http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,276,455
Page Views16,603,061
« September 2024»
SMTWTFS
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930     
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน๑๖.แพรผืนพริ้ว

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน๑๖.แพรผืนพริ้ว

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวดตอน๑๖.

แพรผืนพลิ้ว 

โดยเอื้อยนาง

                 แม่คิดว่าให้กิ่งคำปายมาอยู่กับป้าเพื่อเรียนหนังสือ  ให้ได้ปริญญาสักใบหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็ประกาศนียบัตรแสดงว่าจบการศึกษา  อะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง  จากเมืองนอกเมืองนา    คงเป็นการดีกว่าจมดิ่งลงลึกกับชาวแก๊งนักซิ่งทั้งหลาย   แม่จึงวิ่งเต้นทุกวิถีทางให้รอดพ้นจากความผิดตามกฎหมาย ฐานที่ขับรถพาเพื่อนไปตาย  ซึ่งจริง ๆ แล้วหมอก็พิสูจน์แล้วว่าโมบายตายเพราะตกเลือดมากจากการแท้งลูก   แต่กว่าจะผ่านกระบวนการพิสูจน์ความจริงหลายขั้นตอน  แม่ก็เสียเงินเสียทองมากมาย ทั้ง ๆ ความจริงแล้วแม้ว่ากิ่งคำปายจะเป็นคนขับก็จริง แต่คนซิ่ง คนยุส่งให้มีอันต้องนอนลงแอ้งแม้งข้างทาง  คือโมบายผู้ตายนั้นต่างหาก  อีกอย่างโมบายกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ  เป็นสาเหตุแห่งการตายหมอก็รับรองอยู่แล้ว แต่แม่ก็ยังไม่วายต้องวิ่งเต้นเสียเงินเสียทอง เพราะเมื่อเรื่องถึงตำรวจ  ถึงโรงถึงศาลกระบวนยุติ(ทำ)ทั้งหลายก็เหมือนอ้อยเข้าปากช้างนั่นแหละ โดยเฉพาะอ้อยอย่างคุณนายกรองทองผู้หน้าใหญ่ใจโต ชื่อเสียงโด่งดัง  มีหรือจะยอมให้ด่างพร้อยเพราะการกระทำของลูกสาวนักซิ่งคนนี้

                 แม่จ๋า....

                ป่านนี้แม่คงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น  ข่าวเครื่องบินที่ลูกสาวจอมซนนั่งมาโหม่งพื้นในป่าแถบออสเตรเลียใต้คงได้รู้กันทั่วโลกแล้ว  แม่กับป้าคงก็โทรคุยกันแล้ว   แม่คงโวยวาย  กินไม่ได้นอนไม่หลับ  และโทษตัวเองที่ส่งลูกมา   แถมอาจจะโทษยายสร้อยสายคำด้วยฐานไม่คัดค้านห้ามปราม

               “คิดถึงบ้านจัง” เอ่ยลอย ๆ  แล้วอ้าปากหาวอยากคลานกลับเข้าไปในกระโจมซึ่งตอนนี้มีแต่เด็กสาวมามิรินอนคุดคู้อยู่คนเดียว

                “ง่วงนักก็เข้าไปนอนซี”  จิงโจ้โมบายเพื่อนรักบอกอย่างรำคาญ กิ่งคำปายจึงเอนตัวเข้าไปเบียดมันแล้วแหงนมองขึ้นดูฟ้าซึ่งบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใส ดวงเดือนลับหาย  มีดาวกะพริบวิบวับอยู่เต็มฟ้า  ไม่มีทีท่าจะมีเมฆฝนที่ทำท่าเมื่อชั่วโมงก่อนเลย   ตำแหน่งของดวงดาวบนฟ้าที่นี่แตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นในเมืองไทย  จะมองหากระดาวลูกไก่  ดาววี  ดาวช้างก็ไม่เห็นมีเลย 

                เสียงเพลงของชาวเผ่ายังคงล่องลอยอ้อยอิ่ง เนิบช้ากล่อมใจให้ผู้ได้ฟังนอนหลับใหล  หลายคนนอนหลับข้างกองไฟที่ลุกโพลงอยู่หน้ากระโจมนั่นเอง

                เพลงพลิ้ว แผ่ว หวาน และเย็นฉ่ำ  กิ่งคำปายคลานเข้าไปในกระโจมเงียบ ๆ เกรงจะรบกวนการนอนของมามิริ 

