แห่เทียนพรรษาทางน้ำคลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา

แห่เทียนพรรษาทางน้ำ

คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

           ข่าวแห่เทียนพรรษาดังกระฉ่อน พุทธศาสนิกชนทนไม่ไหว ต้องหาที่ไปเพื่อจะได้ร่วมงานบุญแห่เทียนพรรษาประจำปีกับเขาบ้าง ช่วงเวลาเหมาะเสียด้วย ปีนี้หยุด 4 วันรวด ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 20 วันอาทิตย์ที่ 21 วันจันทร์ที่ 22 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา(ขึ้น 15 ค่ำเดือน8) อันเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2556  ตรงกับวันเข้าพรรษา(แรม 1 ค่ำเดือน 8 ) หยุดยาว 4 วัน รัญจวนใจ

            ด้วยความเหมาะสมของสมาชิกในครอบครัว ผมจึงตัดสินใจชวนกันไป “แห่เทียนพรรษาทางน้ำคลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา” ตรงกับวันที่ 22 กรกฎาคม ด้วยเหตุผลดังนี้คือ 

              ชาวลาดชะโดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำในคลองลาดชะโดมานานถึง 5 ปีแล้ว แต่ผมไม่เคยได้ไปเลยสักปี

แกงบอน หากินยากแล้ว คนปากบอนห้าม เดี๋ยวคัน

              ผมเกิดอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ก็จริง แต่ผมมีญาติพี่น้องอยู่ผักไห่ไปทั่ว รวมถึงในคลองลาดชะโดนี้ด้วย จึงเหมือนบ้านญาติพี่น้องกัน

              ผมได้มาเรียนหนังสือระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข มีเพื่อนที่นี่ เติบโตจนเป็นหนุ่มที่นี่ ผูกพันกับที่นี่ไม่น้อยไปกว่าบ้านเกิด จะเรียกว่าเป็นบ้านหลังที่สองก็ไม่ผิดครับ

              ผมเป็นเจ้าของwww.thongthailand.com ที่มีสถิติคนเข้าชม 3,042,432 คน มีเพจวิว 3,915,143 ครั้ง เมื่อวันที่ 24 กค.56 เวลา 20.15 น. ผมทำเว็บไซต์นี้มา 4 ปี 4 เดือนแล้ว กลับไม่เคยเขียนถึงบ้าน(หลังที่สอง)ตัวเอง ดูกระไรๆอยู่

             แต่เนื่องจาก เว็บไซต์ของผม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ไม่เคยเชิญให้ร่วมเดินทางไปไหนด้วย เว้นแต่พ่วงเขาไปบ้างเป็นครั้งคราว งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำคลองลาดชะโดจึงเหมือนใกล้เกลือกินด่าง

แผงพระในตลาดโบราณลาดชะโด อ่ะ หลวงปู่อิ่ม

             ปีนี้ ผมได้แรงบันดาลใจจากลูกสาวคนโตซึ่งชอบเรื่องงานบุญงานกุศล มีวันหยุดยาว 4 วัน จึงกำหนดกันว่า จะไปร่วมแห่เทียนพรรษาทางน้ำที่คลองลาดชะโด แล้วไปกินข้าวร้านรวมปลาของสมศักดิ์ รุ่นน้องสุทธาประมุข มีปลาหมอกลมฉู่ฉี่อร่อยเลิศ ทอดมันปลากรายพันธุ์แท้ และต้มยำปลาเนื้ออ่อนใส่น้ำพริกเผาสักชาม

              หลังจากนั้นก็จะไปไหว้หลวงพ่อโตที่เมืองอ่างทอง 5 วัด ได้แก่วัดสี่ร้อย วัดม่วง วัดขุนอินทประมูล วัดเกษไชโย และวัดมหานาม ได้สิริมงคลล้นกระหม่อมก็เดินทางกลับบ้านที่แครายสบายๆ ไม่เหนื่อยมากนัก ไม่เปลืองงบประมาณการเดินทางมากนัก

              กำหนดแผนการเดินทางกันอย่างนี้ แล้วผมก็เตือนทุกคนว่าต้องตื่นเช้านะ 07.20 น.จะออกเดินทางจากบ้านที่แคราย มุ่งไปตลาดโบราณลาดชะโด  กะว่าไปกินข้าวเช้าที่ตลาดนั่นแหละ มีอาหารหวานคาวเพียบ ตลาดนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยววันเดียวกลับที่สำคัญแห่งหนึ่ง

              แหม พี่น้องครับ ผมไปถึงตลาดโบราณลาดชะโดได้ไม่ยาก จำเส้นทางได้แม่น กรุงเทพ-ป่าโมก-ผักไห่-ตลาดโบราณลาดชะโด จอดรถยนต์ที่วัดลาดชะโด เดินไปเข้าตลาดใกล้นิดเดียว แต่พอโผล่ไปถึงริมน้ำเท่านั้นแหละ โอ้โฮ สวยงามอลังการอย่างนี้เชียวหรือ เรือที่แห่เทียนตกแต่งกันสวยงาม ผู้คนแต่งตัวด้วยสีสันสดใส ใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มพริ้มเพรากันหมด       

              ตัวตลาดลาดชะโดนั้นมีอายุยาวนานกว่า 112 ปี โรงเรือนมีฝาประตูแบบบานเฟี้ยมทุกห้อง สวยงาม ทางเดินกว้างขวางภายใต้หลังคาที่บังแดดไว้ทั้งหมด ผมเห็นหม้อแกงคั่วหัวปลาช่อน แกงบอน พะโล้ปลาตะเพียน แล้วอยากกิน แต่ส่วนใหญ่อยากไปกินริมคลองเพื่อจะดูขบวนแห่เทียนไปด้วย ก็ต้องยอมตามไปด้วยดี.....อด

