เฮือนห้วยแก้ว เชียงใหม่
ลุงดำ คำโต
ปลายเดือนมีนาคมปีนี้ ลุงดำได้ไปพักแรมที่บ้านแม่กลางหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านปะกาเกอญอ นอน 1 คืน อากาศเย็นสบาย (16-18.2 องศาเซลเซียส) รุ่งเช้าไปเที่ยวบนดอยอินทนนท์) กม.33-47 ค่ำลงไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคาร "เฮือนห้วยแก้ว" ริมน้ำตกห้วยแก้วที่เคยโด่งดังมากในอดีตของจังหวัดเชียงใหม่ สายลมพัดตึง เย็นระรื่นชื่นใจหายเหนื่อยเลยครับ
และอิ่มเอมกับอาหารไทยๆรสชาติเตะลิ้นตรงใจ
รถตู้นำเที่ยวของเราวิ่งไปตามถนนสายห้วยแก้ว ก่อนถึงอนุสรณ์สถานของครูบาศรีวิชัย ป้ายเฮือนห้วยแก้วอยู่ซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปจอดได้เลย ประตูทางเข้ารูปแบบกึ่งไทยประยุกต์ ลวดลายปูนปั้นอ่อนช้อย สวยงามมาก ทางเข้าเหมือนเดินผ่านปราสาทราชวัง อลังการงานสร้างที่ลงตัว ระเบียงของร้านลดหลั่นหลายเชิงชั้น รับลมเย็นๆที่พัดผ่านอย่างน่าพิศวงค์ ไม่ต้องใช้พัดลม ไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศเลย
คุณชัยวัฒน์ อินทรชำนาญ หนุ่มใหญ่วัย 55 ปี เมียหนึ่งลูกสาวสองคน ต้อนรับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ชวนให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเอง สบายๆ และคุณขวัญชนก พะแป่ ผู้จัดการทั่วไป วัยเนี๊ยบ เชิญชวนเข้าไปนั่งริมระเบียงชั้นหนึ่ง บริกรเริ่มต้นเรียงอาหารมาไว้ตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียง คุณชัยวัฒน์เล่าว่า "พ่อครัวและแม่ครัวมี 8 คน พนักงานต้อนรับและเสิร์ฟ 20 ชีวิต ผลัดเปลี่ยนกันทำงานทุกวัน"
จานแรกที่เห็นเป็นอาหารพื้นเมือง "ใส้อั่ว" หั่นเฉียงเรียงมาเป็นแผงในจานที่จัดสวย น่ากิน รสชาติตรงตามรสชาติใส้อั่วเมืองเชียงใหม่ แห้ง ไม่เยิ้มด้วยน้ำมันนั่นแสดงว่าใส้อั่วมีเนื้อมากกว่ามัน เคี้ยวแล้วหอมกลิ่นเครื่องเทศติดลิ้น ผักเคียงสะอาดชวนกิน
จานที่สองเป็นห่อหมกไข่เค็ม หั่นสี่ชิ้นขนาดชิ้นละ 2 คำกำลังดี รูปลักษณ์เก๋เหมือนไข่เป็ด จัดจานมาอย่างภัตตาคาร หรู และรสชาติหอมเครื่องแกงห่อหมกแบบไทยๆ
จานที่สามเป็นน้ำพริกกะปิปลาทูผักลวก ดูเหมือนธรรมดาทั่วๆไป แต่เมื่อลองชิมจึงรู้ว่า น้ำพริกเผ็ดน้อยแต่มันมาก แปลกดี เจริญอาหารด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
หม้อที่สี่ เป็นหม้อไฟแกงส้มกุ้งสดผักรวม เน้นผักกะเฉดมากกว่าผักชนิดอื่นๆ รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวนำเค็มตาม ปนหวานปะแล่มๆ ผักสดๆ สะอาด และมีผักผสมอีกหลายชนิดชวนกิน ซดแล้วช่วยให้อาหารวันนั้นคล่องคออีกพะเรอ
จานที่ห้าเป็นสาหร่ายทะเลห่อกุ้ง แต่พรมด้วยผักสดหั่นเป็นชิ้นๆแบบลูกเต๋า สีสันหลากหลายดูชวนกิน รสชาตินิ่มๆ ไม่เค็ม ไม่หวาน แต่กินแล้วไม่เลี่ยนลิ้น จานนี้หมดเร็วเชียว
จานที่หกเป็นอั่วปลาช่อน แปลก แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ด้วยว่าใส้อั่วมักใส่แต่เนื้อหมูเป็นหลัก แต่ที่นี่ใช้เนื้อปลาช่อนขูดไร้ก้าง เข้าเครื่องใส้อั่วทุกอย่าง ครบเครื่อง มีหัวปลาช่อนโชว์มาด้วย จัดจานได้สวยอีกเหมือนกัน จานนี้ก็หมดไวเพราะว่าแย่งกันกิน
จานที่เจ็ดเป็นผัดฉ่าเนื้อปลาฝานเป็นชิ้นๆ เครื่องผัดฉ่าเพียบ ไม่หวงของเครื่องเครากับเขาเลย กลิ่นหอมของกระชายหั่นฝอยชวนกิน ใบมะกรูดและกระเพราแจมด้วยความเผ็ดนิดๆของพริกสดสีแดงสดใส และถ้าชอบแรงๆก็เคี้ยวพริกไทยอ่อนควบไปด้วย ไล่ลมในท้องดีนักแล
