ไหว้พระจันทร์ คืนฝนพรำ แม้เดือนดับ
โดย อึ้งเข่งสุง เรื่อง-ภาพ
ตำนานการไหว้พระจันทร์มีหลายมิติแตกต่างกันไป เหมือนตำนานอีกมากมายหลายเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของมนุษยชาติ โดยเฉพาะคนจีน ค่อนข้างพิสดารพันลึก เหมือนที่เราได้ชมหนังหรือการ์ตูนเรื่องไซอิ๋ว หรือเรื่องเง็กเซียนฮ่องเต้ เตี่ยผมไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย แม้ว่าเตี่ยจะเคยเรียนหนังสือทั้งแต้จิ๋วและจีนกลางจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มาก่อนก็ตาม
สัญลักษณ์นครปฐม
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อถึงเทศกาลวันไหว้ต่างๆตามประเพณีจีน เตี่ยก็ระดมกำลังทุกคนในครอบครัวให้ช่วยกันทำเต็มที่ เช่น วันตรุษจีน วันสารทจีน ไหว้ครบถ้วนกระบวนการไหว้ ไหว้ตอนเช้าตรู่ ไหว้ตอนสายๆจนใกล้เที่ยง และไหว้ตอนบ่าย การไหว้เจ้าหมายถึงลูกช้างอย่างผมได้กินเป็ดกินไก่หลังไหว้ เปรม มีการไหว้เพียงอย่างเดียวที่ได้กินแต่ขมและผลไม้ งานนี้แม่เป็นแม่งาน
พระร่วงโรจนฤทธิ์
“วันนี้ 15 ค่ำเดือน 8 แม่ซื้อขนมไหว้พระจันทร์ 5 อย่าง ผลไม้ 8 อย่าง ขนมอี๊อีก 1 อย่าง กระดาษเงินกระดาษทอง ก็ซื้อมา เดี๋ยวช่วยกันพับให้สวยๆนะ พอพระจันทร์ขึ้นก็ไหว้กันเลย”
บ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่ มีญาติพี่น้องเยอะมากอยู่เรียงรายในบริเวณเดียวกัน รอบๆโรงสีไฟ แต่งานนี้มีผู้หญิงเป็นใหญ่ บรรดาอาอี๊ อาโกว อาซ้อ อาซิ้ม อากิ๋ม ต่างเตรียมเครื่องเซ่นไหว้มาจากบ้านแล้วมารวมตัวกันไหว้ที่ลานหน้าโรงสี โดยมี “อาม่า” เป็นประธานผู้ยิ่งใหญ่ การไหว้รวมกันทั้งครอบครัวเช่นนี้ เด็กๆรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งมีมากกว่า 30 คน จึงมีแต่เสียงพูดและเล่นกันเพรียก
เด็กๆอย่างพวกผมมีหน้าที่ช่วยกันยกโต๊ะเก้าอี้ มาเรียงให้เป็นแท่นบูชาเครื่องเซ่น เช่นขนมเปี๊ยะ ขนมโก๋ ขนมไหว้พระจันทร์ลวดลายแปลกตา บางชนิดใส่ไส้ถั่วเหลือง บางชนิดเป็นแป้งหวานๆ กลมๆสีขาว แต่งลวดลายสวยงาม ส่วนจะไหว้ด้วยขนมกี่อย่างก็แล้วแต่ละครอบครัวจะสรรหามาได้ มีเงินน้อยก็ซื้อขนมมาน้อย แต่เมื่อรวมกันแล้ว เต็มโต๊ะที่ต่อหลายตัว
พระจันทร์แมนโผล่ขึ้นจากฟากฟ้าฝั่งตะวันออก ฝั่งวัดห้วยคันแหลนบ้านเกิด สาดแสงส่องสว่างบนลานกว้างหน้าโรงสีข้าวของเรา อาม่านำจุดธูปเทียนสว่างไสว กลิ่นธูปควันเทียนหอมกรุ่น แต่กว่าจะไหว้กันจนครบทุกคน กระถางธูปก็เต็มไปด้วยธูปที่ปักควันฉุย ไหว้กันแล้วผู้ใหญ่ก็นั่งพูดคุยกันไป ส่วนเด็กๆนั่นหรือจะนั่งคุยกันได้ วิ่งขึ้นไปบนกระสอบข้าวสารหน้าโรงสี แล้วก็เล่นซ่อนแอบกันครืนๆ เสียงที่เปล่งช่างฟังเพลิน
