http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,396,405
Page Views16,729,565
« November 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

มอญหรือรามัญตอน3.ประเพณีลอยเคราะห์ ของมอญสังขละบุรี โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

มอญหรือรามัญตอน3.ประเพณีลอยเคราะห์ ของมอญสังขละบุรี โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

มอญหรือรามัญ

ตอน3. ประเพณีลอยเคราะห์ของมอญสังขละบุรี

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

              มอญเป็นชนชาติเก่าแก่ในแผ่นดินพม่า มีศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อสืบทอดมาพร้อมกับภาษาพูดและภาษาเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอญรับพระพุทธศาสนาเป็นสรณะ เข้มข้น และปฏิบัติด้วยความเชื่อและศรัทธายิ่ง ด้วยเหตุนี้นี่เอง เมื่อพระเจ้ากยันสิทธะขึ้นครองราชย์ในปีพ.ศ.1627-1655 จึงทรงบันทึกว่า วัฒนธรรมมอญนั้นสูงกว่าวัฒนธรรมพม่า  ประเพณีลอยเคราะห์ของมอญสังขละบุรีเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตไปแล้ว

 

              อาณาจักรสะเทิมของมอญมีมาตั้งแต่ก่อนพุทธศักราช 241 ปี สัณนิฐานว่ามอญรับเอาพระพุทธศาสนาหินยานมาตั้งแต่ยุคที่พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดียทรงเผยแพร่ ราวศตวรรษที่ 2 หลังจากนั้นศาสนาพุทธกลายเป็นความศรัทธาและความเชื่อของมอญ เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต ส่วนประเพณีการลอยเคราะห์นั้นตำนานเล่ากันว่า

 

              เมื่อพม่าได้ครอบครองอาณาจักรสะเทิมหรือสุธรรมวดีของมอญไปแล้ว อยากจะรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว จึงประสงค์ที่จะใช้พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลาง พระองค์ได้สั่งต่อเรือขนาดใหญ่เพื่อให้พระมอญชื่อพุทธะโกษาเดินทางไปยังกรุงศรีลังกาเพื่อคัดลอกพระไตรปิฏกจากต้นฉบับเพื่อนำมาเผยแพร่แก่ชาวพม่า ครั้นการคัดลอกสิ้นสุดแล้ว กำลังจะเดินทางกลับ แต่ได้ประสบกับมรสุมจึงล่าช้า

              พระมหากษัตริย์พม่าร้อนใจจึงได้เตรียมเรืออีกลำหนึ่ง บรรจุอาหารและน้ำเตรียมไปส่งให้เรือพระไตรปิฏก ในที่สุดเรือพระพุทธะโกษาก็เดินทางกลับมาพร้อมกับพระไตรปิฏกอย่างปลอดภัย นั่นคือตำนานและถือเป็นการลอยเคราะห์ลอยโศกให้พ้นไป นำมาซึ่งความโชคดีมีชัย คิดสิ่งใดก็จะสมปรารถนา นับแต่นั้นมา ประเพณีการลอยเคราะห์ด้วยเรือจึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในวิถีชีวิตมอญ

              มารู้จักอำเภอสังขละบุรีกันหน่อยว่า เดิมชื่ออำเภอวังกะ ตั้งเมื่อปีพ.ศ.2438 เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอสังขละบุรีปีพ.ศ.2482 มีพื้นที่2,093,375 ไร่ ประชากรส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยง 80% ไทย 14% และมอญ 5% ประชากรรวมๆ 39,405 คน(ปีพ.ศ.2552) คำว่าสังขละบุรีมาจากคำว่าสังเคลียะซึ่งเป็นภาษาพม่าแล้วเพี้ยนเป็นสังคละ ที่สุดเป็นสังขละบุรี อาณาเขตติดต่อกับรัฐมอญของพม่า  

              เมื่อพม่าได้รับอิสระภาพจากอังกฤษ เกิดสัญญาปางโหลงโดยนายพลอองซาน กะเหรี่ยง คะฉิ่น ยะไข่ มอญ ฯลฯ ต้องได้รับอิสระภาพเพื่อปกครองแผ่นดินของตนเอง แต่พม่าได้ฉีกสนธิสัญญาปางโหลงทิ้ง แล้วรวบอำนาจปกครองทั้งหมด นั่นคือต้นเหตุที่เกิดกองกำลังของแต่ละชนเผ่าลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลพม่า มอญก็เป็นอีกรัฐหนึ่งที่ไม่ยอม

