ผมกลับมานอนค่อนดึก แม้ไม่ได้ปลามาสักตัวก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าวันไหนได้ แม่จะทำปลาไปแล้วก็ตะโกนคุยเสียงดังกับเพื่อนบ้านที่ผ่านไปมา

                 "ไอ้ดำซี เมื่อคืนมันแทงได้มาสองตัว" เสียงออกจะภูมิๆในตัวผมอยู่ไม่น้อย

                 ผมเคยล่องท่องไปตามห้วยคันตั้งแต่ออกจากท่าน้ำหน้าบ้าน ไหลเรื่อยไปตามชายห้วย ไหลไปจนถึงวัดกำแพงมณี ไม่ได้ปลาหรือกบสักตัว ขากลับต้องพายเรือทวนน้ำหนื่อยนักหนา 

                 ย่างเดือน 11 น้ำเริ่มไหลลง(ลดลง) น้ำในทุ่งจะไหลออกมาสู่ที่ต่ำกว่าคือในห้วยคันหน้าบ้านผมนี่แหละ ปลาหลายชนิดกำลังอ้วนพี มีไข่เต็มท้อง ปลาตะเพียนแม้ก้างเยอะแต่ต้มยำอร่อยเหลือ ปลาช่อนไข่เต็มท้อง พุงปลากำลังสมบูรณ์ ถ้าได้มาเมื่อใดแม่ชอบทำห่อหมกปลาช่อนเก็บไว้กินได้หลายมื้อ 

                 วันหนึ่ง แดดกำลังแรง เสริมเดินมา สองมือกำคันเบ็ดปักมาหลายเล่มอีกมือหนึ่งหิ้วถังน้ำใส่ลูกปลาหมอมาด้วย

                  "ไปปักเบ็ดด้วยกันไหม" ผมมองดูเฉยๆ

                 “ได้ปลาเดี๋ยวเผากินกัน”

                  เท่านั้นเองผมกระโดดผลุงลงไปบนสะพานหน้าบ้าน แล้วเดินคลอเคลียไปด้วยกัน เป้าหมายอยู่ที่คันคลองข้างวัดที่มีกอไผ่สามกอเรียงร่มลมเย็นดี  ระหว่างทางที่เดินไป เสริมสอนให้ผมมองว่า วังน้ำยังไง น่าจะมีปลามากินเบ็ด

                  “น้ำนิ่งๆมีแมงมุมน้ำเล่นอยู่ ปลาดุกชอบอยู่ หรือไม่ก็ปลาหมอ” เสริมชี้แล้วพูด ผมมองตาม มีจอกและผักปอด(ผักตบชวา)ขึ้นอยู่รอบๆ

                  “ไปตรงโน้น ชายทุ่งริมนา มีคันคลองทอดยาว เวิ้งน้ำกว้างๆโล่งๆ ปลาช่อนหรือชะโดโน่นเทียว” เสริมเดินนำไปพลางก็พูดบอกเล่า

                   เราหยุดตรงเวิ้งข้างกอข้าวที่กำลังออกรวง สีของรวงข้าวเริ่มออกเขียวอมเหลือง เสริมหยุดแล้วเปิดฝาถังขังลูกปลาหมอตัวจิ๋ว จับมาตัวหนึ่งแล้วก็เกี่ยวเบ็ดเฉียงลึกจากกระดองหลังจนจมเนื้อ เสริมให้ผมเดินไปปักคันคลองให้แน่น  คันเบ็ดทำด้วยไม้ไผ่เหลากลมส่วนโคนและเหลาแบนจนอ่อนระแนะ ส่วนปลายขอดเป็นปมให้สายเบ็ดขนาดเขื่องมัดแน่น สายเบ็ดยาวราวๆหนึ่งศอก เบ็ดถูกเกี่ยวไว้จนคันโก่งมน

                   ผมปักลงไปในดินจนแน่นตึ้ก เอียงจนปลายคันยื่นลงไปในผืนน้ำ เหยื่อ(ลูกปลาหมอกลม)วิ่งจิ๊ดๆๆ บนผิวน้ำ แต่วิ่งวนเป็นวงกลมเพราะว่าสายเบ็ดยึดโยงไว้ เสริมส่งให้ผมอีกหลายคัน เพื่อให้เดินไปห่างๆจึงปักอีกคัน ปักได้ทั้งหมด 8 คัน แล้วเราก็เดินกลับไปนั่งใต้ร่มไม้ชายคลองดอกกระทุ่มน้ำส่งกลิ่นหอมละมุน

                   “เมื่อไรปลาจะกินเบ็ดวะ”  ผมถามระหว่างที่นั่งพิงต้นไม้

                   “บ่ายแก่ๆ โน่นแหละ ตอนนี้ถ้าไอ้ช่อนมันมาเห็นเหยื่อวิ่งวนๆอยู่ มันก็จะว่ายวนไปรอบๆเหยื่อจนมันมั่นใจว่า ไม่พลาดแน่ มันจึงจะฮุบเหยื่อ”

                   เสริมเล่าแล้วก็นิ่งเงียบไป ผมเหลียวไปมองมันหลับไปแล้ว สายลมชายทุ่งริมนาบนคันคลองอย่างนี้มีแต่ให้ความเย็นฉ่ำ ลมหยุดก็ร้อนจากไอแดดชั่วขณะ แล้วก็เย็นขึ้นมาอีก ผมนั่งเหม่อมองไปกลางทุ่งเหลืองอมเขียว นึกในใจอีกไม่นานทั้งทุ่งก็จะเหลืองอร่าม น้ำจะค่อยๆลดลงไปจนแห้งกรัง ข้าวเหลืองจัดแก่เต็มที่ ชาวนาจะแห่แหนกันมาเกี่ยวข้าว  

