เทศกาลดนตรี นนทรี แบนด์มหัศจรรย์นิสิตเกษตรรุ่นใหม่

เทศกาลดนตรี นนทรี แบนด์

มหัศจรรย์นิสิตเกษตรรุ่นใหม่

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ปฐมเหตุ เกษตรล้วนมีดนตรีในหัวใจ

              นับเนื่องแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จทรงปลูกต้นนทรี 9 ต้นและทรงดนตรีร่วมกับวง อ.ส.วันศุกร์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และเสด็จมาทรงดนตรีโปรดชาวเกษตรต่อเนื่องมาอีก 9 ครั้ง ผมก็เป็นนิสิตคนหนึ่งที่ได้เข้าไปฟังด้วยความประทับใจ

อาจารย์กรรมการและถ้วยรางวัลเกียรติยศ

              ผมเรียนหนังสืออยู่ 4 ปี แต่ละปีมีดนตรีที่เฝ้ารอกันก็ช่วงที่ในหลวงทรงเสด็จจะได้ฟังดนตรีคลาสสิกๆ ไพเราะเสนาะโสตมากๆ กับช่วงที่วงดนตรีเคยูแบนด์บรรเลงให้ลีลาศรำวงกันหลังหอประชุมหลังโก้ตอนงานโฮมคัมมิ่งเดย์ ทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

พิธีกร"คู่ฮา"แห่งนนทรีแบนด์

               ปีแรกมีหน้าที่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ จัดโต๊ะ ให้พี่ๆเค้ามาดื่มมาดิ้นกัน แต่พอเลื่อนลำดับขึ้นเป็นปี3 ปี4 ก็กร่างหน่อย ซื้อโต๊ะเข้าไปดื่มและร่วมลีลาศกับเขาด้วย  โดยมีผมนั่งเฝ้าโต๊ะให้เพื่อนพาสาวออกไปลีลาศ แฮ่ๆๆ

นักร้องนักเต้น วงเขาละ

               ต่อมาวงดนตรีดาวกระจายสไตล์ลูกทุ่งของนิสิตเกษตร โด่งดัง บรรเลงคราใดได้หัวเราะกันกลิ้ง ประทับใจไม่รู้คลาย จนนิสิตรุ่นนั้นวันนี้ก็แก่ๆกันไปโข กลายเป็นตำนานเล่าขานกันไม่จบ แต่นั่นก็มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน  ครับ

มาดแต่ละคน มืออาชีพชัดๆ

ตำนานวิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

             ผมเป็นนิสิตใหม่รุ่น KU.27 เป็นหนึ่งในจำนวนพันคนที่ไปนั่งกรำฝนพรำหน้าตึกชีวะ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยมี มล.ชูชาติ กำภู อธิการบดีผู้ปราดเปรื่อง ชี้แจงถึงผลดีนานาประการเพื่อย้ายจากบางเขนมากำแพงแสน แต่รุ่นพี่สั่งให้โห่ก็โห่ โดยไม่รู้เลยว่า “โง่” สักเพียงไหน พลางก็ตะโกนตามเสียงนำว่า “ไม่ย้าย ไม่ย้าย” “ไม่ไป เราไม่ไป” เป็นควายเกษตรให้จูงจมูกได้ง่ายๆ    

                วันหนึ่ง ผมย้ายมาเป็นคนกำแพงแสน ย่านชุมชนหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม นี่แหละ ว่างงานคราใดผมก็สะพายกล้องท่องถ่ายรูปไปทั่ว มีทั้งรูปต้นไม้ใบหญ้า รูปนกหลายสิบชนิด  พลางก็คิดถึงอดีตเมื่อเดินเข้าไปกราบรูปปั้นของท่านอธิการบดี ชูชาติ กำภู  ผมสารภาพกับท่านว่า ผมขอโทษ ผมโง่ไปแล้วครับอาจารย์

                 ทุกภาพที่ผมถ่ายไปจากวิทยาเขตกำแพงแสน ผมอ้างถึงสถานที่ถ่ายแห่งนี้เสมอ

เริ่มต้นที่ความอยากรู้และฮากลิ้ง

                 งานวันเกษตรแห่งชาติวันที่ 1-10 ธันวาคมของทุกปี  ได้เดินชมทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน ในงานกลางคืนผมไปเฝ้าเวทีประกวดร้องเพลงของเยาวชนและบุคคลทั่วไป สนุกมากภายใต้วงดนตรีแบ็คอัพของนนทรีแบนด์ บอกตามตรง ฮากลิ้งจริงๆ

 

