แพงทั้งแผ่นดิน ทำมะม่วงกวนกินเถิด
“พอแพง”
ปวดหัว วุ่นวายใจ เพราะเสพข่าวเรื่องของแพงเข้าไปมาก ข่าวที่มีความจริงตามสภาพการณ์คลุกเคล้าการเสกสรรปั้นน้ำเป็นตัว แข่งกันใส่ข้อมูลความเกลียดชังกันมากระหน่ำหัวใจของเราจนยับเยิน ป่นปื้ เลยทิ้งจอภาพข่าวเดินหนีเข้าสวนหลังบ้าน
“ของแพงไปแหย่ไข่มดแดงมาก้อยกินดีกว่า”
สวนรก ๆ มรดกยายไม่ได้ย่างกรายเข้าไปก็นานโข รวงมดแดงใหญ่โตแขวนอยู่โตงเตงบนต้น กิ่ง ใบของมะม่วง ต้องแหวกกอข่าที่ออกดอกชูช่อล้อลมแล้งอยู่สลอน จึงเข้าไปถึงโคนต้นมะม่วงได้
“ทำไมไม่เก็บหน่อข่า ดอกข่าไปลวกจิ้มน้ำพริกนะ”
นั่นซินะ ของแพงทั้งแผ่นดิน หากินในสวนก็พอไหว แถมเป็นอาหารอินทรีย์ Oganic ที่ไร้สารเคมีใด ๆ แบบไม่ตั้งใจเสียด้วย
เมื่อเกิดดวงตาเห็นธรรมแล้วก็วางไม้สอยที่ห้อยตะกร้าไว้ตรงปลายสำหรับแหย่รังมดแดงลงก่อน ละมือไปเก็บดอกข่า พลันตาก็เล็งแลไปเจอ โน่นมีผักหวาน ดอกขจร ยอดตำลึงเลื้อยพันกับเถาย่านาง
“เฮ้ย...หรือจะแกงหน่อไม้ดี”
ฝนปีนี้ก็มาเร็วหน่อไม้เลยเงยหน้าแทงหน่อขึ้นมาดูโลกกลางกอกันเบียดเสียด
“แกงหน่อไม้ใส่ไข่มดแดงก็อร่อยนา”
กำลังลังเล แหงนมองขึ้นบนกิ่งไม้สูง บนกิ่งมะม่วง
โห...อะไรกัน มะม่วงแก้ว มะม่วงมันมะม่วงอะไร ๆ สุกเหลืองเต็มต้น และหล่นร่วงอยู่ตามดินอีกเกลื่อนกลาด
ทำมะม่วงกวนดีกว่า... สมองที่ไร้ข่าวสารในจอมารุงรังชักปลอดโปร่ง คิดถึงสมัยยายแพงผู้ปลูกไม้กินได้เหล่านี้ไว้ว่าแกทำอะไรบ้างในแต่ละวัน แต่ละฤดูกาล ไม่เคยแยแสตลาด ของแพงทั้งแผ่นดินแกก็มิหวาดหวั่น
กินไข่มดแดงใส่แกงหน่อไม้แล้ว สูตรมะม่วงกวนยายแพงก็ถูกรื้อฟื้นในความทรงจำ ร่างขึ้นในสมอง นี่ถ้ายายแพงไม่ตายป่านนี้คงได้กินมะม่วงกวนไปแล้ว
แล้วมะม่วงสุกงอมนานาพันธุ์ในสวน ก็ถูกรวบรวมมากองอยู่ตรงหน้า
“น่าจะไม่พอนะ ทำเสร็จแล้วจะต้องเอาไปฝากลูกหลาน เพื่อนมิตรอวดฝีมืออีกล่ะ ไปซื้อที่ตลาดมาเพิ่มอีกเถอะ”
คิดได้ดังนั้นยายอรพินเพื่อนผู้หวังดีก็มาสนับสนุนทันที
“มะม่วงสุกงอมที่ตลาดโลละสี่บาทเองเดี๋ยวไปซื้อมาให้ถ้าจะทำจริง”
“ละสี่บาท...โห... ไหนว่าแพงทั้งแผ่นดิน”
ช่างเถอะ...ไหน ๆ ก็ได้มะม่วงกวนสูตรจำได้มาฝากแล้วหละ
มะม่วงกวนร้อยเปอร์เซ็นต์สูตรยายแพง
เครื่องปรุง ๑.มะม่วงสุกงอม ๑ ตะกร้า หรือ ๑ กาละมัง
๒.ใบตองกล้วย หรือใบพลวง หรือใบเหียง สักหลาย ๆ ใบ
วิธีทำ ๑.ล้างมะม่วงให้สะอาดพักไว้
๒.ฉีกใบตองเช็ดให้สะอาดเตรียมไว้(ไม่แนะนำให้ใช้พลาสติก แม้จะสะดวก หาง่าย และสวยงามกว่า ไม่เช่นนั้นจะได้สารปนเปื้อนจากพลาสติกเป็นของแถม)
๓.มะม่วงขูดเอาเฉพาะเนื้อนำไปปั่นในเครื่องปั่นผลไม้ เทลงในหม้อยกขึ้นตั้งไฟกลาง ๆ เพราะถ้าใช้ไฟแรงไป เมื่อมะม่วงเดือดจะกระเด็นลวกมือได้
๔.คนด้วยไม้พายไปเรื่อย ๆ ไม่ให้ไหม้ก้นหม้อ
๕.หากไม่ต้องการให้เป็นมะม่วงร้อยเปอร์เซ็นต์ สามารถเติมเครื่องปรุงรส เช่น น้ำตาล เกลือ กะทิ เนย หรือแป้งข้าวในกรณีอยากได้ปริมาณมาก ๆ
๖.ปล่อยให้เดือด และกวนไปประมาณ ๒๐ – ๓๐ นาที รู้สึกหนืด หรือเนื้อมะม่วงมีความข้นแสดงว่าใช้ได้แล้ว ปิดไฟ ยกลง ปล่อยไว้ให้เย็น (แต่ถ้าต้องการแผ่นมะม่วงบาง ๆ ก็ไม่ต้องกวนไปจนหนืด เอาพอสุกก็ใช้ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นตอนตากจะเกลี่ยออกให้บางเสมอยาก)
๗.ตักเนื้อมะม่วงลงในใบตองที่เตรียมไว้ เป็นแผ่น ๆ ตามต้องการ เกลี่ยให้เสมอ ยกไปตากแดด
๘.ถ้าแดดจัดตากหนึ่งวันเต็ม ๆ มะม่วงจะเริ่มแห้งให้ลอกออกจากใบตอง ใส่ลงในถาด หรือกระด้ง และตากอีกในวันรุ่งขึ้น ก็รับประทานได้อร่อยแล้ว (ถ้าใบตองกรอบติดเนื้อมะม่วง ควรปล่อยไว้หนึ่งคืน แล้วลอกออกตอนเช้าจะง่ายกว่า)
๙. ถ้าต้องการเก็บไว้ทานในวันหลัง หรือนำไปฝากใคร ๆ ให้ม้วนเป็นหลอดสวยงามจึงแพ็คลงกล่อง ลงถุง สูตรนี้นำไปจำหน่ายจะได้กำไรประมาณ ๑๐ เท่า ถ้าผสมแป้งข้าวลงไปจะได้มากกว่าค่ะ
๐๐๐
ปล.แพงทั้งแผ่นดินอย่างนี้อย่าลืม สอดตาแลเข้าไปในสวนหลังบ้านกันล่ะ