                แต่ที่จริงแล้ว  ใจเด็กสาว มามิริ ที่ร้อนเร่าดั่งไฟรุม  ทำให้เธอข่มตาหลับลงไม่ได้ พลิกกายไปมาอยู่หลายครั้ง เช่นเดียวกับเพื่อนผู้มาใหม่  เด็กชาวไทยก็ไม่เป็นสุขนักด้วยต้องเบียดกันหลายคน บนพื้นที่มีเพียงหญ้าและใบไม้แห้ง ๆ ปูรอง อีกอย่างกิ่งคำปายรู้สึกหายใจไม่สะดวกเพราะลมพัดอู้ อุ้มเอากลุ่มควันโขมงเข้าในกระโจมหลังแคบ จนแสบตาแสบจมูก ต้องลุกขึ้นมาจามหลายครั้ง

               “ขอโทษนะมามิริไม่ได้ตั้งใจปลุกเธอหรอก”

              “ช่างเถอะข้าเองก็นอนไม่หลับ”  มามิริพึมพำ  ไม่อยากบอกเพื่อนใหม่ผู้แปลกประหลาดว่าตนเองนอนไม่หลับเพราอะไร

                บอกไปใครเขาจะเข้าใจ  แม้แต่คนในเผ่าเดียวกันก็คงไม่มีใครเข้าใจ  นับประสาอะไรกับเพื่อนใหม่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้  อยู่ ๆ เฒ่านาไบก็พาโผล่ออกมาจากจากริมบึงราวกับบันญิบ

               “ฉันคิดถึงบ้าน”

              กิ่งคำปายพึมพำเหมือนไม่ตั้งใจ  มามิริจึงลุกขึ้นนั่งอยากฟังเรื่องราวของเพื่อนใหม่  แต่อีกฝ่ายก็เงียบไปเสียแล้ว  เธอจึงดำดิ่งในห้วงคำนึงของตนที่มีภาพราง ๆ ของดินแดนลี้ลับที่ตัมบูพาเธอแอบไปดู  เป็นดินแดนที่อยู่สุดขอบฟ้ามีดวงดวงเป็นหมื่นดวงกะพริบระยิบระยับ

               คนหนึ่งคิดถึงดินแดนลึกลับแต่สว่างใสด้วยดวงดาวพราวแสงมากมายเป็นสายเป็นกลุ่มราวกับดวงดาวพากันเดินทาง   อีกคนคิดถึงบ้านที่สะดวกสบายกว่า  อบอุ่นกรุ่นไอ ด้วยดอกไม้ ผสมกลิ่นธูปและควันเทียนที่ยายจุดไว้ บูชาพระ และระเหิดระเหยขึ้นไปบนฟ้า

              หัวใจที่ว้าวุ่นแห่งวัยฝันสองดวงมีความสอดคล้องต้องกัน  ความเข้าใจกันจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะต่างผิวต่างพันธุ์เผ่าก็ตาม  แม้ไม่ต้องสื่อออกมาเป็นภาษาพูดมากมาย

               ใจที่ตรงกัน  ความฝันในวัยสาวที่อยากก้าวออกมา จากขอบเขต  เครื่องกีดขวาง  สู่โลกกว้าง จึงต่างก็เห็นพ้องต้องกันที่จะไปหลบออกนอกกระโจม

              “เบา ๆ นะอย่าให้ใครเห็น” มามิริกระซิบกระซาบเมื่อพาเพื่อนใหม่โผล่ตามเธอออกกระโจม  ด้านหลังค่ายพร้อมสัตว์คู่ใจทั้งสอง 

             “ดูโน่นซี”   เธอชี้มือไปที่ขอบฟ้าดวงดาวพราวระยิบอยู่ฟากฟ้า สายตาของเด็กสาวชาวไพรทอดมองเคลิ้มฝัน  เสียงร้องรำทำเพลงยังคงดังอยู่ลานกว้างกลางค่ายที่มามิริหันหลังให้ตอนนี้

             “ข้าจะพาเจ้าไปดูที่นั่น ดินแดนแห่งดวงดางล้านดวง”

             ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่บอกเสียงเบา พลางชี้มือไปที่ภูเขาด้านที่ทอดตัวคดโค้งอ้อมผืนทะเลสาบ

