ลูกทุ่ง ยุคบุกเบิก “ก้าน แก้วสุพรรณ”
โดย อุทัย มีสีสัน เรื่อง-ภาพจากกูเกิ้ล
คำจำกัดความคำว่า”เพลงลูกทุ่ง”อยู่ในช่วงต้นปี 2500 หรือก่อนหน้านี้ไม่นานนัก บทเพลงลูกทุ่ง ที่แยกออกมาจากเพลงไทยสากล หรือ เพลงลูกกรุงนั้น หลายคนเพิ่งจะรู้ศัพท์บัญญัติของเพลงลูกทุ่ง ซึ่งเริ่มจะมีกระแสตอบรับกับบทเพลงเหล่านี้ คนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯยังไม่นิยม เพราะในไนท์คลับที่ใช้ลีลาศส่วนใหญ่ใช้เพลงสากลหรือเพลงลูกกรุงบรรเลง เรียกว่าไม่มีเพลงลูกทุ่งในไนท์คลับหรือบาร์
สมยศ ทัศนพันธ์ คำรณ สัมปุณณานนท์ ที่ยืนอยู่แถวหน้าตามมาด้วย ทูล ทองใจ พร ภิรมย์ สุรพล สมบัติเจริญ ผ่องศรี วรนุช ศรีสอางค์ ตรีเนตร สมศรี ม่วงสอนเขียว วงจันทร์ ไพโรจน์ และก้าน แก้วสุพรรณ นักร้องเสียงเล็กหวานคนหนึ่งของวงการเพลงลูกทุ่ง
“ก้าน แก้วสุพรรณ” มีชื่อจริงว่า มงคล หอมระรื่น มีชื่อเล่นว่าแดง เป็นชาวอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ในวัยเด็กได้ เรียนหนังสือจนจบชั้นประถมปีที่ 4 อยากจะเรียนหนังสือต่อ จึงรบเร้าให้พ่อส่งเรียน พ่อ จึงนำมาฝากให้เป็นบุตรบุญธรรมของ พระครูสุนทรนุกิจ (หลวงพ่อวัดสามชุก) เพื่อบวชเป็นสามเณรจะได้มีโอกาสศึกษาในการเรียนต่อ จึงบวชเป็นสามเณรในขณะที่อายุ 10 ปี เรียนทางธรรมมะ ได้ศึกษานักธรรมชั้นตรี เรียนอยู่หลายปีก็ผ่านนักธรรมชั้นตรี แต่อยากจะเรียนต่อ ท่านพระครูจึงส่งสามเณรมงคล เดินทางเข้ามาศึกษานักธรรมชั้นโทกันที่ วัดปรินายก เพื่อจะได้มีโอกาส เรียนทางโลกได้ด้วย แต่โชควาสนาในเรื่องการเรียนมีไม่มากนัก ประกอบกับทางบ้านยากจน ไม่มีใครส่งเสียทางบ้านได้ ด้วยความสงสารสามเณรน้ององค์นี้สงสารครอบครัว จำใจต้องสึกออกมาเพื่อทำงานส่งเงินไปจุนเจือครอบครับอีกครั้ง
สมัยก่อนนั้น ทุกอย่างมันเดินช้าไปหมด “หนุ่มมงคล”จึงไปสมัครทำงานเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารให้กับองค์ การ ร.ส.พ. เรียกว่ารถเมล์ศรีนคร ทำไปอยู่ได้ไม่นาน เกิดความท้อใจในเมื่อโดนแกล้งเป็นประจำจากเพื่อน ร่วมงาน จึงกลับบ้านไปตั้งหลักใหม่ อยู่ที่บ้านนอกสามชุกในยุคนั้นไม่มีอะไรทำ นอกจากทำนากับทำไร่สลับกันไป ด้วยความที่อยากก้าวหน้าในชีวิต จึงกลับมาอยู่กรุงเทพอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจทำงานไปด้วย และ ต้องขึ้นชกมวยเพื่อนำเงินมา ส่งเสียทางบ้านและใช้จ่ายในยุคนั้นค่าเงินมันสูงมาก การที่เคยถูกกดขี่รังแก เลยทำให้มงคลกลายเป็นนักสู้บนผืนผ้าใบด้วยการชกมวย สามารถล้มคู่ต่อสู้บนเวทีครั้งแล้วครั้งเล่า แบบง่ายดาย กลายเป็นนักมวยชื่อหอมในระยะหนึ่ง
