ประเพณีทอดกฐินวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม
อาตมภาพ พระครูธรรมคุต (หรือพระอธิการสรยุทธ ชยปญฺโญ) ขอส่งภาพงานกฐินสามัคคี เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีประธานคือ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำความตั้งใจของทุกคน สะสมจตุปัจจัย เพื่อนำไปบูรณะพระธาตุม่อนเป๊ยะ (ร้าง) ได้ยอดเงินรวม ณ วันนี้ ได้ ๒,๘๙๗,๔๙๕.๙๒ บาท (ตามไฟล์แนบ) ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ กับทุกๆท่านที่ได้ร่วมบุญกับวัดพระบรมธาตุดอยผาส้มในงานบุญครั้งนี้
อาจมีบางท่านสงสัยว่า วัดนี้ตอนนี้ก็เป็นวัดร้าง แล้วพวกเรามาพากันบูรณะซ่อมแซมเพื่อประโยชน์อันใดหนอ บางท่านก็ว่า เราเชื่อคนเป็นผู้นำ เขาพาทำเราก็จะทำ บางท่านว่า เรามาทำถวายเป็นพุทธบูชา ก็ได้บุญแล้ว บางท่านก็ว่า แม้วันนี้เป็นวัดร้าง แต่เราก็ทำไปต่อไปภายหน้า ที่แห่งนี้อาจเป็นวัดที่มีพระภิกษุมาพำนัก และจะได้เกื้อกูลก่อประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนในอนาคต
แต่หากถามตัวอาตมาเอง ที่สมมติตนมาเป็นผู้นำในครั้งนี้ ถามว่า พระอาจารย์โต้งคิดอย่างไร จึงมาชักชวนคนตั้งมากมาย เพื่อมาทำภารกิจ ณ พระธาตุม่อนเปี๊ยะแห่งนี้ จะขอตอบดังนี้
จริงอยู่ แม้เราศรัทธาผู้นำ แต่หากเราทำตามท่านไป เพราะเราศรัทธาในองค์ท่าน ใจเราก็คงจะสบาย เพราะเชื่อว่า ท่านจะนำพาเราไปในทางที่ดี
จริงอยู่ เราคิดว่าทำเป็นพุทธบูชา ถวายพระพุทธเจ้า ผู้มีคุณกับพวกเราอย่างหาประมาณมิได้ ท่านทำเพื่อพวกเรามามากแล้ว แค่นี้จะเป็นไรไป
จริงอยู่ เราคิดถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากเราได้มาบูรณะสถานที่แห่งนี้ อาจมีประโยชน์มากมายตามมา ก็ถือว่าได้ทำนุบำรุงพระศาสนาไว้อีกแห่งหนึ่ง ก็น่าจะดี
แต่สำหรับอาตมาเองนั้น เหตุผลทั้งหมดที่ว่ามานี้ มันยังไม่อาจทำให้ใจอาตมาเต็มได้
หากถามใจเต็มคืออะไร จะตอบว่ามันคือการที่ใจเรามีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะทำงานบางอย่างให้ลุล่วงให้จงได้ ไม่ว่าจะนานเพียงใด ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหนักหนาเพียงใด ก็จะไม่คลายปณิธานใจตรงนั้น แล้วสิ่งใดเล่า เป็นเหตุผลให้อาตมาใจเต็มได้ขนาดนั้น
................. (นั่งหลับตา ยิ้ม) ..............