เสียงเพลงคันทรีดังมาจากระเบียงชั้นถัดลงไป ผมอดไปชะโงกดูไม่ได้ หนุ่มใหญ่สี่คนกำลังบรรเลงกันด้วยท่าทีสนุกและครึกครื้น แขกนั่งกินอาหารกันด้วยความสุขกับเสียงเพลงที่ขับกล่อม คลาสสิกๆ
เรื่องที่คุณชัยวัฒน์เล่าให้ฟังนั้นเพลินใจและเพลินหู ได้ข้อคิดจากเรื่องราวและเป็นคติที่สอนใจให้กับผู้ที่ได้ยินอย่างดีเยี่ยม มันคือตำราชีวิตนักสู้จากแดนที่ราบสูงโดยแท้ คุณชัยวัฒน์เล่าว่า
"ชีวิตครอบครัวนั้นอยู่ที่ขอนแก่น อายุ 9 ขวบก็ออกหางานทำรับจ้างไปกับพ่อแม่และพี่ๆน้องๆ จนถึงช่วงหนึ่งอยากเรียนหนังสือ หนทางเดียวที่พ่อแม่จะให้ได้คือ ให้บวชเณรอยู่กับวัด ผมเรียนทั้งทางธรรมจนเป็นนักธรรมเอกและเรียนจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วผมก็สึก"
"ผมอยู่วัดจนเกือบจะมีเมียคาวัด ดีว่าสึกเสียก่อนแล้วก็ไปเรียนรามคำแหง ได้ปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ทำงานระเหระหนไปเรื่อยมากมายหลายอย่าง จนถึงวันหนึ่งผมหันมาทำปางช้างที่ ชื่อ Jungle Raft Elaphant Camp จังหวัดเชียงใหม่ แล้วธุรกิจก็เติบโตมากขึ้นๆ จนในที่สุดผมได้กลายเป็นนายหน้าขายที่ดิน 1 ไร่ อดีตโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ริมน้ำตกห้วยแก้ว คือที่นี่ครับ ผมพยายามเดินขายแต่ก็ขายไม่ได้สักที ในที่สุดผมก็เลยขอเช่าทำร้านอาหาร และซื้อต่อมาในภายหลัง ที่ดินตรงไหนก็ตาม ถ้ามันจะเป็นของเราแล้ว มันก็จะเป็น"
"ปางช้างก็ยังทำอยู่ครับ ต่อมาก็มีล้านนาบุรี รีสอร์ท และกาแฟห้วยแก้ว แต่กิจการร้านอาหารนี่ทิ้งไม่ได้เลย พื้นที่ทั้งหมดนี้เคยรองรับลูกค้าได้ถึง 400 กว่าคน ทุกวันนี้ตั้งแต่การเมืองไม่นิ่ง กำไรหายไปเดือนละกว่า 3 แสนบาท บ้านเมืองที่มีการเมืองนิ่งก็จะมีเศรษฐกิจดี การท่องเที่ยวดี กระแสการหมุนเวียนของเงินก็ดีตามไปด้วย"
"อนาคตเอือนห้วยแก้ว จะเป็นทั้งที่พักและอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่นอาหารไทย อาหารยุโรป อาหารฮาลาล (ซึ่งจะมีที่ละมาดด้วย) รูปแบบสถาปัตยกรรมภัตตาคารเฮือนห้วยแก้วนี่ ผมเป็นคนออกแบบเอง วาดลงในกระดาษให้กับช่างทำเกือบทุกชิ้นงาน แม้แต่ปูนปั้นบันไดทางเข้าครับ"
"ทุกวันอาทิตย์ ผมจะนิมนต์พระเณร 9 รูป ทำบุญเลี้ยงเพล เพื่อตอบแทนบุญข้าวแดงแกงร้อนที่เคยเลี้ยงชีวิตผมมาจนเติบใหญ่ถึงวันนี้ได้ ก็เพราะข้าวก้นบาตร ซึ่งผมไม่เคยลืมพระคุณของพระสงฆ์และวัดเลย วันอาทิตย์นี้(วันรุ่งขึ้น) เชิญร่วมทำบูยด้วยกันนะครับ" คุณชัยวัฒน์เชิญชวน
ลุงดำกลับมานอนที่โรงแรมในเมืองเชียงใหม่ สอบถามพนักงานต้อนรับว่า อาคารของโรงแรมสองหลังแฝดนี้ วันนี้มีลูกค้ากี่เปอร์เซ็นต์ ได้คำตอบมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ว่า มีเพียง 10 กว่าเปอเซ็นต์เท่านั้น
เป็นคำตอบที่สอดคล้องกันอย่างลงตัวเชียว
สายวันรุ่งขึ้น ไปร่วมทำบูยกับคุณชัยวัฒน์ที่เฮือนห้วยแก้ว ได้บุญกลับมาอีก ได้เวลาจึงลาจากกลับสู่กรุงเทพมหานคร นครแห่งระบอบประชาธิปไตยพิกลพิการสิ้นดี
ไปเชียงใหม่ครั้งไหน อย่าลืมแวะไประลึกความหลังที่ริมน้ำตกห้วยแก้ว แม้นว่าวันนี้จะไม่มีสายน้ำให้เห็นเสียแล้ว แต่บรรยากาศอาคารภัตตาคารเฮือนห้วยแก้ว ริมผาเชิงเขา เยี่ยมครับ
ติดต่อจองอาหารได้ที่คุณขวัญชนก พะแป่ โทร.086-1879612 084-3655956 จะได้รับคำตอบรับ หวานๆ นะเจ้า