ตามงานวัด ยังมีการประกวดร้องเพลง เพื่อหาดาวรุ่งก้าวเข้ามาสู่วงการเพลง หลังจากชกมวยเสร็จก็ขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงต่อ ได้รับรางวัลมากมาย ตามงานวัดในกรุงเทพ ไม่ว่าที่ไหนมีเวทีมวย เวทีเพลง ทุกแห่ง มงคล จะถูกเพื่อนใส่ชื่อเข้าร้องประกวดทุกครั้ง จนคณะกรรมการที่เคยเห็น บอกว่ามงคลน่าจะหยุดได้แล้ว เพราะร้องเพลงชนะเลิศได้ถ้วยรางวัลอย่างมากมาย แนะให้ไปเป็นนักร้องอัดแผ่นได้แล้ว
เพราะเสียงดี นิสัยเยี่ยมเพื่อนจึงยุว่าน่าจะไปสมัครอยู่กับวงดนตรีนะ เพราะวงดนตรีอย่าง”บังเละ”ของ “บังเละ วงศ์อาบู”กำลังโด่งดังเพราะมี”คำรณ สัมปุณณานนท์”เป็นแม่เหล็กอยู่แล้ว เมื่อไปสมัครเอาไว้ รอคำสั่งเรียก จนแล้วจนรอดก็ไม่มีการเรียก เป็นก้าวแรกแห่งการเป็นนักร้องล้มเหลวลง
มงคล ยังต้องเดินสายไปประกวดเพราะเริ่มมีเงินเข้ามาเป็นแรงบันดาลใจในการเข้าประกวดร้องเพลง จนกระทั่งเพื่อนบอกให้ไปสมัครเป็นนักร้องของ วง ป.ชื่นประโยชน์ ที่รับงาน ทั่วไป ครั้งแรกไปสมัครร้องเพลงด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ ครู ป.ชื่นประโยชน์ ยังไม่กล้ารับไว้ ในช่วงนั้น วงดนตรีของ “ครู ป.”มีนักร้องดัง ๆ อย่าง สุรพล สมบัติเจริญ,ทูล ทองใจ,คำรณ สัมปุณณานนท์,ผ่องศรี วรนุช,
ด้วยความมุมานะที่จะเป็นนักร้องให้ได้ มงคล เข้าไปคลุกคลีที่บ้าน ครู ป.ทำงานบ้านสารพัดอย่าง จนกระทั่ง ครู ป.รับเอา มงคล มาไว้ ในฐานะบุตรบุญธรรม แต่งเพลง”คนชาวนา”บันทึกเสียงเพื่อจะได้เป็นผลงาน มาร้องเพลงหน้าเวทีได้เหมือนเพื่อน ๆ ที่ดังอยู่ก่อนแล้ว
แต่เพลง”คนชาวนา”ก็ยังดังไม่เต็มที่ ครู ป.จึงนำเอาเพลง “หลงกรุง”ที่แต่งโดย “ต่อชัย ภู่ชมพู”มาขัดเกลาใหม่ให้เกิดความไพเราะมากขึ้นแล้วนำมาให้มงคลมาขับร้อง พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ว่า “ก้าน แก้วสุพรรณ” เพลงหลงกรุง เมื่อนำมาเปิดทางสถานีวิทยุในสมัยก่อน กลับสร้างชื่อเสียงให้กับมงคล ในนาม ก้าน แก้วสุพรรณ โด่งดังเป็นพลุแตก
