แหม่มนิ้งเพาะเลี้ยงผีเสื้อขายดักแด้ส่งนอก
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนถึงถิ่น บ้านปันเจน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ได้พบเรื่องราวน่าสนใจ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าใครสนใจอยากพลิกวิกฤติเป็นโอกาสอย่างที่เจ้าของรีสอร์ท ปันเจน ไฮด์อะเวย์ ได้ทำสำเร็จแล้ว เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ครับ
แหม่ม Dwaila Ann Armstrong
ท่านอุดม หิรัญพฤกษ์ ท่านธานี ภมรนิยม และดร.จงรักษ์ ปรีชานนท์ วน15
คุณธานี ภมรนิยม และแหม่มนิ้ง(Dwaila Ann Armstrong)ชาวอเมริกัน ภรรยาของท่านเคยทำรีสอร์ทอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี บริเวณเขื่อนรัชประภาหรือเรียกกันว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นรีสอร์ทดังมากด้วยว่ามีหลากหลายรูปแบบ เช่นมีบ้านบนยอดต้นไม้ เรียกว่าทรีทอป(Tree top) มีกระท่อมน่ารักๆ แต่ด้วยว่าเบื่อหน่ายเต็มที จึงตัดใจขายไป แล้วก็มาหาพื้นที่ใหม่เพื่อทำรีสอร์ทอีกนั่นแหละ คุณธานีท่านเคยเป็นป่าไม้เขตแพร่ จึงรู้พื้นที่ในเขตจังหวัดแพร่-น่านเป็นอย่างดี
กว่าจะเข้าถึงบ้านพักได้ต้องไต่สะพานนี้ไป
การตัดสินใจจึงไปลงที่เชิงเขาอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เป็นหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยงชื่อบ้านปันเจน พื้นที่เป็นที่ลาดเนินเขาเตี้ยๆ มีลำห้วยไหลมาจากอุทยานแห่งชาติตลอดปี หันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยมีฉากหลังเป็นป่าเขาผืนใหญ่ของอุทยานฯ แล้วก็สร้างบ้านพักตามแนวถนัด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เคยเป็นลูกค้าเก่าเมื่ออยู่ที่เขาสก เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มชอบเดินป่าและอยู่สงบๆกับธรรมชาติ
กิจการรีสอร์ทดำเนินไปตามปกติมีรายได้แน่นอน พร้อมกันก็มีค่าใช้จ่ายแน่นอนนั่นคือเงินเดือนของพนักงานที่ต้องดูแลรีสอร์ท ทำอาหารการกินให้กับแขก ทำสวนให้สะอาดตา ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น ดูๆแล้วก็น่าจะจำเริญไปด้วยดี แต่แล้วก็เกิดวิกฤติการณ์รุนแรงขึ้นมาอย่างไม่คาดว่าจะเกิด นั่นคือคนเสื้อเหลืองที่นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พาสมัครพรรคพวกไปปิดล้อมแล้วเข้าทำการยึดสนามบินนาชาติสุวรรณภูมิ ข่าวดังไปทั่วโลก นับจากนั้นมาไม่มีนักท่องเที่ยวอีกเลย
ครั้นจะไล่พนักงานออก ก็เกรงว่าหากมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาจะไปจ้างใคร ก็เลยจำต้องควักกระเป๋าจ่ายไปเรื่อยๆ ที่หมู่บ้านเดียวกันนี้มีครอบครัวฝรั่งสองสามีภรรยามาปลูกบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก เขามีอาชีพเพาะเลี้ยงผีเสื้อเพื่อจำหน่ายดักแด้ผีเสื้อ ด้วยความที่เป็นคนมีไมตรี จึงถือเสมือนเป็นเพื่อนบ้านกัน สนิทชิดชอบกัน และไปมาหาสู่กันสม่ำเสมอ ผมไปครั้งใดก็ได้พบทั้งครอบครัวมาร่วมงานรับแขกด้วย น่ารักจริงๆสามีชื่อ Robert Dodd ภรรยาชื่อ รำไพ ลูกสาวอีก 2 คน
ครอบครัวโรเบิร์ท
ต่อมาฝรั่งหนุ่มไปได้งานใหญ่ที่เมืองดูไบ จะต้องหอบหิ้วภรรยาไปด้วย กิจการเพาะเลี้ยงผีเสื้อไม่มีใครทำต่อ ทั้งๆที่มีตลาดซื้อขายกันอยู่ประจำ ในที่สุด ยกเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงผีเสื้อและการตลาดให้กับแหม่มนิ้งเพื่อนบ้านผู้อารีทั้งหมด ประกอบกับแหม่มชอบปลูกต้นไม้ใบหญ้าไว้หลายชนิด เช่นส้มเขียวหวาน มะนาว มะกรูด ส้มโอ ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งอย่างไม้พุ่มและอย่างเป็นไม้ต้น จึงได้ศึกษาจนมั่นใจว่า ทำได้