             ท้องฟ้าเหนือภูเขาที่มามิริชี้ให้ดูมีสีแดงเรื่อทอทอดเรืองรอง  แตกต่างจากฟ้าด้านอื่น เหมือนมีไฟดวงมหึมาเกิดขึ้นจากฟากฟ้าหลังภูเขาลูกนั้น เมฆสีทองล่องลอยมองเห็นชัดเจน ผิดกับทิศอื่นที่ฟ้ามีแต่ความมืดและดวงดาวพราวแสง

             “ข้ากับตัมบูปีนภูขึ้นไปแอบ ๆ ดูบ่อย ๆ”

              กระชับเสื้อเข้าห่อตัว เหม่อมองฟ้าประดับดาวที่พริบพราวอยู่เบื้องสูง ใต้ลงมามีภูเขาเป็นเงาทะมึน สายลมอ่อนโยนพัดกลิ่นไม้สนและต้นกัมไหม้ไฟหอมกรุ่น

             “ตัมบูหรือ งั้นทำไมไม่ชวนเขาไปด้วยล่ะคืนนี้”

             กิ่งคำปาบกระซิบถาม พลางลูบหัวนางจิงโจ้ผู้ตามติดอยู่ข้างกายไม่ยอมห่าง  

             แต่ราวกับนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว  ตัมบูหนุ่มน้อยลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทของมามิริ จึงปรากฏตัวในเวลาที่สองสาวต้องการทันที

            “เราอยู่นี่แล้ว”

             เสียงหนุ่มโรบินสันก้มมากระซิบอยู่ข้างหู  เขาออกมาเขาออกพร้อมกับตัมบูราวกับเป็นเงาติดตามตัว

             “เราจะอ้อมบึงไปทางโน้น”   ตัมบูตอนนี้ทำตัวเป็นหัวหน้าขบวนอธิบายเส้นทาง

            “เดินไปทางโน้นแล้วบุกเข้าไปในป่า  ปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเขา  ที่นั่นเป็นแดนต้องห้ามของเผ่าเรา ดังนั้นนี่เป็นความลับและเราจะต้องไปอย่างเงียบกริบ และอย่างรวดเร็ว เพราะทางไกลมาก ต้องกลับมาให้ทันก่อนสว่าง ก่อนที่ทุกคนในค่ายจะตื่นนอน”

             “เดินรวดเร็วในความมืดนี่นะ”

             โรบินสันตัวโตซะอีกที่แสดงอาการไม่แน่ใจออกมา   เพราะเคยอยู่ในความสะดวกสบาย จนแทบไม่ได้สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก หรือความร้อน ความหนาวก็ล้วนไม่เคยก้าวเข้าไปในอาคารบ้านเรือนให้ระคายเคือง

             “ก็ใช่ละซี”

              นางจิงโจ้แอบส่งเสียงสำเนียงออกหยัน และหมั่นไส้นิด ๆ  คราวนี้โรบินสันบอกตัวเองว่าฉันไม่ได้หูฝาดหรอก นอกจากฉันจะเพี้ยนไปเท่านั้นจึงได้ยินสัตว์พูดได้

             “ไม่มืดนักหรอก แสงจากดวงดาวพอให้มองเห็นได้ราง ๆ อยู่บ้าง” ตัมบูบอกแล้วออกเดินนำหน้า

            “ถ้างั้นตามข้ามาเถอะ”  เจ้านางคำปลิวยายทวดของกิ่งคำปายในร่างเจ้าวอมแบตพูดขึ้นบ้าง กิ่งคำปายรู้ทันทีรีบปรามว่า

            “อย่า...ยายทวดอย่านะคะ”

            แต่กิ่งคำปายช้าไปหน่อยเสียแล้ว แพรเหาะผืนกว้างบางพลิ้วปลิวเข้ามาช้อนร่างทุกคนให้ลอยขึ้น ลอยขึ้นทั้ง ๆ ยังยืนอยู่

             มามิริกับตัมบูจับมือกันแน่นคู้ขานั่งลง ยอง ๆ ด้วยสัญชาตญาณ มองตากัน ตัวสั่นงันงก ครั้นเห็นนางจิงโจ้เงยคอเชิดหน้าท้าสายลมเฉยอยู่อย่างไม่หวาดหวั่น แถมลูกน้อยของนางนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากกระเป๋าหน้าท้อง ส่งสายตาเยาะเย้ยวับแวมในความสลัวรางแห่งเดือนเสี้ยว พลางส่งเสียงอึมอำในลำคอเหมือนคนครวญเพลงอีกด้วย

            “นี่เป็นการดลบันดาลของปู่ฟ้า”

             สองวัยรุ่นชาวเผ่ารำพึงพร้อมกัน   เงยหน้าขึ้นไปมองกิ่งคำปายเห็นยืนอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว  จึงฉุดมือกันและกันยืนขึ้นด้วย  แม้จะหวั่น ๆ ในตอนแรก  ครั้นแล้วไม่นานก็น้อมใจโอนอ่อนตามสถานการณ์  บวกกับความเชื่อมั่นที่ว่านี่คือสิ่งที่ปู่ฟ้าดลบันดาล  จึงสามารถยืนอยู่บนผืนแพรได้อย่างมั่นคง  แถมทำโยนตัวโอนเอนโยกไหวไปตามจังหวะลอยเลื่อนเคลื่อนไหวของแพรไหม อย่างมีความสุขอีกด้วย

              สายลมอ่อนโยน ดวงดาวกะพริบแสงแพรวพราวอยู่ปลายฟากฟ้า แพรผืนพลิ้วลอยล่องเหมือนแคนูลำน้อยในสายธารา ที่มามิริกับตัมบูเคยพายล่องลอย เหมือนมอเตอร์ไซค์เหินหาวสำหรับกิ่งคำปายกับโมบายจิงโจ้

              โรบินสันเท่านั้นที่ตกใจไร้การควบคุม  เขากระโดดขึ้นสูงจนพลาดตกลงไปลิ่ว ๆ

              “โอ้ย....”

               เขาร้องใจหายวูบร่วงลิ่วเหมือนวิญญาณจะปลิวออกจากร่าง ได้แต่ไขว่คว้าอากาศ

คงตายแน่แล้ว หนุ่มโย่งบอกตัวเอง แต่แพรอัศจรรย์ผืนนั้นกลับกระดกปลายม้วนเข้า ช้อนเอาร่างเขากลับขึ้นมาได้อย่างเฉียดฉิว  ตัวเขากลิ้งไม่เป็นท่า กิ่งคำปายต้องยื่นมือไปกุมมือเย็นๆ ของเขาไว้แน่นกระซิบว่า  อย่าตกใจเลย ทำใจเฉย ๆ ปล่อยตามเลยเถิด

               มีเสียงหัวเราะฮิ ๆ ดังมาจากนางจิงโจ้โมบาย กิ่งคำปายจุปากเตือนมันให้รักษามรรยาท

              “ก็มันสนุกดีนี่นา” โมบายไม่ระงับปากคำอีกแล้ว

               คราวนี้โรบินสัยได้ยินชัดเจน ชัดเจนจนไม่มีอะไรสงสัยอีก ลุกขึ้นนั่งแล้วกลับหลับตานิ่ง ความรู้สึกมากมายประดังประเดจนชายหนุ่มแทบรับไม่ไหว  ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันนี้เป็นเรื่องจริง   เขาอยากให้ตัวเองเพียงแต่ฝันไปมากกว่า  เมื่อสามวันก่อนเขาเดินทางมาจากบ้านที่ลอนดอน   จะไปเยี่ยมยายที่ซิดนีย์   สายการบินบรีทรีสแอร์เวย์พาเขามาแวะลงที่กรุงเทพ และเพื่อนของเขาที่อยู่ที่นั่นก็มารับเขาไปเที่ยวชมกรุงเทพกันสองวัน  ไปชมวัดที่สวยงามมหัศจรรย์  ที่ซึ่งคนไทยมากมายมากราบไหว้องค์พระที่มีสีเหลืองทองอร่ามเรือง

                กลิ่นดอกไม้ ที่ประดับประดามากมาย หอมกรุ่นกำจาย  ผสมกลิ่นธูป ควันเทียน ที่ลอยฟุ้งตลบอบอวล  แสงเรืองรองที่สาดส่องออกมาจากองค์พระพุทธรูปสีเหลืองอร่ามทำให้เขาตาพร่าพราย   ร่างของเขาส่ายไหวโอนเอน

                โอนเอนตามสายลม

                สายลมที่พัดพรู

                พัดผืนแพรเหาะล่องลอย  พาผู้โดยสารพุ่งลิ่วดั่งปลิวไป

                 ลิ่ว ๆ ลับ ๆ ขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงตระหง่านเป็นเงาทะมึนในม่านหมอก

๐๐๐๐

Tags : วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view