              จึงลุกขึ้นสู้แต่ด้วยกำลังที่กล้าแกร่งของพม่าจึงแตกพ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า มอญเริ่มอพยพเข้ามาอยู่ในเขตแดนของอำเภอสังขละบุรีเมื่อก่อนปีพ.ศ.2490 คนมอญอพยพมาอยู่ครั้งแรกที่หมู่บ้านนิเกะอันเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง ครั้งนั้นมากันราวๆ 30 ครัวเรือน

               ต่อมามอญกลุ่มศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะได้อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำสามประสบตอนล่าง(แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี มาบรรจบกัน) สร้างบ้านเรือน วัด จนมั่นคง น่าจะไม่ต้องอพยพอีกแล้ว แต่เมื่อโครงการสร้างเขื่อนเขาแหลมเริ่มขึ้นในปีพ.ศ.2522 พี่น้องมอญและวัดวังกะต้องอพยพเคลื่อนพลอีกครั้ง ครั้งนี้ได้อพยพขึ้นมาอยู่บนขุนต้นน้ำซองกาเลีย ในพื้นที่ 614 ไร่ ราวๆ400 ครัวเรือน ทิ้งซากวัดวังก์วิเวการามไว้ใต้น้ำกลายเป็นเมืองบาดาลตราบจนถึงทุกวันนี้

                พม่าโจมตีมอญจนแตกพ่ายเพิ่มขึ้นอีก  พี่น้องชาวมอญจึงอพยพมารวมกันอยู่กับกลุ่มหมู่บ้านวังกะอีกกว่า 1,000 ครัวเรือน ในปีพ.ศ.2538 อันเป็นการปิดฉากการต่อสู้ของพี่น้องมอญกับพม่า วันนี้ประชากรมอญที่สังขละบุรีน่าจะมีมากกว่า 2,000 ครัวเรือน ปัจจุบันนี้ได้รับการประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นพลเมืองไทยไปแล้ว เป็นคนไทยเชื้อสายมอญแห่งอำเภอสังขละบุรีโดยสมบูรณ์

                ศูนย์รวมจิตใจให้รักและสามัคคีกันในหมู่พี่น้องมอญคือหลวงพ่ออุตตมะ ท่านได้รับความเลื่มใสและศรัทธามิใช่เพียงพี่น้องมอญ หากแต่พุทธศาสนิกชนคนไทยทั่วประเทศก็ศรัทธาท่านเช่นกัน ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติงาม เป็นเกจิอาจารย์ที่เลื่องชื่อ ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีพี่น้องมอญผ่านพุทธศาสนาตลอดมา ประเพณีลอยเคราะห์ที่จัดขึ้นทุกปี ทุกวันขึ้น 14-15 ค่ำ และวันแรม 1 ค่ำ ก็ด้วยหลวงพ่อนี่เอง

                

                 ปีนี้ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29-30 กันยายน และสิ้นสุดในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 โดยมีประเพณีดังต่อไปนี้

                 วันขึ้น 14 ค่ำ(29 กย.55) พี่น้องมอญจากทั่วสารทิศอันมีทั้งในฝั่งไทยและเดินทางมาจากฝั่งพม่า ได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ผู้ชายมอญกลุ่มหนึ่งจะช่วยกันสร้างเรือแพไม้ไผ่ขึ้นที่หน้าเจดีย์พุทธคยา ส่วนกลุ่มพี่น้องมอญทางบ้านจะทำตุง ธง พวงมาลัย พวงมะโหด กระดาษสี อาหารหวานคาว เพื่อนำมาบูชาและถวายไล่เคราะห์และทุกข์โศก มาประดับประดาเรือจนสวยงามด้วยสีสันสดใส

                 วันขึ้น 15 ค่ำ(30 กย.55) ตื่นเต้นมากเมื่อเห็นพี่น้องมอญยืนเรียงรายกันไปทั่วหมู่บ้าน แต่ละบ้านจะมีทั้งลูกเล็กเด็กน้อย ผู้เฒ่าผู้แก่ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อุ้มขันข้าวและตั้งจตุปัจจัยเตรียมใส่บาตรไว้ข้างๆ ทุกคนยืนด้วยเท้าเปล่า พระสงฆ์ออกบิณฑบาตรไปตามถนนทุกซอกทุกซอย หลังตักบาตรเสร็จแล้วได้เห็นพี่น้องมอญก้มลงกราบพระทึ่ใส่บาตรแล้วอย่างนบนอบ

