กิ่งคำปายกับยายทวด๒๒.
งูสายรุ้ง
โดยเอื้อยนาง
แท้จริงแล้ว แม้ว่าตัมบูกับมามิริจะเคยเป็นเด็กที่ชอบสนุกซุกซน มักทำผิด ละเมิดกฎข้อห้ามของเผ่าอยู่เสมอก็จริง แต่ความเชื่อบางอย่างที่ฝั่งแน่นก็ผูกมัดพวกเขาไว้เหมือนเป็นกรอบตีวงล้อมรอบ
ชาวเผ่าทั้งสองจึงถอยกลับออกมาทันทีที่มองเห็นภาพบนผนังถ้ำ แต่เพื่อนจากต่างแดนชายหญิงของพวกเขากลับประทับใจกับภาพเหล่านั้น และมัวเพลินชมเป็นเวลานานจนตัมบูรู้สึกร้อนรุ่ม ห่วงใย
“ดูภาพนี้สิคะ โรบินสัน” เสียงกิ่งคำปายดังแจ้ว ๆ พลางชี้มือให้เพื่อนตัวโย่งดูภาพบางภาพอย่างตื่นเต้น “ฉันว่ามันคงเป็นภาพงูนะ เพราะลำตัวมันยาว แต่มันก็คงเป็นงูพิเศษมาก เกล็ดของมันจึงเป็นลวดลายสวยงาม หลากสีอย่างนี้”
“ใช่เพราะมันเป็นงูในจินตนาการของผู้คน ดูนัยน์ตาของมันซีมันส่องแสงราวกับดวงดาวแน่ะ”
“และมันก็เป็นดวงดาวที่กะพริบวิบวับอยู่ตลอดเวลาด้วยซี”
กิ่งคำปายยังชื่นชมเรื่อยไปคล้ายตกอยู่ในมนต์เสน่ห์แห่งความงามน่าพิศวง ตัมบูจึงทนไม่ไหวตะโกนร้อง เรียกให้ทั้งสองออกมาด้วยเสียงอันดัง นั่นแหละทั้งสองจึงได้รู้ว่า ตัมบูกับมามิริไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว
“ออกมาเถอะเราจะไปหาที่อื่นพักกัน”
ตัมบูตะโกนบอกเสียงร้อนรน
‘ทำไมเราไม่พักที่นี่เล่าตัมบู ที่นี่น่าจะเหมาะสมที่สุด”
กิ่งคำปายตอบไป แต่สายตายังไม่ละไปจากภาพงูบนผนังที่มีดวงตาเหมือนดาวกะพริบ เป็นแสงวิบ ๆ ที่มีพลังคล้ายดวงไฟ มันเรียกร้อง ดึงดูดให้เธอเข้าไปหา ยิ่งเพ่งมองก็ยิ่งดึงดูดสายตา และหัวใจ ในที่สุดเธอก็ผวาเข้าไปจนสะดุดล้มลง ดีแต่ว่าหนุ่มโย่งโรบินสันมือไวคว้าตัวไว้ได้ก่อน
“คุณคงเหนื่อยเกินไปแล้วหละกิ่งคำปาย ออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ”
โรบินสันพูดอย่างห่วงใย เขาประคับประคองร่างของเธอออกมาหามามิริและตัมบูก็รีบนำหน้าพาไปพักกันใต้เพิงผาอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลกันนั่นเอง
“เธอเป็นอะไรมากไหม” มามิริถามพลางช่วยโรบินสันประคองเพื่อนสาวอย่างห่วงใย
“ไม่หรอกจ๊ะ ขอบใจ นั่งพักสักครู่ก็คงหาย”
ตอบพลางกิ่งคำปายก็นั่งลงบนหินก้อนหนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าว่าในมือของตัวเองว่างเปล่าจึงร้องอย่างตกใจว่า
“เอ๊ะ...แล้วเจ้ากูอาน่าโมบายเพื่อนฉันนั้นไปไหน”
“เราอยู่นี่กิ่ง....” เสียงต่ำ ๆ ดังมาจากมุมหนึ่งของร่มเงาจากเพิงหินที่ใกล้ ๆ นั่นเองเรียกทุกคนให้ไปชะโงกดู เห็นเจ้าสัตว์สีเหมือนใบไม้แต่หน้าตาเหมือนไดโนเสาร์สัตว์ดึกดำบรรพ์หมอบนิ่งหายใจระรวยอยู่
“ฉันรู้สึกว่าในถ้ำนั้นมีพลังลึกลับบางอย่างทำให้อึดอัดอยู่ไม่ได้ต้องกระโดดหนีออกมาหลบอยู่นี่”
เพื่อนผู้เป็นผีสาวแม่ลูกอ่อนบอก เสียงแผ่ว ๆ เหมือนอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที
“เพราะนั่นคือสถานที่ต้องห้าม เป็นสถานที่แห่งมนต์ขลังนะซี”
ตัมบูได้ทีจึงอธิบายเสียงขึงขัง บอกเล่าถึงความสำคัญของสถานที่นั้นให้ทุกคนฟัง
ลูกน้อยของโมบายในร่างกูอาน่าในมือของมามิริก็แน่นิ่งราวกับไม่มีชีวิตไปแล้วเช่นกัน เธอวางมันลงให้โมบายใช้หางกกกอดอยู่เป็นครู่ แม่หนูน้อยผีแก่แดดจึงค่อยเปิดเปลือกตาอันมีผิวย่น ๆ เผยดวงตาอันเซื่องซึมเหมือนคนง่วงนอนขึ้นมา
“ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ ในถ้ำแห่งนั้นคงมีอะไรพิเศษอย่างที่ตัมบูว่านั่นแหละ”
กิ่งคำปายพูดกับโรบินสันเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน เธอยังรู้สึกอยากกลับไปดูอีกที มีอะไรบางอย่างเรียกร้องให้เข้าไปหา แม้โรบินสันจะพยายามให้เหตุผลในเชิงวิชาการว่า ในถ้ำนั้นอาจมีแร่ธาตุบางชนิดแผ่รังสีที่เป็นอันตรายทำให้หายใจไม่สะดวก แต่เด็กสาวอดีตสมาชิกแก๊งมอเตอร์ไซค์เหินเวหาอย่างกิ่งคำปายหรือจะยอมง่าย ๆ ยังหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องแอบกลับไปดูอีกทีหากมีโอกาส
“พักกันที่นี่ก็ไม่เลวหรอก”
โรบินสันบอกด้วยความห่วงใยเธอ เขามองสำรวจดูเพิงหินแห่งนั้น เห็นมีกองเปลือกหอยอยู่ข้างกองถ่านและขี้เถ้า แสดงให้รู้ว่าเคยมีคนมาพักและกินอาหารกันที่นี่มาก่อน ท่อนฟืนที่แห้ง ๆ กองหนึ่ง ทำให้มีความหวังว่าคงจะหาวิธีการก่อไฟขึ้นได้
“ดีเหมือนกัน เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”
ตัมบูเห็นด้วย มามิริเดินสำรวจลึกเข้าไปด้านใน เห็นมีห้องแคบ ๆ แต่ลึกเข้าไปใต้ผาหิน ที่พื้นมีเปลือกของต้นยูคาลิปตัสชนิดเป็นแผ่นเหมือนกระดาษปูรองเป็นที่นอน เธอก็นั่งลงเหยียดขาพลางร้องเรียกเพื่อนสาวต่างผิวให้เข้ามาพักผ่อนด้วยกัน กูอาน่ากิ้งก่ายักษ์สองแม่ลูกคลานต้วมเตี้ยมตามมาด้วย เมื่อกิ่งคำปายเดินมา
“เธอรู้จักงูบนผนังถ้ำนั้นไหมมามิริ”
กิ่งคำปายยังติดใจภาพสัตว์บนผนังในถ้ำที่เพิ่งจากมา ในความรู้สึกของเธอแล้วดูเหมือนว่าสัตว์ในภาพมีชีวิตจริง ๆ และมีอะไรบางอย่างสะกิดใจให้พะวงถึงตลอดเวลา โดยเฉพาะนัยน์ตาของมันที่ส่องแสงวิบ ๆ เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในคืนที่ฟ้าโปร่ง
“นั่นคืองูสายรุ้ง”
มามิริตอบเสียงเบา มองหน้ามองหลังเหมือนกริ่งเกรงว่าเสียงของตนจะดังไปให้ได้ยินถึงสิ่งที่กำลังพูดถึงนั้น มีเสียงน้ำตกไหลซ่า ๆ ดังมาให้ได้ยิน ทำให้สองสาวหูผึ่งจึงพักอยู่ได้ไม่นานก็ชวนกันเดินไปตามเสียงนั้นแต่โรบินสันไม่วางใจในความปลอดภัยของสถานที่อันน่าพิศวงแห่งนี้เขาจึงตามไปอีกคน แต่ตัมบูนั้นตอนนี้เขาพยามยามก่อไฟ โดยใช้ไม้แห้ง ๆ สองท่อนมาถูกันอยู่อย่างขะมักเขม้น
“ใช่...เป็นงูแห่งเทพรู้ไหม เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่รู้กันเฉพาะในกลุ่มผู้ชาย เราพวกผู้หญิงจะได้ยินได้ฟังเฉพาะเรื่องเล่า แต่พวกผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะได้เข้ามาเรียนรู้และได้พบเห็นจากที่นี่จริง ๆ เรื่องเล่าว่าตั้งแต่ยุคแห่งดรีมไทม์ เทพผู้สร้างได้ลงมาจากฟ้ากลายร่างมาเป็นงูสีรุ้ง และแล้วในวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนองวันหนึ่งงูสายรุ้งก็แตกตัวออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นหิน เป็นดิน และสิ่งต่าง ๆ ในโลกไม่ว่าภูเขา ต้นไม้ และสัตว์ทั้งหลายล้วนเกิดมาจากชิ้นส่วนที่แตกออกจากร่างของงูสายรุ้งทั้งนั้น....”
ผู้เล่าเงียบเสียงลงคล้ายง่วงเพลียเสียเต็มประดา ทำให้ผู้ฟังจำต้องเงียบไปด้วย ที่จริงกิ่งคำปายเองเองก็ต้องการพักเหนื่อย ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสิ่งพบเห็นมาเหมือนกันจึงต่างม่อยหลับไปจริง ๆ