                   พลันผมเหลือบไปเห็นเบ็ดคันหนึ่ง โยกคลอน สายเบ็ดตึงเปรี๊ยะ ลู่ไปมาอย่างกับยักษ์มากระชาก ผมเขย่าแขนเสริมแล้วก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังเบ็ดคันนั้น ปลาช่อนขนาดเขื่องกว่าน่องของผม ตัวดำมะเมื่อม กำลังออกแรงเต็มที่เพื่อที่จะลากเบ็ดให้หลุดตามไปด้วย  ผมรีบวิ่งเข้าไปยื้อคันเบ็ด แล้วลากปลาช่อนที่กินเบ็ดขึ้นมาบนคันคลอง ผมกับเสริมช่วยกันจับมันแล้วปลดออกจากเบ็ด เสริมหักคอมันดังกึก ปลาช่อนนอนแผ่หลา ตายไปทันใด

                   เสริมชะโงกดูเบ็ดคันอื่นอีก แต่ไม่มีปลามากินเบ็ด เสริมก็ควักมีดเหน็บคู่กายออกมา แหวะท้อง ควัก”ดี” ทิ้งบนฝั่งคลอง เขาไม่ได้ขอดเกล็ดปลาช่อนออกเลย แต่ก็นำไปแกว่งในน้ำจนสะอาด เสริมเดินลงไปที่ชายน้ำแล้วก้มลงควักดินเหนียวดำๆจากใต้น้ำขึ้นมาโป๊รอบตัวปลา เสริมเรียงปลาหมกดินเหนียวไว้ข้างๆ แล้วเดินไปทางบ้านตาแหลมที่อยู่ติดกับวัด

                  เดี๋ยวเดียวเสริมก็ได้ปี๊บมาใบหนึ่ง ฟางข้าวอีกหอบหนึ่ง มันตัดกิ่งไผ่มาเล่มหนึ่ง เหลาแหลมด้านโคนและปลาย มันเสียบเข้าไปทางปากปลาช่อนจนเกือบทะลุหาง แล้วก็ปักลงดินโดยให้หางปลาชี้ขึ้น มันเอาปี๊บคลุมแล้วสุมด้วยฟางหอบใหญ่ ผมนั่งมองด้วยความรู้สึกทึ่งในความรอบรู้ของเสริม

                  “ปลาช่อนหมกโคลนอบฟาง”

                  ผมฟังเสริมพรรณนาแล้วก็ได้แต่นั่งดูมันทำต่อไป มันควักไม้ขีดไฟออกมาขีด  เสริมโยนใส่กองฟางที่คลุมปี๊บ เท่านั้นไฟก็ไหม้ฟางอย่างเร่าร้อน โลมเลียมจนปี๊บดีดตัวดังปึ๋ง ผมเติมฟางลงไปเพิ่มอีกสองหอบ ปี๊บเริ่มเกรียมด้วยไฟแรง เสริมใช้มือจับปี๊บแล้วยกออกไปวางไว้ข้างๆ

                   “ปลาช่อนดำเป็นตอตะโกเลย” ผมร้องดังลั่น เสริมหัวเราะแล้วกล่าวว่า

                   “เดี๋ยวมึงคอยดู กูจะทำให้มึงเห็น” เสริมพูดแล้วก็ดึงไม้ไผ่ที่ปักปลาขึ้นมาดม ๆ ๆ มันทำจมูกฟุตฟิต แล้วกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่

                   มันใช้ปลายมีดเหน็บของมันกรีดสันหลังปลาช่อน แล้วแหวะเกล็ดที่ไหม้จนดำออกทั้งแผงซ้ายและแผงขวา ผมจึงเห็นเนื้อปลาช่อนซ่อนรูปขาวจั๊วน่าเจี๊ยะเสียจริงๆ กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก เสริมเดินไปเด็ดใบไผ่มาเรียงรายเพื่อรองปลาอบฟางน่ากิน

                  “หอมจังว่ะ” ผมเอ่ยขึ้น แล้วก็ทำทีสูดกลิ่นอีกครั้ง เสริมหัวเราะ

                  “ใจเย็น เดี๋ยวกูไปขอน้ำปลาตาแหลมก่อน”

                  กล่าวจบเสริมก็เดินไปทางบ้านตาแหลมแล้วก็เดินกลับมาพร้อมด้วยถ้วยน้ำปลา วางแหมะที่ตรงหน้าผม ปลาช่อนหมกโคลนอบฟางนอนรออยู่เบื้องหน้า ผมเอื้อมมือไปฉีกด้วยนิ้วแล้วจิ้มในน้ำปลา ส่งมันเข้าปากด้วยความอิ่มเอม

                  ระหว่างที่นั่งกินปลาช่อนหมกโคลนอบฟางกันอยู่นั้น ปลาไม่กินเบ็ดอีกเลย โชคชิมลิ้มเนื้อปลาช่อนหมกโคลนอบฟาง คงมีเพียงเท่านี้ เสริมชวนผมเดินกลับบ้านโดยปล่อยเบ็ดปักที่เหลือไว้

                  “พรุ่งนี้เช้าค่อยมากู้”  

                       

                        

Tags : บ้านทุ่งแสนสุขตอน7.ตีผึ้ง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view