หน้าโรงเพาะเลี้ยงผีเสื้อ
ตัวลายตัวเมียตัวดำตัวผู้
ผีเสื้อที่แหม่มตัดสินใจเพาะเลี้ยงคือ ผีเสื้อหนอนมะนาว ( Papilio denaleus) ซึ่งกินพืชอาหารที่มีอยู่แล้วคือต้นส้มโอ มะนาว มะกรูด และส้มเขียวหวาน ส่วนดอกไม้ที่ผี้เสื้อชอบก็มีมากมายหลายชนิด รวมถึงต้นสาบเสือด้วย แหม่มเล่าว่า ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงไม่ยาก(แต่ไม่ง่าย ศัตรูของไข่และตัวอ่อนคือมด) สร้างโรงเรือนที่คลุมด้วยสแลนเขียวตาถี่ และสแลนขาวตาละเอียดมากๆ ขนาดโรงเรือนก็กว้างยาว 4X6เมตร สูง 2.70-3.00 เมตร ภายในมีแท่นไม้ไผ่ให้ตั้งแจกันดอกไม้ปลอม และแจกันดอกไม้สด เพื่อให้ผีเสื้อกินน้ำหวาน ส่วนดอกไม้แห้งพลาสติกก็เผื่อหาดอกไม้ไม่ได้ก็ฉีดน้ำตาล
ดอกสาบเสือให้น้ำหวานผีเสื้อ
ดอกไม้ปลอมเอาไว้ฉีดน้ำตาลให้ผีเสื้อ
ภายในโรงเรือนนี้ยังมีต้นส้ม มะนาว อยู่ด้วย หลังจากนั้นก็หาซื้อผีเสื้อหนอนมะนาวจากชาวบ้าน ตัวผู้และตัวเมียมาหลายๆคู่ ปล่อยให้เขาอยู่อาศัยในโรงเรือนนี้ เมื่อเขาผสมพันธุ์กันแล้วก็จะไปวางไข่ที่ใบมะนาว ช่วงนี้ต้องระวังมดมากินไข่ผีเสื้อ ก็ต้องหาทางป้องกันและกำจัดมด จนไข่ฟักตัวเป็นหนอนใช้เวลาๆราวๆ 3-5 วัน ออกมาเป็นหนอนปั๊บก็กินเปลือกไข่ตัวเองก่อน
ไข่ผีเสื้อตามใบมะนาว
ขยายหนอนไปตามต้นมะนาว
เราต้องย้ายหนอนผีเสื้อไปครอบด้วยมุ่งขาวละเอียดที่กิ่งมะนาว เพื่อให้เขากินใบมะนาวจนโตตามต้องการช่วงเป็นหนอนนี่จะมีขา3 คู่ที่ส่วนอก และขาเทียมอีก 4 ขาที่ส่วนท้อง ระยะนี้ใช้เวลาราวๆ15 วัน ต่อจากนั้นหนอนผีเสื้อจะลอกคราบจนถึงเวลาที่ต้องเข้าดักแด้ (cocoon)ช่วงนี้ใช้เวลาอีก 7-10 วัน ซึ่งเมื่อเข้าดักแด้แล้วจะหยุดขบวนการต่างๆนิ่งหมด เว้นแต่ภายในดักแด้เท่านั้นที่หนอนยังเจริญเติบโตไปตามธรรมชาติ
หนอนตัวอ้วนเต็มพิกัด
เข้าดักแด้พร้อมส่งขาย
การเพาะเลี้ยงสิ้นสุด การแพคกิ้งดักแด้เพื่อส่งขายไปยังต่างประเทศ เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ เรื่องราคาขายนั้นขึ้นอยู่กับเอเยนซี่ของเรา แต่อย่างไรก็ดี ตอบได้ว่า แม้วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แต่ต้นมะนาว มะกรูด ส้มโอ และส้มเขียวหวานที่เราปลูกเอาไว้ได้ช่วยให้พวกเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนออกไป แต่ต้องเปลี่ยนหน้าที่จากต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเป็นเลี้ยงหนอนผีเสื้อแทน เป็นอีกวิถีชีวิตที่เราได้ประสบมา
แหม่มหม่ำข้าวหลามอร่อย
ภรรยาของโรเบิร์ทผู้ถ่ายทอดเทคนิกการเลี้ยง
“ฉันเข้ามาเป็นอาสาสมัคร(VSO) อนุรักษ์สัตว์ป่าตั้งแต่อายุ 18 ปี เมื่อมีครอบครัวที่นี่แล้วก็ไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตที่อเมริกา อยู่ที่นี่มีความสุขมาก ได้ประกอบอาชีพหลายอย่าง อย่างสุดท้ายนี่ก็เพาะเลี้ยงผีเสื้อเพื่อให้เป็นหนอน แล้วเลี้ยงจนเข้าดักแด้ แล้วก็ส่งดักแด้ไปขาย ที่ฉันเลี้ยงอยู่ 2 ชนิดก็เพราะว่ามันกินใบพวกตระกูลส้ม ก็พอดีเราปลูกไว้ในสวน” แล้วเธอก็ใช้มือเด็ดข้าวหลามจากกระบอกใส่ปากกินเหมือนคนพื้นเมืองทั่วไป บัดนี้ชีวิตของเธอได้ดำเนินไปตามครรลองแห่งมนุษย์สมบูรณ์
www.Siam Butterfly Farm.com โทร.087-1894680