มอญ หรือ รามัญ
ตอน1. อดีตที่รุ่งเรือง
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ถ้าเอ่ยถึงคำว่ามอญหรือรามัญ ผมมีความรู้สึกเหมือนว่าเป็นพี่ร่วมเชื้อเนื้อร่วมเลือดกันมากกว่าชาติเชื้อเผ่าพันธุ์ใดๆ เกิดมาจำความได้ก็เคยได้ยินปี่พาทย์ลาดตะโพน บางทีก็ได้ยินเพลงมอญดูดาว มอญรำดาบ มอญแปลง กราวรำมอญ ดูลิเกเรื่องมะกะโท ได้ยินเสียงเรียกสาวมอญว่าแม่เม้ยแม่เอย อินไปกับความรู้สึกรักและสงสารแม่เม้ยจนน้ำตาไหลพราก แต่เมื่อโตขึ้นจึงได้รู้ว่า มอญไร้แผ่นดิน แม้จะพยายามเรียกร้องความเป็นรามัญประเทศเพียงใด ก็ยังไม่สามารถระบุลงไปได้ว่า ประเทศมอญอยู่ตรงไหนหรือ
พงศาวดารพม่ากล่าวว่ามอญเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีอารยะธรรมรุ่งเรื่องมาก เดิมอาศัยอยู่ในตอนกลางของทวีปเอเซีย ภายหลังอพยพลงมาตั้งอาณาจักรบริเวณลุ่มน้ำสาละวินและลุ่มแม่น้ำสะโตง เมื่อหลายทศวรรษก่อนคริสตกาล จีนและอินเดียเรียกว่า สุวรรณภูมิ คนมอญเรียกตัวเองว่ามอญหรือรามัญหรือรเม็ง(Rmen) พม่าเรียกว่าพวก ตะเลง(Talaings) บางทีก็เรียกว่า มันหรือมูน จนเพี้ยนเป็น มอญ มอญตั้งเมืองเมาะตะมะ หรือมะละแม่งเป็นเมืองหลวง
ปีพ.ศ.1368 ปรากฎหลักฐานว่า พม่าตั้งเมืองพุกามเป็นเมืองหลวงด้านเหนือ และมอญตั้งอยู่ที่เมืองหงสาวดี(Pegu-พะโค)ด้านใต้ ต่อมา พระเจ้าอโนรธา พระมหากษัตริย์พม่าแห่งกรุงพุกามประเทศ ได้ยกทัพไปโจมตีอาณาจักรสุธรรมวดี มอญตกอยู่ภายใต้พม่าระหว่างปีพ.ศ.1600-1830 ระหว่างนี้เองที่พระเจ้ากยันสิทธะหรือคันชิตโอรสของพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชระหว่างปีพ.ศ.1627-1655 ได้ทรงบันทึกไว้ว่า วัฒนธรรมมอญเหนือกว่าวัฒนธรรมพม่า
ปีพ.ศ.1830 มองโกลบุกพม่า มอญจึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งหนึ่ง โดยพระเจ้าฟ้ารั่ว(มะกะโท) ราชบุตรเขยของพ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้กอบกู้อิสระภาพได้ตั้งราชวงศ์ ชาน-ตะเลง เป็นอาณาจักรมอญอิสระอยู่ที่เมืองเมาตะมะ
ครั้นปีพ.ศ.1912 จึงทรงย้ายราชธานีไปยังกรุงหงสาวดี ต่อมาพระเจ้าราชาธิราชได้สร้างให้กรุงหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ก็ยังเจริญรุ่งเรืองไม่เท่ายุคของพระเจ้าธรรมเจดีย์ ระหว่างปีพ.ศ.2015-2035 ซึ่งถือว่ามอญเจริญรุ่งเรืองที่สุด
ปีพ.ศ.2094 พระมหากษัตริย์ราชวงศ์พุกามนามว่า ตะเบ็งชะเวตี้ ได้กรีฑาทัพไปตีกรุงหงสาวดีจนแตกสลาย
ปีพ.ศ.2283 สมิงทอพุทธิเกศ ได้กอบกู้เอกราชชาติมอญอีกครั้งพร้อมทั้งยกทัพไปตีเมืองอังวะอีกด้วย
ปีพ.ศ.2290 พระยาทะละครองอำนาจแทนสมิงทอพุทธิเกศเรื่อยมา
ปีพ.ศ.2300 พระเจ้าอลองพญา กอบกู้เอกราชชาติพม่าคืนพร้อมกันนั้นก็โจมตีจนมอญแตกพ่ายล่มสลายตราบเท่าทุกวันนี้ ไม่มีแผ่นดินของชาวมอญอีกเลย
มอญกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในอาณาจักรพม่าเหลือเพียงรัฐมอญตั้งแต่แม่สอดลงไปถึงเมืองเมาะตะมะ ทวาย เย
กล่าวได้ว่า มอญเจริญรุ่งเรืองอยู่ 3 ช่วงเวลาคือ
ยุคราชวงศ์สะเทิม-สุธรรมวดี มีพระมหากษัตริย์ปกครองอยู่ถึง 57 พระองค์ นั่นคือตั้งแต่พระเจ้าสีหราชาจนถึงพระเจ้ามนูหา
ยุคราชวงศ์พะโค-หงสาวดี มีพระมหากษัตริย์ปกครองถึง 17 พระองค์ นั่นคือตั้งแต่พระเจ้าสมละ จนสิ้นสุดที่พระเจ้าติสสะ ในการสร้างกรุงหงสาวดีนั้นสร้างเมื่อวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ปีพ.ศ.
ยุคราชวงศ์เมาะตะมะ-พะโค มีพระมหากษัตริย์ปกครองกี่พระองค์ไม่ปรากฎโดยเริ่มต้นที่พระเจ้าฟ้ารั่วราชบุตรเขยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ต่อมาราชโอรสของพระองค์คือพระเจ้าราชาธิราชปกครองต่อจนถึงพระเจ้าพยะมองธิราช เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์พะโคในปีพ.ศ.2300(วันแรม 8 ค่ำเดือน 6)
ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่มอญครองราชอาณาจักรสะเทิม-สุธรรมวดี อาณาจักรพะโค และอาณาจักรหงสาวดีได้สร้างสถาปัตยกรรมแบบปรางค์ขอม-เขมรแบบเรือนยอด(กุฏาคาร)นั่นคือหลังคาต่อกันเป็นยอดแหลมๆ และทรงมณฑปเรือนยอด(Spire) ด้านดนตรีปีพาทย์กลายเป็นต้นธารวัฒนธรรมของชนชาติพม่า ชนชาวกรุงศรีอยุธยา ลาว เขมร และวัฒนธรรมต่างๆมากมายที่ได้รับการซึมซับไปใช้ทั่วไป
สูงสุดสู่สามัญ อดีตเจ้าแห่งอาณาจักรสุวรรณภูมิได้กลายมาเป็นเพียงเศษเท่าธุลีในแผ่นดินอื่น รามัญประเทศได้กลายเป็นความเพียรพยายามที่จะหวลคืนสู่อดีตที่เคยยิ่งใหญ่ แม้มอญจะไร้แผ่นดินเป็นของตนเอง แต่ชนชาติมอญที่กระจัดกระจายพลัดพรายไปทั่วประเทศข้างเคียงนี้ยังคงอยู่ร่วมกันอย่างเหนียวแน่นด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง