กิ่งคำปายกับยายทวด
โดยเอื้อยนาง
ตอน๑๒.ฟ้าบันดาล
กระโจมที่พัก สร้างแบบง่ายๆ จากเปลือกต้นของต้นยูคาลิปตัส ที่ลอกออกมาเป็นแผ่น ยาว ๆ นำมาผูกมัดรวบไว้ข้างบนอันเป็นเสมือนหลังคารูปโดมเหล่านั้น ตั้งเรียงรายอยู่บนที่ราบลุ่มชายป่าโปร่ง ที่ถูกทำให้โปร่งโล่งด้วยร่องรอยของการถูกไฟเผาไปเมื่อไม่นานมานี้ เป็นการจัดการเคลียร์พื้นที่ให้เปิดโล่ง ก่อนที่ชาวเผ่าจะเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งค่ายสร้างกระโจนพักอาศัย
หญ้าอ่อน ๆ สีเขียวระบัดใบใต้แมกไม้ยูคาลิป หรือต้นกัมนั้น เป็นแหล่งอาหารอันอุดม ให้สัตว์ป่าออกมาเริงร่า หากินมากมาย ง่ายแก่ผู้คนจับล่ามาเป็นอาหารอีกต่อหนึ่งตามวัฏจักรแห่งสรรพชีวิตในโลก เผาป่าให้หญ้าเกิดใหม่ ให้สัตว์ประเภทกินหญ้าเข้ามาหากิน ก็จะมีสัตว์กินเนื้อมาคอยดักสัตว์กินหญ้าอยู่แล้ว เผาป่าให้หญ้าเกิดใหม่จึงเป็นการเปิดพื้นที่เรียกสัตว์มาชุมนุม เป็นการทำฟาร์มแบบธรรมชาติของชาวเผ่ามาหลายชั่วอายุคน เมื่อหญ้าแก่หมดฤดูแล้วนั่นแหละจึงจะเคลื่อนย้ายไปตั้งค่ายในที่อื่น ๆ ที่หากินสะดวกเหมาะกับฤดูกาลต่อไป
โชคดีที่มาเคอจูลามีปู่ฟ้าประทานผืนแผ่นดิน ภูผา ป่าไม้ ทะเลสาบ หล่มหนอง แม่น้ำและเถื่อนถ้ำมากมายอุดมสมบูรณ์ ไว้ให้ลูกหลานได้เคลื่อนย้าย วนเวียนตลอดปี อาศัยสืบเหล่าเผ่าพงศ์พันธุ์ตลอดมายาวนานหลายพันชั่วคน มาเคอจูลาจึงรอนแรมหลบรอดการสัมผัสจากโลกภายนอกอยู่ได้ตลอดมา
โลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ผู้คนหลายเชื้อชาติ หลากเผ่าพันธุ์จู่โจมเข้ามาบุกรุก สร้างหลักปักฐานและเปลี่ยนผืนดินอันเก่าแก่แห่งเกาะใหญ่แห่งนี้ให้เป็นพื้นแผ่นดินใหม่ และให้ชื่อว่าประเทศออสเตรเลียมากว่าสองร้อยปีแล้ว กลายเป็นคนในวัฒนธรรมใหม่กันหมดแล้ว
ยังเหลือแต่มาเคอจูลาที่ยังอยู่ในความคุ้มครองของดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ตกทอดมาจากปู่ฟ้า
ฝนพร่ำเมื่อบ่ายขาดเม็ดไปแล้ว ทิ้งความสดชื่นและกรุ่นกลิ่นไอดินที่ถูกไฟเผา หอมเคล้ากลิ่นเนื้อจระเข้วางบนไฟร้อนๆ ซึ่งตัมบูกับพวกผู้ชายอีกสองสามคนช่วยกันชำแหละ
วันนี้ทุกคนในค่ายพักจะมีอาหารกินกันอย่างอิ่มหมีพีมัน นอกจากจระเข้ที่พวกเขาผู้ชายล่ามาได้แล้วยังมีผลไม้และไข่นก ตัวด้วงอ้วน ๆ และกุ้งตัวโต ๆ ที่พวกผู้หญิงจับมาได้อีกมากมาย
ตัมบูจึงเก็บอีมูไว้ในเตาอบ เป็นเตาพิเศษที่พ่อของเขาช่วยทำขึ้น โดยขุดดินให้เป็นหลุมใหญ่ เผาไฟร้อนชั้นบนปากหลุมให้เนื้อดินแห้งแข็ง แล้วใช้ใบไม้ปูรองก้นหลุมก่อนวางอีมูที่ถอนขน ควักเครื่องในออก และลนไฟจนเกลี้ยงเกลาแล้วลงไป ใช้ใบไม้ปิดคลุมข้างบนจนเต็มหลุมอีกที แล้วปิดด้วยดินอีกชั้นหนึ่งก่อนจุดไฟกองเล็กเหนือปากหลุม อบให้อีมูสุกอยู่ภายใต้ แม่ของตัมบูจะช่วยเฝ้าดูไฟให้ร้อนกรุ่นอยู่เสมอจนกว่าอีมูจะสุกได้ที่วิธีการแบบนี้นอกจากจะได้กินเนื้อนุ่มอร่อยของอีมูแล้ว ยังได้น้ำมันอีมูไว้ใช้ประโยชน์ได้ มากมายอีกด้วย
ตัมบูมีแววว่าจะเป็นพ่อครัวที่มีฝีมือของตระกูลได้ดีทีเดียว นอกจากทำอีมูอบ ทำย่างเนื้อจระเข้ได้เยี่ยมแล้ว เขายังทำหมกห่านป่าให้ทุกคนได้ลิ้มลองอีกด้วย โดยถลกขนของห่านออกแล้วลนด้วยไฟ ควักเครื่องในที่ไม่ต้องการออกทิ้งแล้วเขาก็ใช้เปลือกต้นยูคาลิปตัสแผ่นใหญ่ห่อห่านทั้งตัว นำไปย่างไฟรุมๆ จนสุกได้ที่ ก่อนนำมาแบ่งปันให้ทุกคนตามสิทธิ์
เป็นธรรมเนียมของชาวเผ่าทุกเผ่าในแผ่นดินนี้ที่ต้องนำอาหารที่หาได้ทั้งหมดมารวมกัน แล้วแบ่งสันปันส่วนให้ได้กินกันทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มียกเว้นแม้แต่คนชรา เด็ก หรือคนพิการที่หาอาหารด้วยตัวเองไม่ได้
โรบินสัน และ กิ่งคำปาย ได้รับการยอมรับเสมือนสมาชิกคนหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของชาวค่ายที่มีสิทธิ์ได้อาหารเหมือนคนอื่น ๆ เพราะความดีที่ได้ช่วยชีวิตของคนในเผ่า แถมทำร้ายจระเข้จนพวกเขาจับมันได้ง่าย ๆ ด้วยเนื้อจระเข้ ถือเป็นอาหารชั้นหนึ่ง การจับจระเข้มาถลกหนังทำอาหารได้ถือเป็นโชคลาภใหญ่หลวงสมควรมีการเฉลิมฉลองกันเลยทีเดียว
เฒ่านาไบเองที่ถูกเนรเทศเพราะทำไฟดับเมื่อคืนก่อนก็ได้รับการให้อภัยกลับเข้าอยู่ร่วมค่ายกับคนอื่น ๆได้เหมือนเดิม เพราะไฟเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตชาวเผ่า นอกจากมันจะให้ความอบอุ่น ไล่แมลงในยามค่ำคืนและใช้ปิ้งย่างอาหารแล้ว พวกเขายังใช้ไฟเพื่อประโยชน์มากมายในนชีวิตประจำวัน การทำอาวุธให้แหลมคม การทำฟาร์มโดยเผาป่าให้หญ้าเกิดใหม่ เรียกสัตว์ทั้งหลายมาใกล้ ๆ หรือเปิดพื้นที่ให้โล่งโปร่ง เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ล้วนต้องอาศัยไฟ หรือแม้แต่ใช้ไฟเผาพื้นที่รอบ ๆ ค่ายพักเพื่อเป็นแนวป้องกันไฟป่าไม่ให้ลามเลียเข้ามาใกล้ได้ เป็นการใช้ไฟป้องกันไฟนั่นแหละ
แต่หากไฟดับไปหมด การจะก่อไฟใหม่แต่ละครั้งช่างเป็นปัญหาใหญ่โตโดยเฉพาะในฤดูที่เปียกชื้น ผู้มีความอดทนและชำนาญเท่านั้นจึงจะใช้ท่อนไม้ถูกันจนเกิดความร้อนลุกเป็นไฟได้ หากไม่มีเผ่าเพื่อนบ้านสัญจรอยู่ใกล้ ๆ การจะได้ไฟมาอาจต้องใช้เวลาหลายวัน หลายคืน คนในเผ่าคงต้องทนหนาว และกินอาหารดิบหลายเพลา
จึงต้องมีการมอบหน้าที่ให้หญิงผู้อาวุโสบางคนเป็นผู้รักษาไฟไว้ ไม่ให้ดับตลอดคืน และตลอดเวลา หากว่ามีการอพยพเคลื่อนย้ายไปตั้งค่ายพักยังที่อื่น ๆ ซึ่งต้องทำกันเป็นประจำ ปีละหลาย ๆ ครั้งตามความจำเป็นแห่งการเสาะหาอาหาร ผู้รักษาไฟต้องถือท่อนฟืนที่ติดไฟแล้ว หรือคบไฟที่มีไฟติดอยู่ไปด้วยตลอดทางอันยาวไกล ส่วนมากมักมอบให้เป็นหน้าที่ของหญิงชราผู้ทำงานหนักอื่น ๆ ไม่ได้แล้ว เธอจะต้องรักษาไว้ให้มีไฟพร้อมจะก่อกองใหม่ได้ตลอดเวลา หากเผลอไผลทำไฟดับ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง อาจถูกเนรเทศออกจากค่าย ปล่อยให้ตายอยู่เพียงคนเดียวเลยก็มี