จนกระทั่ง ครู ป.บ่นว่าเหนื่อยกับการเดินสายไปทั่ว จึงขอหยุดการทำวงดนตรี และมอบหมายให้บุตรบุญธรรมดำเนินการต่อ เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ประกายดาว ต่อมา ก้าน โด่ง ดังมากจากเพลงชื่อ แก่งคอย เพิ่มขึ้นมาอีกเพลงกลายเป็นหัวขบวนนำเพื่อน ๆ สร้างวงดนตรีนี้จนมีงานเยอะ
ไม่นาน นักร้องดังๆแต่ละคนก็แยกตัวออกไปสร้างวงดนตรีของตนเอง เป็นผลกระทบถึงวงประกายดาว ยุบวงมาเป็นวงดนตรี ก้าน แก้วสุพรรณ เต็มตัว โดยตัวของมงคล กลายมาเป็นเจ้าของวงดนตรีโดดเด่นขึ้นมาแทน ช่วงนั้น สุรพล สมบัติเจริญ ก็โด่ง ดังจากเพลงที่ตัวเองแต่ง จึงแยกตัวออกมาสร้างวงดนตรี “สุรพล สมบัติเจริญ”ในยุคใหม่
ยุคเพลงลูกทุ่งเฟื่องฟู ศิลปินในยุคนั้นเริ่มเกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นิยม มายาม,เทียนชัย สมยาประเสริฐ,พร ภิรมย์,ทูล ทองใจ ก้าน แก้วสุพรรณ ก็ยังดำเนินชีวิตกับการเป็นหัวหน้าวง
“มงคล หอมระรื่น”จึงกลายมาเป็นเพื่อนซี้อีกคนหนึ่งของ “สุรพล สมบัติเจริญ” ที่ใครก็รู้จักในนาม ก้าน แก้วสุพรรณ เพราะศิลปินทั้งสองคนนี้ มาจากจังหวัดสุพรรณบุรีเช่นกัน มงคล อยู่สามชุก แต่ สุรพล เป็นคนในเมือง ทั้งสองจึง สนิทสนมกันมาก หากวงดนตรีใครมีงาน ก็มักจะดึงกันไปร้องอยู่เสมอด้วยการพูดภาษาเดียวกัน คนสุพรรณจึงรักกันมาก
ศิลปินนักร้องลุกทุ่งในยุคต่อมา จึงมีแต่คนสุพรรณบุรีพาเหรดกันเข้ามาสู่วงการนี้อย่างมากมาย จนใคร ๆ ก็มักจะพูดว่าคน เสียงเหน่อแบบสุพรรณบุรี เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม ดูจะได้เปรียบนักร้องจากภาคอื่น ๆ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพ เดินทางไป มาสะดวก ใครก็สามารถมาเป็นนักร้องลูกวง ของวงดนตรีที่หลากหลายในวงการเพลง ประตูสู่ความดัง มักเปิดรับกับนำร้องเสียงเหน่อ ที่สามารถสะกดคนฟังได้อย่างมั่นคงตรงมนต์เสน่ห์ของเพลงลูกทุ่งที่กินใจแฟนเพลงได้อย่างน่าฟังจับใจ
บทเพลงของ ก้าน แก้วสุพรรณ โด่งดังมาตามลำดับ จากเพลง “หลงกรุง-แก่งคอย-น้ำตาลก้นแก้ว-เพราะขอบรั้วกั้น-รอยไถแปร-โสนน้อยเรือนงาม-แม่ชบาไพร-ลาแล้วแก้วตา-สวรรค์บ้านนา-สาส์นรักสีโศก-กระท่อมดวงใจ-แก้มแหม่ม” เป้าหมายงานจึงวนเวียนอยู่แถวๆ นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทน์ เท่านั้น