 

                  เมื่อบิณฑบาตรเสร็จแล้วได้ไปรวมกันฉันภัตตาหารที่บนศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่โสรงสีแดง สวมเสื้อตามถนัด แต่ถ้าเคร่งจริงๆจะสวมเสื้อคอกลงแขนยาว สีเนื้อ หรือสีขาว ผู้หญิงจะนุ่งโสร่งสีน้ำตาลดำ สวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีขาวหรือหลากสี แต่ขาดไม่ได้คือต้องห่มผ้าสะไบเฉีบงสีน้ำตาลทุกคน   

              

                  หลังพระฉันเรียบร้อย พี่น้องมอญทุกผู้จะนำน้ำมันพืช น้ำผึ้ง และน้ำตาล อย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมด้วยดอกไม้เสียบสวยงาม เพื่อไปรอตักบาตรแด่พระสงฆ์ที่บันไดทางขึ้นองค์พระพุทธคยา ตกค่ำก็จะนำข้าวตอกดอกไม้มาถวายรูปปั้นหลวงพ่ออุตตมะที่ฐานเจดีย์พุทธคยา มีการปล่อยโคมลอยในค่ำคืนเดือนกระจ่างฟ้าด้วย

สามเณรฉันภักษาหาร

สำรับกับข้าวสาวมอญ สวยๆ

                  วันแรม 1 ค่ำ(1 ตุลาคม 2555) ตักบาตรทำบุญที่ศาลาการเปรียญพร้อมกับสวดมนต์อิตอปิโส 108 จบ แล้วพี่น้องลูกหลานครูบาอาจารย์แต่งตัวงดงามด้วยชุดประจำเชื้อชาติมอญ เดินทางมาร่วมกันที่หน้าเจดีย์พุทธคยา เตรียมพร้อมลากจูงเรือลอยเคราะห์ไปยังท่าน้ำข้างวัดอันเป็นทะเลสาบของเขื่อนเขาแหลม ขบวนแห่แหนแต่นแต้ด้วยเสียงมโหรีปี่เป่า มอญหญิงชายร่ายร้ำฟ้อนต้อนหน้าต้อนหลังกันเป็นที่สนุกสนาน ขบวนแห่ห้อมล้อมเรือและบ้านธูปเทียนแน่นขนัด

                 เมื่อขบวนเรือถึงริมฝั่งมหานที มีเรือลากโยงลอยเชือกมาผูกกับแพเรือไม้ไผ่ และแล้วก็ลากจูงกันไปในท้องทะเลกว้างใหญ่ พี่น้องบนฝั่งโบกมือหย่อยๆ ตราบจนเรือลากจูงพาเรือสะเดาะเคราะห์ไปถึงกลางมหานที จึงได้ปลดเชือกออกแล้วปล่อยให้เรือลอยล่องไปตามยะถากรรม เป็นการส่งอาหารหวานคาวไปให้กับเรือที่ไปรับพระไตรปิฏกฉะนั้นแล

 

                 ในการสืบทอดพระศาสนาของหลวงพ่อุตตมะเช่นนี้ มิได้เพียงพระศาสนาจะยืนยาว หากแต่จะเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นในหมู่พี่น้องชาวมอญทั้งสองฝั่ง เป็นเหมือนเวลาที่นัดหมายให้ได้พานพบและสอบถามถึงสารทุกสุขดิบกันและกัน ได้ร่วมทำบุญกุศลด้วยกันทุกๆปี ได้อุทิศบุญทานให้กับญาติพี่น้องที่วายชนไปแล้ว ได้ให้ผีเปรตไร้ญาติได้รับอานิสงฆ์ส่วนบุญ ได้เพิ่มบุญบารมีให้กับตนเองและครอบครัว

 

                 ว่ากันตามความจริง ประเพณีนี้จัดได้ด้วยมวลชนคนมอญมากมายหลายพันคน และงานที่จัดก็หลากหลายได้เรื่องราว แค่ว่าค่ำคืนที่ผู้หญิงคราวแม่คราวยายไปนอนถือศีลบนศาลาวัดกันแน่นไปทั้งศาลาก็ได้ภาพความงดงามและซึ้งใจในรสพระธรรมคำสอน ตอนผมเป็นเด็กๆ ผมเคยไปช่วยแม่กางมุ้งนอนหลังสวดมนต์เย็นแล้วที่ศาลาการเปรียญ แต่เดี๋ยวนี้แก่แล้วกลับไม่เห็นวัฒนธรรมการนอนวัดอีกเลย