                 ตั้งแต่นั้นมา ถ้ามีรายการเพลงของนนทรีแบนด์ ผมหนีงานบ้านไปหาความบันเทิงทุกครั้ง เช่นบ่ายวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ผมไปปิดป้ายประกาศโฆษณา บ้านเดี่ยวกึ่งรีสอร์ท ทิวไผ่โฮม ว่าว่างนะที่หน้าโรงอาหารใกล้หอพักนิสิต

                ได้เห็นเวทีตั้งเรียบร้อย ป้ายเขียนว่า  เทศกาลดนตรีนนทรีแบนด์  นึกในใจคืนนี้มีงาน ผมกลับบ้านแล้วเตรียมความพร้อม กินข้าวเย็น เตรียมชุดกล้องถ่ายรูป แล้วก็ไปตามเวลาที่เห็นว่าน่าจะมีการแสดงแล้ว

ค่ำคืนที่ตราตรึง ตะลึงกับความสามารถนิสิตเกษตรวันนี้                

                 โต๊ะหน้าสุดเป็นที่นั่งคณะกรรมการตัดสินเพลง จำนวน 3 ท่าน พร้อมถ้วยรางวัลตั้งเคียง เก้าอี้นิสิตผู้เข้าชมไม่น้อยแต่ไม่พอนั่ง จึงมีนิสิตผู้ชมรายล้อมไปทั่วบริเวณ กรรมการนิสิตตั้งโต๊ะจำหน่ายพวงมาลัยให้กำลังใจนักร้อง ด้านข้าง

                 ความวุ่นวายหลังเวที นักร้องขยับท่าทาง  แดนเซอร์ส่ายเอวบิดสะโพก สีสันสวยงามตามสไตล์ของทีม  นักดนตรีขึ้นๆลงๆทดลองเสียง  พิธีกรแต่งหน้าเก๋ จนจำไม่ได้ ที่จำได้คือทั้งสองพิธีกรมีความสามารถมากมายหลายอย่าง ทั้งร้องทั้งพูดเล่นมุขตลกและเต้นๆๆๆ

                 ได้เวลาการแสดงต้องเปิดฉาก พิธีกรคู่ฮาปีนขึ้นไปบนเวที แค่โผล่โฉมปรากฏกาย ก็เรียกเสียงฮาได้แล้ว ผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ แต่ก็กังวลว่าถ้าอยากได้ภาพต้องระวังจะชมเพลิน ภาพจะได้ไม่สวยงาม และครบถ้วน  นี่คือความสามารถของนิสิตยุคใหม่ เด็กใจใส่ใส่กันเต็มที่

                 การประกวดคืนนี้มีเพียง 2 ประเภทคือเพลงลูกกรุงกับเพลงลูกทุ่ง ไม่แยกหญิงชาย ผสมปนเปกันไปทั้งสองทีม แต่ดูเหมือนว่าผู้เข้าประกวดเพลงลูกกรุงจะมีน้อยคน ซึ่งผิดกับผู้เข้าประกวดเพลงลูกทุ่ง มีหลายคน  

                 การแสดงเริ่มขึ้น เมื่อพิธีกรคนเก่งประกาศให้ผู้สมัครขึ้นไปแสดงความสามารถทีละคนๆ ซึ่งน่ายินดีที่แต่ละคนที่ขึ้นไปนั้น ได้แสดงความกล้าแสดงออกได้อย่างน่าทึ่ง บางคนมาร้องเพลงด้วยชุดกีฬา บางคนแต่งมาเต็มเครื่อง  สมาร์ทไม่เบาเกษตรเรานี่แหละ

                 หลังร้องเพลงแต่ละคน พิธีกรคู่ฮาพากันร่วมแปลงบทบาทของนักร้องให้เป็นนักพูด ทุกคนกล้าพูด อันเป็นหนึ่งในมิติคนรุ่นใหม่ที่กล้าแสดงออก ผลพวงของการร้องเพลงคือการกล้าปรากฏกายต่อสาธารณะ ซึ่งจะมีประโยชน์ในวันหน้าเมื่อจบปริญญาตรีไปแล้ว

                 ผมประทับใจมากเมื่อเห็นนิสิตสาวคนหนึ่งขึ้นไปปรากฏกายด้วยชุดกางเกงวอร์มเสื้อยืดกีฬา แต่ก่อนที่จะร้องเพลงเธอประกาศชัดเจน ไม่อยากได้รางวัล แต่อยากมาร้องเพลงเพื่ออวยพรในวันเกิดของพ่อ แสดงว่าเธอคิดถึงพ่อ เอากับเธอซิ

