ประเพณีการแห่ดาวชาวคาทอลิคคนท่าแร่ สกลนคร
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ปีพ.ศ.2427(คศ.1884) ประเทศเวียดนามถูกฝรั่งเศสเข้ายึดครองเป็นอาณานิคม ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งราวๆ 40 คน อพยพเข้ามาอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในคืนวันแห่ดาวของชุมชนคนเวียดนามในปีนั้นได้คิดขยายพื้นที่อยู่อาศัย จึงได้ต่อแพไม้ไผ่แล้วอพยพทั้งคนและเครื่องใช้ไม้สอยลอยแพข้ามฟากมาอยู่ยังริมฝั่งหนองหารอันเป็นป่าหินแฮ่ซึ่งเป็นดินที่มีหินปนอยู่เยอะ ซึ่งก็คือบ้านท่าแร่ในปัจจุบันนี้ ด้วยการอภิบาลจากบาทหลวงเกโก ซึ่งท่านเป็นมิชชั่นนารีชาวฝรั่งเศส
พิธีมิสซาในอาสนมหาวิหารมิคาแอลท่าแร่
ชาวเวียดนามเหล่านี้นับถือศาสนาคาทอลิค มีอาสนมหาวิหาร มิคาแอลเป็นศูนย์กลางการรวมจิตใจชาวเวียดนาม หมู่บ้านท่าแร่จึงได้รับอิทธิพลการวางผังหมู่บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยการวางผังหมู่บ้านเป็นแปลงๆคล้ายตาหมากรุก ทำให้เกิดความเป็นระเบียบในชุมชน ส่วนบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างก็ได้รับอิทธิพลของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส บ้านเรือนในหมู่บ้านท่าแร่จึงมีลักษณะแตกต่างไปจากบ้านเรือนชาวสกลนครทั่วไป
ปัจจุบันนี้มีชาวคาทอลิคท่าแร่ประมาณ 13,000 คน นับว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ใหญ่ที่สุด มีโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์เป็นสถานศึกษาของเยาวชนชาวท่าแร่(เวียดนาม) รวมทั้งเยาวชนชาวพุทธก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ ด้วยความสมานฉันท์กันได้อย่างกลมกลืน สื่อให้เห็นว่าไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด มีความเชื่อแตกต่างกันอย่างไร ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้
พล.ต.ปวริศ แจ่มสว่าง ท่านนายกสมาคมสทน.ยุทธชัย สุนทรรัตนเวชและผอ.ททท.นครพนม ปุณญานุช วรรณยิ่ง
เมื่อมีชุมชนเกิดขึ้นก็มีศาสนา ความเชื่อถือ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ที่สืบต่อกันได้ เฉกเช่นตำนานการแห่ดาวก็เช่นกัน มีสาเหตุของประเพณีเริ่มมาจากการที่บัณฑิตสามคน เดินทางตามแสงดาว และดาวได้ตกมาดับยังโรงนาที่พระองค์จุติในโรงนา ท่ามกลางความปลื้มปิติยิ่ง คืนที่ดาวตกมาดับนั้นจึงถือกันว่าเพื่อรำลึกนึกถึงท่านศาสดาคริสต์ประวัติ ในวันคริสต์มาสทุกปีจึงมีการสืบสานประเพณีแห่ดาวขึ้น
ปุณญานุช วรรณยิ่ง ผอ.ททท.นครพนม-สกลนคร
วันนี้ประเพณีแห่ดาวของชาวท่าแร่ มิได้จำกัดอยู่เพียงชุมชนชาวคริสต์ท่าแร่ หากแต่เป็นชุมชนชาวคริตชนคนคาทอลิคจากจังหวัดต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงเช่นจากชาวคาทอลิคสกลนคร คาทอลิดนครพนม คาทอลิคมุกดาหาร คาทอลิคอุดรธานี ตลอดจนมีชาวพุทธศาสนิกชนเข้ามาร่วมงานนี้ด้วย เป็นงานรวมพลังกาย พลังใจ และพลังทรัพย์ที่ต้องจับจ่ายใช้สอยต่างๆ
บ้านแห่งคืนที่มีดาวบ้านท่าแร่