                 เมื่อมาเห็นภาพแม่ย่าตาเฒ่าเตรียมที่นอนหมอนพร้อมมากับกระติกน้ำดื่ม ปิ่นโตใส่อาหาร เพื่อมานอนและกินที่วัดร่วมกัน ผมรู้สึกอิ่มเอมใจไปกับพี่น้องชาวมอญจริงๆ ถ้าปีหน้าฟ้าใหม่ ผมอยากหอบเสื่อผืนหมอนใบไปนอนวัดกับเขาบ้าง คงได้บรรยากาศสมัยตามแม่ไปนอน เป็นความรู้สึกดีที่ปีหนึ่งจะได้ละเว้นการนอนฟูกนิ่มกินอิ่มจนพุงกางสักปี ถวายเป็นพุทธบูชา ปีหน้าใครจะไปกับผมบ้าง ยกมือ

                 ที่ผมเสียดายมากคือ ผมเห็นสำรับกับข้าวที่พี่น้องวางเรียงกันเต็มหน้าทุกผู้ทุกคน ล้วนใส่ในภาชนะสวยงาม ผู้คนผู้เป็นเจ้าของก็แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม ดูมีวัฒนธรรมที่ล้ำลึก วัดเขาจัดระเบียบให้นั่งเรียงหันหน้าเข้าหากัน ไม่ระเกะระกะ ดูสงบงามซาบซึ้งตรึงใจจริงๆ เมื่อถึงซึ่งเวลาที่พระสงฆ์และสามเณรเริ่มฉัน พี่น้องที่เตรียมสำรับกันมาก็เปิดฝาออก แล้วก็ลงมือรับประทานอาหารหวานคาวร่วมกัน นี่ก็ปีละหนอีกที่ได้มานั่งกินข้าวร่วมกัน

เรือลอยเคราะห์ที่ปล่อยไว้กลาวทะเล

                 และที่ผมเสียดายมากๆคือ ไม่มีใครเรียกหรือชวนเชิญผมและตากล้องทั้งหลายให้ร่วมกินเลย ได้แต่มองจ้องอาหารของแต่ละเจ้า ดูน่ากินและน่าเข้าไปร่วมวงจัง ในที่สุดจึงเสพด้วยสายตาและเสพด้วยจมูก(แอบดมกลิ่น) แล้วกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เดินจากมาทั้งๆที่อยากรู้และอยากลิ้มรสชาติอาหารที่พี่น้องมอญทำมาถวายพระและทำมากินร่วมกัน ใจร้าย

แห่เรือไปลอยเคราะห์

                 แม้ผมมิได้เสพอาหารหวานคาวของพี่น้องมอญ ผมก็ได้รู้และเห็นวัฒนธรรมการกินอาหารร่วมกันของมอญหนึ่งอย่างแหละ ได้เห็นวัฒนธรรมการแต่งกายเมื่อไปวัดทำบุญกับพระสงฆ์ ได้เห็นวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ชาวมอญที่คร่ำเคร่งและจริงจัง  ได้เห็นการสืบทอดพระศาสนาจากรุ่นสู่รุ่น จากคนเฒ่าคนแก่ส่งลงมาถึงคนวัยกลางคน หนุ่มสาวและเด็กน้อยๆน่ารัก

                 ได้เห็นประเพณีลอยเคราะห์ซึ่งงดงามของพี่น้องมอญแห่งบ้านวังกะ หมู่ 2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

                 ได้ภาพสวยงามและเรื่องราวมาเล่าสู่กันอ่านใน www.thongthailand.com และเชื่อมต่อไปถึง Facebook กระตุกใจให้หันมาแล

อุปกรณืเตรียมมานอนวัด

                 ได้ความภูมิใจที่มีสารคดีงดงามมาฝากแฟนของเว็บไซต์และเฟชบุ๊ก ได้เห็นภาพและอ่านเรื่องเล่ามันส์

                  และยังได้ไปนอนพักแรมที่ "ป้อมปี" บ้านพักรับรองของอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม ที่มีบรรยากาศดี อากาศดี เจ้าหน้าที่นิสัยใจคอดี

                  ทั้งนี้ก็ด้วยความกรุณาของคุณครรชิต ศรีนพสุวรรณ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลมและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี

 

คุณยายมอญตักบาตร

 

               

   

 

 

Tags : มอญหรือรามัญตอน2.มอญพ่าย

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view