“พระจันทร์อิ่มแล้ว” เสียงป้าดังไปทั่ว พวกเราวิ่งมารายล้อมโต๊ะเครื่องเซ่น แล้วก็รอการอนุญาตจากญาติผู้ใหญ่ “กินกันได้” เท่านั้นเอง ก็เกิดความโกลาหล เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายไม่แตกต่าง ก็คราวนี้ ต่างแย่งกันหยิบขนมที่ตนเองจ้องไว้ งานนี้ไม่มีเจ้าของ ด้วยว่าของไหว้ที่มีทั้งหมดเป็นของญาติพี่น้องกันทั้งนั้น อาม่านั่งหัวเราะงอหาย แม่ตวาดเสียงดัง
“ค่อยๆ แบ่งกันกิน เอา ๆๆ เดี๋ยวก็หล่นตกพื้นสกปรกหมด” แต่ก็ไม่มีใครเชื่อฟังเลยสักคน ภาพการแก่งแย่งกันกินยังจำได้ติดตา
ผมจ้องขนมไหว้พระจันทร์ที่เป็นแป้งสีขาว กลมๆ ซึ่งผมชอบกินมากกว่าชนิดมีไส้ถั่ว พอผู้ใหญ่อนุญาตก็คว้าได้ก่อน ส่วนคนอื่นๆก็ชอบใครชอบมัน เป็นความสุขสนุกสนานที่ไม่เคยลืมแม้วันเวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 60 ปี ไม่แน่ใจเลยว่า ญาติพี่น้องรุ่นๆผมจะยังมีใครรำลึกถึงความหลังอย่างผมไหม หรือว่ามันมัวแต่เล่นไพ่กันอยู่
ปีนี้ ผมอายุ 65 ปี หวนรำลึกถึงวันไหว้พระจันทร์ ค่ำนี้วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ผมตั้งมั่นว่าจะไปหาภาพแห่งความหลัง มาเขียนและลงภาพประกอบให้แฟนๆwww.thongthailand.com ได้เห็นและอ่านกัน ผมจึงมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครปฐม แดนดินถิ่นที่มีพี่น้องชาวจีนอยู่อาศัยและทำมาหากินกันมากจังหวัดหนึ่ง
พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนนครปฐม ไหว้กันอยู่บ้าง
เย็นย่ำแต่ไม่เห็นสนธยากำลังโรยแสงอ่อนๆ เพราะว่าเมฆฝนแผ่ไพศาลไปทั่วท้องฟ้า เป็นวันไหว้พระจันทร์ที่ไม่เห็นพระจันทร์เหมือนในอดีต ถามพี่น้องชาวจีนนครปฐมได้ความว่า หลายปีมานี้ ถึงวันไหว้พระจันทร์ทีไร ฝนตกทุกปี แต่ก็ไหว้กันนะ เพียงแต่ว่า ไม่ได้ไหว้กันทุกบ้านเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แถวถนนไปวัดเสน่ห์ ใกล้ๆกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โน่นแหละ ที่ยังเหลือการไหว้พระจันทร์จริงจังที่สุด