ตามบ้านเรือนชาวคาทอลิค ตกแต่งด้วยแสงไฟกระพริบใส่ตา สายรุ้งไหวพะเยิบๆ ส่วนใหญ่เดินไฟรูปดาว ผู้คนในชุมชนแต่งตัวสวยงามออกมาร่วมการเฉลิมฉลอง สวมหมวกกระดาษวันคริสต์มาสโดยถ้วนทั่ว มีซานตาครอสชุดแดงเคราขาว ประการสำคัญภายในอาสนมหาวิหารแคทอลิค มีการทำพิธีมิสซาให้กับสาธุคนคนคริสต์ เป็นมงคลในคืนที่ได้รับศีลร่วมกัน
ต้นคริสต์มาศจำลองสัญลักษณ์ของวันจุติ
การจัดงานแห่ดาวของชุมชนคนท่าแร่นั้นเขาแบ่งออกเป็น 3 คืนด้วยกันคือ คืนแรกวันที่ 23 ธันวาคม พี่น้องชาวคริสต์ชนจะสร้างดาวขนาดเล็กๆเพื่อใช้ถือแห่ดาว เรียกว่า “การแห่ดาวมือถือ” คืนที่สองวันที่ 24 เป็นการสวดมิสซาในโบสถ์ มีการสร้างดาวขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนเลื่อนไปด้วยยานยนต์ และแห่ดาวมาจากทั่วสารทิศกว่า 200 ขบวน คืนที่สามอันเป็นวันคริสต์มาศได้แก่วันที่ 25 จะเป็นการแห่ขบวนดาวต่างๆไปยังตัวอำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
พี่น้องชาวท่าแร่แต่งตัวเข้ากับบรรยากาศของงาน ถ้าทุกคนแต่งคงอลังการ
นักท่องเที่ยวก็รื่นเริง
ผมไปมาแล้วเมื่อคริสต์มาศที่แล้ว ผมได้เห็นความคร่ำเคร่งในพิธีการมิสซาในมหาวิหารมิคาแอลท่าแร่ ผมได้เห็นการหลั่งไหลเข้ามาร่วมในพิธีศักดิ์สิทธิ์ ได้เห็นว่ามีทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศจากทั่วสารทิศแห่กันมาร่วมในงานการเดินแห่ดาวบ้านท่าแร่ บ้านเรือนตกแต่งด้วยดาวระยิบระยับสว่างไสวไปทุกถนนหนทาง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวท่าแร่จนเกิดเปฌ็นการท่องเที่ยว 3 วัน 3คืนอันงดงาม
ดาวใหญ่ไหลไปด้วยยานยนต์
ผมได้เดินไปที่บูธของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของท่านผู้อำนวยการ ปุณญานุช วรรณยิ่ง ได้พบว่าคณะนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เดินทางร่วมกับสำนักงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก นำพาคณะมาร่วมสำรวจและวางแผนการนำเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว
ผู้คนแห่แหนกันเข้ามาชม
ประเพณีการแห่ดาวของชุชนคนคริสต์บ้านท่าแร่ได้กลายเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวที่มีสีสันงดงามตระการตาและสนุกสนาน ทำให้เกิดความรื่นรมย์สมใจ ได้บุญกุศลจากพิธีกรรมตามความเชื่อในศาสนา อันน่าจะทำเกิดธุรกิจขยายให้กับชุมชนคนท่าแร่มากยิ่งขึ้น เช่นอาจมีรีสอร์ท หรือโรงแรม หรือโฮมสะเตย์ ขึ้นในพื้นที่ แต่ที่แน่นอนเลยเกิดการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
กวางเรนเดียร์ อีกหนึ่งสัญลักษณ์น่ารัก
ไฟฟ้าสว่างพร่าวพราวไปทั้งคัน ตระการตา
ความงดงามของพิธีแห่ดาวรำลึกถึงวันจุติของพระศาสดาคริสต์ศาสนานั้น มิใช่เพียงขบวนดาวที่ตกแต่งอย่างสวยงาม สีสันสดใส แต่เป็นความงดงามของศาสนิกชนคนคริสต์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนคนพุทธ และจากทุกศาสนาที่ได้เข้าร่วมเสพย์ความสุข ความสดชื่น และความบริสุทธิ์ในจิตใจของทุกผู้ที่มาร่วมงานอันศักดิ์สิทธิ์ ปีหน้าฟ้าใหม่ อย่าลืมรหัสลับบ้านท่าแร่ 23-24-25 ธค.(Tharae code 23-24-25 December 2013)
จอดเรียงหน้างานก่อนการตัดสิน
บัว ก้านแก้ว สมญานามของผจก.ไนท์สปอตทัวร์ 555