เหมือนแม่เฒ่านาไบที่เผลอไผลหลับใหลไปนานจนไฟดับสนิทเมื่อรุ่งสางของเมื่อวานที่ผ่านมา ความจริงก็คือว่า มีเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งตื่นขึ้นมาร้องไห้เสียงลั่นเมื่อกลางดึก เพราะความหนาวเย็น และสั่นสะท้าน ทำให้เด็กน้อยต้องกลิ้งตัวมานอนชิดกองไฟเกินไป จึงเผลอกลิ้งถูกถ่านไฟร้อน ๆ ลวกเอา
เสียงเด็กร้องจ้าเรียกชาวค่ายทุกคนตื่นมากลางดึกก็จริง แต่เมื่อช่วยกันดูแลใช้ผงดินochre ผสมไขมันพอกผิวให้แล้วต่างกลับไปนอนตามเคย มีแต่แม่เฒ่านาไบเท่านั้นที่ห่วงใยเด็กผู้บาดเจ็บ และปวดร้อนด้วยพิษไฟ แม่เฒ่าจึงเฝ้าคอยดูแลตลอดคืน แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทำให้เผลอหลับไปตอนค่อนรุ่งด้วยความอ่อนเพลีย ลืมหน้าที่ดูแลไฟของตนไปถนัด ทำให้ไฟดับซึ่งเป็นปัญหาใหญ่โตของชาวค่ายทีเดียว
“ผู้มีหน้าที่ดูแลไฟ แต่เผลอปล่อยให้ไฟดับมอด ถือว่าทำความผิดมหันต์แห่งเผ่าพันธุ์ทีเดียว”
พ่อเฒ่าบันดิ ชายผู้อาวุโสของเผ่าประกาศก้อง ในเช้าวันต่อมา
“โทษที่จะต้องรับคือต้องเนรเทศออกไปจากค่าย ปล่อยให้ตายอยู่คนเดียวนั่นแหละจึงจะสาสม”
มีหลายคนพยายามอธิบาย ชี้แจงเหตุความอ่อนเพลียทำให้แม่เฒ่าเผลอหลับไป
แต่กฎก็คือกฎ หน้าที่คือหน้าที่ เผ่าชนผู้มีอารยะต้องตรากฎเกณฑ์ขึ้นไว้ให้ทุกคนปฏิบัติตาม
เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย และความสงบสุขภายในสังคม เฒ่านาไบจึงถูกเนรเทศออกไป
โพรงไม้ใต้ต้นสนโบราณ ที่ห่างไกลจากค่ายพัก จึงกลายเป็นถิ่นพำนักของแม่เฒ่าตลอดวัน
“มันเป็นเพราะข้านั่นแหละที่กลิ้งตัวไปถูกไฟลวกเอง”
เด็กชายคนหนึ่งที่มีแผลไฟลวกตามหน้าตาเอ่ยอย่างเสียใจ แม่เฒ่ามองร่างเล็กน่าสมเพทนั้นแล้วยิ้มให้ ปลอบใจว่า
“ไม่เป็นไรหรอก จิงจิง เจ้ายังเด็กนัก ที่จริงโพรงไม้แห่งนั้นเคยเป็นที่พำนักของข้า ยามมีความลับของผู้หญิงนั่นแหละ แต่วันนั้นวอมแบตน้อยมาอยู่กับข้าด้วย มันช่วยให้ข้าอบอุ่น และไม่เหงานักหรอก มันดูคุ้นและฉลาดมากเลย”
แม่เฒ่าเล่าให้เด็ก ๆ ที่ห้อมล้อมข้างกายอยู่นั้นฟัง
“แล้วทำไมแม่เฒ่าจึงได้พบกับคนขาวสองคนนั้นแหละแม่เฒ่า”
คนแปลกสองคนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เด็กๆ สนใจใคร่รู้ แม่เฒ่าจึงได้เล่าประสบการณ์ อันแปลกประหลาดจนมีเหตุให้ได้พบกับโรบินสัน และกิ่งคำปายนั่นแล้ว
“เขาหล่นลงมาจากฟ้าหรือ โอ้โฮ้”
เด็กบางคนทำท่าสยอง
“ใช่”
แม่เฒ่าทำเสียงเย็นยืดอกเหี่ยว ๆ ขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “จะมีใครดลบันดาลให้เป็นไปได้ หากไม่ใช่ปู่ฟ้าที่เป็นบรรพบุรุษผู้สร้าง ผู้ให้กำเนิดชาวเผ่ามาเคอจูลา ของเรา”
“ข้ารับผิด รับโทษตามประเพณีอันดีงาม ปู่ฟ้าเมตตาข้า จารีตประเพณีไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้หรอก มันเป็นพันธะหน้าที่ด้วยนะ”
ฟ้าบันดาลให้สองคนนั้นหล่นลงมา
********************************************************