เธอนี่แหละ มาร้องเพลงอวยพรวันเกิดของพ่อ

                ด้วยบทเพลงทั้งลูกกรุงและลูกทุ่ง  นิสิตทุกคนแสดงเต็มที่ บางคนแต่งตัวมาสวยมาก บางคนก็ธรรมดา เสื้อผ้าเครื่องทรงไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ความสำคัญอยู่ที่การร้องเพลง ร้องได้ด้วยน้ำเสียงไพเราะเสนาะโสตหรือไม่ น้ำเสียงสดใสมีกังวานไพเราะหรือไม่ การออกเสียงอักขระถูกต้องตามหลักภาษาไทยหรือไม่ ร้องแล้วลงจังหวะดนตรีทุกทีไหม                 

 

ที่สุดของงานเมื่อการตัดสินเด็ดขาด                   

                 การร้องเพลงประกวดเทศกาลดนตรีนนทรีแบนด์ ครั้งนี้ มีเด็กนอกมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียว ได้แก่ เยาวชนคนเก่งซึ่งเป็นนักเรียนหญิงชั้นประถมปีที่ 6 จากโรงเรียนกำแพงแสน  ขับร้องเพลงลูกทุ่ง ได้รางวัลพิเศษ

                 นิสิตสาวและนิสิตหนุ่มแต่ละคนที่ขึ้นเวทีแตกต่างกันไปทั้งการแต่งกาย การแสดงออก การร้องเพลง การใช้เวที การใช้ภาษากาย และการใช้ภาษาเพลง  บางคนเคยชนะเมื่อปีก่อน บางคนไม่เคยร้องเพลงประกวดเลย แต่ก็อยากจะลองดู

                 ในการร้องเพลงประกวดสไตล์เกษตร กำแพงแสนคือการให้กำลังใจด้วยพวงมาลัย ได้คะแนนส่วนหนึ่ง แต่ความสามารถการร้องเพลงก็เป็นคะแนนอีกส่วนหนึ่ง ในรายการทีวีบางช่องก็ใช้การเอ็สเอ็มเอ็สเป็นผลคะแนน แพ้ชนะกันได้ง่ายๆ ชนิดพลิกล็อคถล่มทลาย

                ผมจำชื่อนิสิตชายที่ได้รางวัลชนะเลิศไม่ได้ แต่จำหน้าได้แม่น ผมจำชื่อนิสิตหญิงที่ได้รางวัลชนะเลิศไม่ได้ แต่จำหน้าได้แม่นเช่นกัน ที่แย่มากคือผมจำชื่ออาจารย์ผู้ตัดสินไม่ได้ พิธีกรแต่งหน้าแปลกไปจนจำแทบไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็จำหน้าได้แม่นว่าเป็นอาจารย์แน่ๆ

                 ค่ำคืนนั้นสุขสมกันไปทั่วหน้า ผู้ชมนิสิตไม่ถอยไปจากแนวเลย เสียงเชียร์เสียงปรบมือดังไปไกล ยิ่งเมื่อถึงตอนที่นักร้อง นักดนตรีและดาวแดนซ์ของวงนนทรีแบนด์ปรากฏกาย ก็ดึงดูดสายตาและเสียงฮือฮาได้ทั่ว  เสียงกรี๊ดๆๆๆ เมื่อดาวแดนซ์ร่างท้วมส่ายสะโพกโยกคลึงเต็มเวที พินิจแล้วเป็นพิธีกรคู่ฮานั่นเอง

 

                ปีนี้ ผมโชคดีที่ได้ไปเห็นเวทีตอนบ่าย ปีหน้าถ้าผมไม่ได้เห็นเวที ผมจะรู้ไหมว่า คืนนี้จะมีประกวดร้องเพลง ในเทศกาลดนตรีนนทรีแบนด์ เพราะนี่เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของนิสิต เป็นเรื่องภายในของมหาวิทยาลัย แต่เป็นศิลปะการแสดงแขนงหนึ่งในยุคโลกาภิวัตน์  ส่วนผมหรือเป็นเพียงศิษย์เก่าแก่ๆจาก บางเขน  นิมยมชมชอบนนทรีแบนด์แบบแฟนพันธุ์แท้เหมือนกัน

                ที่อยากได้ภาพและเรื่องราวของศิลปะการแสดง ไปเขียนและลงภาพประกอบใน www.thongthailand.com/ www.facebook.com เพื่อความสุขทางใจที่ได้ถ่ายรูปและเขียนเรื่อง งานอดิเรกของชายชราคนหนึ่ง ผ่างๆๆ แต่ปีหน้าผมจะไม่ลืมจดชื่อกรรมการและผู้ชนะมาประกอบเรื่องด้วย ส่วนพิธีกรนั้น ไม่บอกมาก็ไม่ใส่ให้แน่ๆ ฮา