ตอบว่า เรามาทำโครงการนี้ ไม่ได้ทำเพื่อเราเลย วัดก็ไม่ใช่ของเรา ทำให้ส่วนรวม คณะสงฆ์ของเขาที่เคารพนับถือของเขา แต่เขาทำเองไม่ได้ เราก็ยื่นมือมาช่วย มาทำก็จริง แต่ทำเพื่อออก ไม่ใช่ทำเพื่อเอา มันสบายใจจริงๆ
นั่นยังไม่พอ เรามาเริ่มต้นตั้งแต่ต้น เหมือนมาปั้นกับมือตั้งแต่แรก และตั้งใจจะลากจนจบ มันอาศัยความตั้งใจและความเพียรต่อเนื่อง ต้องมุมานะอย่างต่อเนื่อง ไม่เหมือนเรามาทำบุญใส่ซองเสร็จก็จบๆกันคราวหน้าว่ากันใหม่ แต่นี่ไม่ใช่ เพราะเราจะเอาจนเสร็จงานด้วยมือเราเอง มันเหมือนได้ฟิตซ้อมกำลังใจตัวเองอย่างต่อเนื่อง ว่าเธอจะเอาจริงไหม มันยากนะ มองไม่เห็นทางเลยนะ จะถอนความตั้งใจไหม นี้เองที่มันได้กับตัวเองตรงนี้
และสุดท้าย เราได้เปิดโอกาสให้คนอื่นที่เขาเดินทางมาพบเจอกับเรา ให้เขาได้ฝึกตัวเขาเอง ฝึกร่วมกันกับเรา คือฝึกที่จะทำเพื่อออกไม่ใช่เพื่อเอา และฝึกให้เขาฟิตซ้อมกำลังใจเขาให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเป็นพักๆ แน่นอนพองานจบ เขาต้องได้อะไรดีๆแน่ๆ
เราจะตอบแทนอะไร ที่จะมอบให้กับศรัทธาญาติโยมที่มามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา เขามาอุปัฏฐาก ช่วยเหลือ สนับสนุนอะไรต่อมิอะไรกับเรามากมาย บางคนก็มาอาสาช่วยงานถึงบนวัด บางคนอยู่ไกล ก็มาอุปถัมภ์ค้ำจุนอยู่เสมอ บางคนก็ระลึกนึกถึง ฝากโน่นนี่มาให้ตลอด พวกเขาเมตตาเอ็นดูเราถึงเพียงนี้ เราแสนจะซาบซึ้งใจ อยากให้ของดีๆกับเขาบ้าง แต่ไม่รู้จะให้อะไรจริงๆ
ก็เลยเห็นทางนี้ คือเราขอให้โอกาสเขา มาร่วมบุญกับเราแบบนี้ ณ ที่แห่งนี้ โดยเราจะลงมานำทำไปด้วยกัน เอาตั้งแต่ต้นจนจบไปด้วยกัน อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ขอให้โอกาสที่เรามอบให้นี้ เป็นทางเลือกให้เขาได้มาเสริมสร้างบารมี คือพลังของใจเขา ให้มันหนักแน่นและเข้มแข็ง เพื่อเป็นของฝากอีกสักชิ้นก่อนจะลาจากกันไปตามกาลเวลา จากคนที่เคยมีความสัมพันธ์กัน มอบของที่ดีที่สุดให้แก่กันเท่าที่คนๆนี้ ที่เคยรู้จักกับท่านจะมอบให้ได้ คือการเพิ่มพูนบารมีในใจของทุกๆท่านนั่นเอง
พอไหมให้ใจเราเต็ม ที่จะได้ทำโครงการนี้ กับทุกๆท่านให้สำเร็จ อาตมาว่า สำหรับอาตมา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ใจมันเต็มแล้ว ใจเป็นบุญที่เต็มเปี่ยม มันมีกำลังมากมายเลยทีเดียว ในพระบาลี ก็คงว่า คนที่ทำบุญทำทานด้วยใจแบบนี้ คือที่สุดของผู้ทำทานแล้ว และยิ่งสิ่งที่กำลังทำเป็นของสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานอีกด้วย และเงินทองที่หามาก็เป็นของสุจริต ไม่ใช่ของร้อน แต่มาจากเจตนาบริสุทธิ์ของทุกคนจริงๆ มันจึงครบสมบูรณ์ทั้งสามทาง เป็นยอดแห่งที่สุดแห่งบุญจริงๆ