ผมขับรถตระเวนไปตามตึกรามบ้านช่องที่เชื่อว่ามีพี่น้องคนจีนอาศัยอยู่ แต่ก็ไม่เห็นมีใครตั้งโต๊ะไหว้พระจันทร์ เลี้ยวไปเลี้ยวมาจนถึงถนนไปวัดเสน่ห์ จึงได้เห็นโต๊ะไหว้พระจันทร์อยู่ตามหน้าห้องแถว ซึ่งมีทั้งห้องแถวไม้และห้องแถวตึก จอดรถแล้วก็แบกกล้องไปยังโต๊ะแรก บ้านนี้เป็นบ้านตระกูลตั้ง แม่วัยกลางคนยิ้มร่าเมื่อผมขออนุญาตถ่ายรูป ส่วนลูกชายวัยหนุ่มนั้นยิ้มเข้ามาทักทาย น้ำใจไมตรีเหมือนพี่น้องจีนของเรา
ลูกเสือน้อยก็ไหว้พระจันทร์
ใกล้ๆกันเด็กนักเรียนในชุดลูกเสือกำลังยืนไหว้อยู่ แม่เดินถ่ายไอแพด ผมก็ถ่ายซ้อนไปอีกทีหนึ่ง เป็นการเดินถ่ายรูปที่ผมรู้สึกถึงได้ในไมตรี พี่น้องชาวจีนของผมยังเหมือนเดิม เครื่องเซ่นไหว้เต็มโต๊ะ มีทั้งดอกไม้ในแจกัน กระถางธูปส่งควันฉุย แสงเทียนพลิ้วไปตามแรงลม ขนมไหว้พระจันทร์หลายชนิดวางเรียง ผลไม้ตามใจชอบ ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องเป็นชนิดไหน
“อยากกินอะไร ก็เอามาไหว้ให้พระจันทร์กินก่อน แล้วเราก็กินตาม” อาเจ๊เล่าหัวเราะๆ
“เมื่อก่อนนี้ หลายสิบปี มีโต๊ะไหว้กันทุกห้อง เรียงไปตลอดถึงกองตำรวจ แต่เดี๋ยวนี้เหลือเท่าที่เห็นนี่แหละ”
“แล้วมาถ่ายนี่ มาจากไหน มาถ่ายไปทำไมล่ะเนี่ย” อาเจ๊ถาม ผมเลยต้องตอบ
“ผมเป็นลูกจีนตระกูลอึ้ง เคยไหว้ ก็คิดถึงวันคืนเก่าๆ เดี๋ยวนี้ผมเป็นเจ้าของเว็บไซต์ทองไทยแลนด์ดอทคอม ก็เลยอยากได้ภาพและเรื่องราวการไหว้พระจันทร์ไปลงให้แฟนๆได้เห็นและอ่านกันครับ” อาเจ๊และลูกชายขอนามบัตร ผมได้โอกาสแจกทันที อย่างน้อยผมได้แฟนเพิ่มขึ้นอีกสองคนแล้ว
“อาเจ๊ครับ ไหว้พระจันทร์แต่ละปีนี่ หมดเงินไปเยอะไหม”
“แค่ผลไม้ก็กว่าสองพันบาทแล้ว ขนมอีกต่างหาก กระดาษเงินกระดาษทอง ดอกไม้ ธูปเทียน ก็หมดหลายพันบาท แต่ปีหนึ่งมีครั้งเดียว อยากรักษาความรู้สึกดีๆไว้ อยากให้มีการไหว้พระจันทร์กันเหมือนเมื่อก่อนนี้ สนุกครึกครื้นมากทีเดียว”
ผมขอถ่ายรูปอาเจ๊และลูกๆไว้ด้วย เลยยืนยิ้มกันทุกคน
ฝนยังโปรยไม่ขาดเม็ด แต่ก็ไม่หนักจนเปียกปอน ผมแบกกล้องหลบฝนไปตามชายคา แล้วก็เดินไปถึง “ร้านปอโอสถ” โต๊ะไหว้พระจันทร์ที่จัดหนัก อลังการงานสร้าง มีจอโปรเจคเตอร์ฉายภาพเจ้าแม่กวนอิมตลอดเวลา อาเฮียและอาซ้อเจ้าของร้านแต่งตัวเรียบร้อยเดินยิ้มอำนวยการอยู่หน้าร้าน มีธูปให้พี่น้องที่มาเยี่ยมชมไหว้ ดูช่างมีความสุขและดูจะภูมิๆใจมากด้วย
หน้าร้านของปอโอสถมิใช่มีเพียงเครื่องเซ่นไหว้สวยอลังการ หากแต่มีการสร้างนิทรรศการบ้านเรือนแถว ย้อนยุคอดีตที่ถนนนี้เคยมี เช่นมีร้านขายขนมหวาน ร้านขายเครื่องดื่ม ร้านจิปาถะ ร้านขายของชำ ฯลฯ ปั้นแต่งด้วยศิลปะที่ผลิตเอง
อาเฮีย-อาซ้อ เจ้าของร้านปอโอสถ จัดหนักทุกปี
