เมื่อปูน้อยขึ้นศาลพญาแถน
“พอแพง”
เรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดกับศาลในช่วงนี้คงทำให้ใคร ๆ เครียดกันไปหมด เลยยกนิทานสนุก ๆ ของอีสานโบราณมาเล่าสู่กันฟังคลายเครียดค่ะ
เมื่อฝนแรกหลั่งริน ต้นไม้ใบหญ้าก็ผลิแย้มเขียวขจี ในท้องนาน้ำนองเหล่าปูปลาก็ออกลูกหลานมาเริงร่า ส่วนมนุษย์ก็เปรมปรีดิ์มีผักหญ้าปูปลามาให้เลือกสรร แต่ละวัน แต่ละที่คิดเมนูเด็ด ๆ ลองลิ้มชิมผักหญ้าและปลาปู
ณ ดินแดนแห่งนี้มีเมนูเด็ดที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ต้มใบมะขามอ่อนปูน้อย
“ชิมแล้วยัง ต้มปูน้อยใส่ใบมะขามอ่อน”
“โอยพุงกางมาหลายทีแล้วแต่ยังจะหามากินอีกสักหลาย ๆ ที”
ใครยังไม่ได้ลิ้มลองนับว่าเชยแหลก หรือไม่ก็บุญไม่ถึง ต้นมะขามใหญ่ที่ผลิใบพลิ้วอยู่กลางสายลมฝนถูกตัดกิ่งแทบโกร๋น ส่วนปูน้อยทั้งหลายถูกสวิงช้อนไปจนหมดทุ่ง สังเวยความอร่อยในเมนูเด็ด
ข่าวลือเรื่องปูน้อย(ปูใหญ่ไม่เกี่ยว)ถูกจับไปหมดทุ่งแพร่สะพัดไปทั่วท้องนา ทำให้ปูน้อยตัวสุดท้าย หนึ่งเดียวที่เหลือรอดปากสวิง ปากแหอกสั่นขวัญแขวน
“มนุษย์ช่างใจร้ายจริงหนอ” ปูน้อยรำพึงอยู่เดียวดายริมคูนา
“เจ้าต้องไปฟ้องศาล เอาผิดมวลมนุษย์ที่ใจร้าย อ ยุติธรรมแก่เหล่าปูน้อย เผ่าพันธุ์ของเจ้ากำลังจะสูญสิ้นแล้ว ไปฟ้องศาลเลย” ปูใหญ่ก้ามโตตัวที่แอบมองอยู่ให้คำปรึกษาด้วยสงสารปูน้อยจับใจ
“ศาลอยู่ไหนล่ะ” ปูน้อยเช็ดน้ำตา
“เจ้านี่ช่างโง่จริง ๆ ศาลก็คือพญาแถนนั่นแหละ ทรงเป็นผู้ดูแลปกครองเหล่ามนุษย์เขาน่ะ”
ดังนั้นปูน้อยจึงแบกความทุกข์ ฟายน้ำตาไปฟ้องมนุษย์ต่อพญาแถนผู้เป็นศาลสถิตยุติธรรมตามคำแนะนำของปูใหญ่ก้ามโต
“อะไรนะเมนูเด็ดเรอะ” พญาแถนเพียงได้ฟังทรงแปลกใจส่งเสียงดังจนปูน้อยก้ามหด แต่ด้วยความรักตัวกลัวตายปูน้อยจึงบรรยายการกินปูน้อยอย่างเอร็ดอร่อยของมวลมนุษย์ให้พญาแถนอ้าปากฟังด้วยความพิศวง
“ใบมะขามอ่อนรสเปรี้ยวจะกลมกล่อมด้วยตัวปูน้อย ๆ ทั้งหลายที่ใส่ลงไปรวมกับเครื่องปรุงอื่น ๆ ทั้งข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก เกลือ ปลาร้า ผงชูรส ต้มแล้วซดทั้งร้อน ๆ
รสแซ่บอย่าบอกใครเลยพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นคำของปูน้อย พญาแถนทรงกลืนน้ำลาย แล้วก็หันไปสั่งท้าววิษณุกรรมด้วยเสียงอันดังว่า
“ไปเก็บใบมะขามอ่อนมาสิ กูจะลองลิ้มรสปูน้อยตัวนี้ดูสักหน่อย”
๐๐๐