ตอนนี้ยอดเงินทั้งหมดอยู่ในบัญชี ซึ่งอาตมภาพเป็นคนดูแล ทางคณะสงฆ์อำเภอสะเมิงฝ่ายมหานิกาย มอบสิทธิ์ขาดให้วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม ในการบูรณะได้เต็มที่ ซึ่งความตั้งใจของอาตมภาพนั้น ประสงค์จะบูรณะในรายการ ดังนี้
๑. องค์พระธาตุ ที่เป็นสีทอง จะติดแผ่นจังโก และแปะทองคำเปลว เราจะทำให้องค์พระธาตุไม่ดูเศร้าหมอง จากหยาดน้ำฝน ที่ก่อตัวเป็นตะไคร่ดำๆอย่างที่เป็น
๒. ลานพระธาตุ ซึ่งตอนนี้ทรุดตัวลง เพราะการระบายน้ำไม่ดี และจะรื้อกระเบื้องพื้นเก่าที่สกปรกออก ทำใหม่
๓. บันไดนาคฝั่งผู้ชายที่เห็นเป็นตะไคร่สีเขียวๆ ทั้งขั้นบันได สิงห์ และนาคตรงบันได
๔. บันไดฝั่งผู้หญิง ที่ทรุดโทรมมีตะไคร่น้ำเช่นกัน
๕. ศาลาบำเพ็ญบุญ ที่พื้นทรุดไปแล้ว หลังคารั่ว ฝนตกก็เปียกกันหมด เราก็จะซ่อมตรงนี้
ส่วนในวันที่ ๗ พฤศจิกายนนี้ จะมีพิธีสวดถอน เวลา ๙ โมงเช้า จนถึง ประมาณเที่ยง ณ พระธาตุม่อนเปี๊ยะ
อาจมีคนสงสัยว่า สวดถอนคืออะไร
ตรงนี้เป็นความเชื่อของทางเหนือ ที่ว่า ก่อนที่เราจะทำการบูรณะซ่อมแซมของโบราณนั้น เราไม่ทราบว่า อิฐแต่ละก้อน ทรายแต่ละกำมือ ไม้แต่ละเล่ม คนสมัยก่อนเขาเอาแรงกายแรงใจมาลงไว้ที่นี้ แล้วเราจะมาทุบของเขาออก แม้ว่าจะมาสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิมก็จริง แต่ทางเหนือล้านนา เขาจะให้เกียรติคนสร้างรุ่นก่อน คือการสวดบอกเขา คนที่มาร่วมสร้างสมัยก่อนทุกๆคน ให้เขารับทราบเจตนาของเรา และแผ่ส่วนบุญให้เขา ให้เขามาร่วมช่วยเราสร้างในสมัยนี้ด้วย จะมีพิธีที่ต้องใช้พระสงฆ์ ๕ รูป ท่านก็จะมาดำเนินการ ตามประเพณีล้านนา พอสวดเสร็จทั้งหมด เราก็จะสามารถทำการรื้อถอน หรือทุบอะไรออกได้แล้ว ไม่เป็นโทษเป็นภัยแล้ว
และจากนั้น อาตมภาพ ก็จะนัดพบกับคนที่จะมาเป็นที่ปรึกษา ในการบูรณะซ่อมแซม ว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างไร งบประมาณเท่าใด เป็นต้น แลวจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้ง
สุดท้ายนี้ ขอท่านทั้งหลาย จงสงบใจสักครู่ ระลึกถึงพระบรมศาสดา ระลึกถึงพระคุณของพระองค์ที่อุตส่าห์ตรากตรำทนระกำลำบาก สร้างบารมีอันแสนเจ็บปวด แลกด้วยชีวิตของพระองค์เอง มายาวนานเพื่อมาเป็นพระพุทธเจ้าของพวกเราวันนี้ ขอบุญที่เราระลึกถึงพระคุณของพระองค์นี้ จงเป็นหลักแห่งกำลังใจให้พวกเราทุกคนตลอดไปเทอญ