“ตื่นเถิดทรามวัย ดวงใจของพี่ รุ่งสางสว่างแล้วนี่ ตื่นเถิดคนดีอย่ามัวนิทรา พี่แบกคันไถ ไล่ควายไปสู่ท้องนา น้องจงหุงข้าวคอยท่า กลับมาแล้วจะได้กิน” บทเพลง”สวรรค์บ้านนา”มองเห็นภาพความเป็นลุกทุ่งได้อย่างชัดเจน ทำให้บทเพลงของ ก้าน แก้วสุพรรณ มักจะหวานได้ความเป็นลุกทุ่ง อย่างเพลง “กุหลาบต้นนี้ ชื่อเพราะดี สดสวยแฉล่ม เขาเรียกกันว่าแก้มแหม่ม ปลูกเอาไว้หลังบ้าน อุตส่าห์ถนอม ไม่อยากดมดอมปล่อยให้อยู่นาน ตั้งแต่ดอกตูมแล้วบาน สวยสราญชื่นใจ” ก็จะเห็นภาพดอก แก้มแหม่ม ใส่ความหวานที่ ก้าน แก้วสุพรรณ ถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจน ภาพต่าง ๆ เหล่านี้สร้างชื่อเสียง อย่างมั่นคงให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่ว่า ก้าน แก้วสุพรรณ
เป็นสัจธรรมที่การเปลี่ยนแปลงมาสู่ยุคใหม่ของวงการเพลง ศิลปินนักร้องในวง สุรพล สมบัติเจริญ หลังจากที่สุรพล ถูกลอบยิงตาย ต่างก็แยกออกมาตั้งวงใหม่ชื่อว่า”ศิษย์สุรพล” มี”กังวานไพร ลูกเพชร”นำทีม ส่วนวงของสุรพล ก็มี”ศรีนวล สมบัติเจริญ”ดำเนินการต่อ ก้านตั้งวงดนตรีของตนเอง แต่ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก้าน แก้วสุพรรณ ก็ไม่อาจทนกระแสความแรงของศิลปินรุ่นน้องได้ วงดนตรีของเขาจึงอยู่อย่างกระท่อนกระแท่น ก้าน ได้รับเชิญให้ไปร้องเพลง กับวงดนตรีวงอื่นบ้าง
ทำร้านอาหารก็ไปไม่รอด กระโดดเข้าสู่อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ไปไม่รอด ด้วยความรู้เพียงน้อยนิด ประสบการณ์ไม่มากพอ ทำให้ก้าน ถูกโกงจนแทบจะหมดตัว เหลือเพียงการรับจ้างร้องเพลงเท่าที่วงดนตรีรุ่นน้องจะจ้างไปร้องเป็นครั้งคราว และร้องเพลงให้กับงานการกุศล ก้าน
ชั่วชีวิตการเป็นศิลปินเพลงลูกทุ่ง ก้าน แก้วสุพรรณ คือขุนพลเพลงลุกทุ่งที่แท้จริง ในยุคบุกเบิกมา จนกระทั่งชีวิตถึงทางตัน ก้าน แก้วสุพรรณ เจอโรคมะเร็งลำไส้ ซึ่งโรคนี้มาเร็วไปเร็ว เขาเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลวัดไร่ขิง อำเภอสามพรานได้ไม่นาน ตอนเช้าเวลา 06.50 น. ก้าน แก้วสุพรรณ ได้จากโลก นี้ไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 74 ปี ทิ้งตำนานนักร้องเสียงหวานคนแรกของเมืองไทย ศพของ ก้าน แก้วสุพรรณ ตั้งบำเพ็ญกุศลในศาลาเดียวกันกับสายัณห์ สัญญา
ตำนานความเกรียงไกรของ ก้าน แก้วสุพรรณ ได้ปิดฉากลงอย่างน่าเศร้าเช่นที่มนุษย์ทุกคนต้องพานพบ