“บ้านผมไหว้ทุกปีครับ แต่ละปีเปลี่ยนนิทรรศการไปเรื่อยๆ อยากอนุรักษ์วิถีชีวิตของพี่น้องถนนสายนี้ไว้ อยากให้วัฒนธรรมการไหว้พระจันทร์คงอยู่” เล่าด้วยรอยยิ้มอิ่มใจ
“คุณลุง ตั้งแต่หนูจำความได้พ่อก็ไหว้อย่างนี้ จนเดี๋ยวนี้หนูอายุ 24 ปีแล้ว ก็ยังไหว้เหมือนทุกปี พ่อกับแม่มีความสุขที่ได้ไหว้ค่ะ”
แต่ผมว่าหนูก็ดูมีความสุขและมีความภาคภูมิใจในสิ่งที่พ่อกับแม่อนุรักษ์ไว้ เพราะว่าเห็นเดินยิ้มๆแล้วอธิบายให้กับ “นักท่องเที่ยว” ที่เข้ามาชม มาถ่ายคลิป มาถ่ายรูป หน้าบานเป็นจานเชิง ร้านนี้หมดหลายหมื่นบาทแต่ไม่เสียดายจ้า
อดีตที่ฝังใจผม ก็คงเป็นอดีตที่ฝังใจพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนถนนวัดเสน่ห์แห่งนี้เหมือนกัน นึกภาพว่าทั้งถนนที่เงียบสงบ รถราไม่มาก ผู้คนตั้งโต๊ะไหว้พระจันทร์สว่างไสวไปทั้งถนน จะสวยงามและชวนประทับใจสักเพียงใด
ถนนวัฒนธรรมการไหว้พระจันทร์ในค่ำคืนวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 คืนที่พระจันทร์เต็มดวง คืนที่ทุกคนมีความสุขที่ได้ไหว้และมารวมญาติพี่น้อง วันที่เด็กๆจะได้เล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าไหว้กันทั้งถนนเหมือนอดีต อลังการ
ผมเดินเลยไปอีกห้องสองคูหาไม้เก่าๆ อาเจ๊สองคนนั่งยิ้มในห้อง หน้าบ้านตั้งโต๊ะไหว้พระจันทร์เต็มอัตราศึก มีคนมาขอไหว้ มาถ่ายรูป แล้วก็เดินหลบฝนผ่านกันไปผ่านกันมา
นิทรรศการของร้านปอโอสถ ตั้งใจจริงๆ
“ถ้าฝนไม่ตก จะมีคนมาเที่ยวชมมากกว่านี้ และถ้าฝนไม่ตกก็จะมีพระจันทร์เต็มดวงให้ได้กราบไหว้เต็มตา” อาเจ๊เล่าเหมือนบ่น
“อ๋อ ฉันแซ่อึ้ง บ้านตระกูลอึ้งจ้ะ” ผมตาลุกวาว แล้งส่งเสียงตอบอาเจ๊สองคน
“อ้าว พี่น้องกัน ผมอึ้งเข่งสุงครับเจ๊” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมๆกัน ผมยกมือไหว้ลา
อาเจ๊สองสาวตระกูล อึ้ง ใกล้ๆร้านปอโอสถ
ผมขึ้นรถแล้วขับเลยไปจนถึงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไม่มีบ้านไหนร้านไหนไหว้พระจันทร์ ก็เลยเลี้ยวกลับไปองค์พระปฐมเจดีย์ แล้วเดินทางต่อไปยังกำแพงแสน บ้านเรา ผมกลับมาแล้วก็ตั้งตารอว่า ฝนจะหมดแล้วพระจันทร์จะโผล่ ผมจะได้ตั้งกล้องถ่ายรูปให้แฟนๆได้ชมกัน แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อพระจันทร์ดับในคืนขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เอวังเลย
นักท่องเที่ยวที่อุ้มลูกมาชมบ้านตระกูลอึ้ง
นักถ่ายภาพไม่ขาดสาย
ถนนวัดเสน่ห์
วัฒนธรรมการไหว้พระจันทร์แสนงาม ขายได้