บทบรรณาธิการ:เดือนแห่งการท่องเที่ยวและงานบุญ
ถ้านับเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 มาจนถึงเดือนมกราคม 2554 สำหรับผมแล้วเป็นช่วงชีวิตที่มีแต่งานเกี่ยวกับงานบุญงานกุศลโดยแท้
เพราะว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ไปประชุมมูลนิธิเฮียะ เปาอินทร์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อผู้สูงอายุอันเป็นต้นแบบบำนาญประชาชนคนดอย โดยสมาชิกของมูลนิธินี้จะได้รับเงินบำนาญเช่นเดียวกับข้าราชการ จนถึงวันสิ้นลมก็จะจัดการส่งวิญญาณไปสู่คติด้วย แรกทีเดียวคิดกันแต่เพียงว่า หากชาวบ้านคนใดเจ็บป่วยออกงานไม่ได้คือไม่มีเงินรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงครอบครัว และถ้าเกิดอุบัติเหตุจนพิการใครจะดูแล พวกเขากันหรือ ในเมื่อมีสถานะเพียงลูกจ้างชั่วคราวรายวัน
คิดกันได้ก็ตั้งกองทุนสวัสดิการคนชรา เมื่อปีพ.ศ.2530 โดยการจัดงาน"วันรักคนชรา" ตรงกับวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2530 ด้วยการจัดงานลีลาศการกุศล กลางหุบเขาบ้านกิตตินันท์ ขายโต๊ะไป 120 โต๊ะ ได้เงินคงเหลือ 49,000 บาท นั่นแหละการเริ่มต้นเพื่อคนชราและทุพพลภาพแห่งหุบเขากลางป่ากลางดอย อ.นาน้อย จ.น่าน
ต่อมาได้รับอนุญาติให้ตั้งเป็นมูลนิธิเฮียะ เปาอินทร์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2541 จึงได้ร่างข้อบังคับและตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้น ปัจจุบันนายช่วงชัย เปาอินทร์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีและประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานกรรมการตราบจนทุกวันนี้ แต่ละปีที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดกันว่าเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งปีพ.ศ.2553 ได้ให้บำนาญแก่ผู้สูงอายุ 26 รายเป็นเงิน 50,700 บาท ยอดเงินมูลนิธิ 704,120.60 บาท
มีคณาญาติและเพื่อนๆไปร่วมทำบุญให้กับมูลนิธิ แค่นั้นยังไม่พอยังได้ทอดผ้าป่าให้สร้างศาลาการเปรียญวัดกิตตินันท์วนาราม อีก 84,930 บาท อุทิศส่วนกุศลแด่คุณแม่เซียมหงษ์ เปาอินทร์ ด้วย หลังจากนั้นก็พาเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน ชื่นมื่นและได้บุญกลับบ้านกันทั่วหน้า ขอบตุณๆ
แต่พอย่างเข้าเดือนมกราคม ถึงคราวที่ประธานกรรมการมูลนิธินายอุดม หิรัญพฤกษ์ มูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์(ตั้งกองทุนการศึกษากิตตินันท์ตั้งแต่ปีพ.ศ.2525 โดยนายสมเพิ่ม กิตตินันท์ และจดทะเบียนตั้งเป็นมูลนิธิเมื่อปีพ.ศ.2529) ซึ่งได้ฤกษ์ประชุมคณะกรรมการในวันที่ 22 มกราคม 2554 ณ อ.นาน้อย จ.น่าน ได้แจกทุนนักเรียนไปทั้งสิ้น 48 ทุน มูลค่าเป็นตัวเงินให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล-กำลังเรียนปริญญาตรี เป็นเงิน 225,700 บาท
โดยผลผลิตของการมุมานะส่งนักเรียนจนได้บัณฑิตแล้ว 15 คน นอกนั้นก็สำเร็จการศึกษาตามกำลังปัญญามากกว่าพันทุนยังความปราบปลื้มให้กับคณะกรรมการมูลนิธิเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ บัณฑิตหลายคนยังเดินทางมาร่วมงานการประชุมในวันนั้นด้วย เพื่อยืนยันว่า พระคุณที่ท่านและคณะได้ส่งเสริมมาตลอดหลายสิบปีนั้น(24ปี) ได้ผลสมความตั้งใจจริงๆ หลังเสร็จสิ้นการแจกทุนเพื่อการศึกษา 2554 คณะกรรมการมูลนิธิก็ได้เดินทางไปพักผ่อนและเยี่ยมเยียนหน่วยงานที่ทำงานด้วยความทุกข์ยากบนดอยสูงตามธรรมเนียม
นี่ไงครับ ช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยวและเที่ยวทำบุญของผม ในฐานะ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิ ทั้งสองแห่ง
แต่เวลาผมไปเที่ยวทำบุญและเที่ยวพักผ่อน ไม่เหงาเลยครับ ได้เพื่อนเที่ยวอุดมการณ์เดียวกันเพียบทุกปี
ขอกราบขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ และเจ้านายที่เคารพยิ่ง มา ณ ที่นี้ ด้วยความจริงใจ
ธงชัย เปาอินทร์