นักข่าวฝรั่งหนึ่งในหลายคน

              ผู้คนที่เดินกันตามสะพานข้ามคลอง มีทั้งนักท่องเที่ยวที่อยากมาชมขบวนแห่เทียนพรรษาทางน้ำ และตากล้องจากสื่อมวลชนหลายแขนง ตามชานหน้าร้านตลาดลาดชะโดก็ถูกจับจองเป็นเจ้าของที่นั่งชนิดลุกก็เสียม้านั่ง จึงไม่มีใครขยับขยายไปไหน

มีทั้งนักท่องเที่ยวและช่างภาตสื่อมวลชน

              ในท้องน้ำคลองลาดชะโด มีเรือแต่งด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม ชายหญิงก็แต่งกายตามการออกแบบของแต่ละชุมชน ผมชอบใจเรือลำหนึ่ง ชายแต่งเป็นพระอภัยมณีเป่าปี่ หญิงแต่งหน้าทาปากเป็นนางยักษ์ชื่อผีเสื้อสมุทร มือถือกระบองเล่มโต มีชายแต่งเป็นฤาษี...แถม

พระอภัยมณีเป่าปี่

              แม่ค้าพายเรือขายของกินไปเรื่อยๆ สมมุติเหมือนว่าเป็นอดีตกาลที่ผ่านมา บางลำขายโอเลี้ยง บางลำขายข้าวโพดคั่ว บางลำขายกล้วย ส้มโอ พืชผัก บางลำก็ขายก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนน้ำยา แต่งแต้มสีสันด้วยบรรยากาศบ้านๆในอดีต

เรือแม่ค้าในวิถีชีวิตคนริมคลอง

               อีกฝั่งคลองอยู่ตรงข้ามตลาดลาดชะโด  มีเรือแดงสองชั้นตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีเรือแดงอย่างนี้วิ่งรับส่งผู้คนและสินค้าระหว่างตลาดลาดชะโดกับกรุงเทพ(ท่าเตียน) ตอนที่ผมจบ มศ.3 ก็นัดหมายกับเพื่อนๆ เดินทางเข้ากรุงเทพด้วยเรือแดงลำนี้

เรือแดงแห่งความหลัง

              เรือแดงลำนี้เคยใช้ชั้นล่างเป็นที่ตั้งสินค้าล่องไปขายกรุงเทพ ส่วนชั้นบนเป็นที่นอนของผู้โดยสาร มีเสื่อปูให้นอน หมอนใช้ห่อเสื้อผ้าหนุน เรือแดงออกจากผักไห่ตอนเย็นย่ำสนธยา กว่าจะไปถึงท่าเตียนก็สว่างโร่ แดดจ้าแดงแจ๋

นี่ไง งานแห่เทียนรรษาทางน้ำคลองลาดชะโด

               บนเรือแดงนี้ดีนักหนา แล่นไปด้วยเสียงดังหึ่งๆ แต่แวะที่ท่าน้ำไหนก็จะมีอาหารจำพวกข้าวราดแกง ข้าวหมูทอด มาเสนอขาย พร้อมช้อนอลูมิเนียมบางๆ ส่วนข้าวราดแกงก็ใส่ในกระทงใบตองแห้ง ย้ำนะครับ กระทงใบตองแห้งจริงๆ

อลังการงานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ

เสียวสะพานพัง

             ขบวนเรือแห่เทียนพรรษาเริ่มตั้งแถว พายและแจวกันไปเรื่อยๆ เพื่ออวดนักท่องเที่ยวได้ชมกัน เรือธรรมก็จะมีสามเณรนั่งพนมมือ มีสาวชุดขาวพนมมือฟังเทศน์ เรือพระอภัยมณีก็เป่าปี่ตี่ต่าตี่ต่า ส่วนเรือแม่เพลงก็เห่กันไปตามทำนอง เฮ้า ฮ้าไฮ้

นักท่องเที่ยวมีความสุข

ทีมงานทัวร์วัยทอง เว็บไซต์ดิจิติลทีวี ภาพเคลื่อนไหว

              หลังจากพายเรืออวดความสวยงามของขบวนแห่เทียนพรรษาทางน้ำแล้ว ก็ยกขบวนกันขึ้นไปยังวัดลาดชะโด หรือเรียกอีกชื่อว่าวัดจักราช หอบเทียนพรรษาแห่กันรอบโบสถ์จนครบ 3 รอบ ก็อุ้มต้นเทียนเข้าไปถวายคณะสงฆ์ที่ในโบสถ์ รับศีลรับพรกันแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์

แห่เทียนรอบโบสถ์ 3 รอบ

                หลังจากนั้นก็เดินหาของกินและหาของซื้อกลับไปฝากคนทางบ้าน ที่ตลาดโบราณลาดชะโด  บอกไม่อาย วันนั้นอิ่มจังตังส์ไม่อยู่ครบ แต่จ่ายไม่เยอะ เขาขายราคาปกติๆ  ผมถามแม่ค้าว่า ขายกันทุกวันหยุดเลยหรือ มีนักท่องเที่ยวมากันมากไหม ได้คำตอบว่า มีมาตามสมควร ก็ไม่รู้มากหรือไม่มาก น่ะซิ

   

ถวายเทียนในโบสถ์

ขบวนเรือแห่ขึ้นๆล่องๆในคลองลาดชะโด

แม่เพลงเห่กันไป

เรือธรรมแต่ไม่ใช่เณรคำ

เรือชาละวัน จอมจรเข้และมีเรือไกรทองย่องแทงตามมาติดๆ

คั่วข้าวโพดขายในเรือพาย

เรือปลาชะโด