ฉี่ไส้เดือนจากอุดร ถึง อิมแพคเมืองทอง
“พอแพง”
เย็นวันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๕๔ ที่ผ่านมาหลังเลิกงาน กลุ่มญาติ ๆ หลาน ๆ จากอบต.นาห่อม ทุ่งศรีอุดม อุบลราชธานีพา”ครูแต้ม”แห่งศูนย์พัฒนาเด็กตำบลนาห่อมมารับรางวัลดีเด่นในงาน “มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ๒๕๕๔” ณ ชาเลนเจอร์ ๒ อิมแพค เมืองทองธานี
ครูแต้มเป็นลูกของลุงพี่ชายของพ่อแท้ ๆ เขาจึงโทรมาหา ก็เลยได้โอกาสรวมกลุ่มพี่น้องป้องปลายสาย “พรหมทา” ที่ไม่ค่อยได้พบหน้า แถมได้กำไรได้เที่ยวงานมหกรรมดังกล่าวรำลึกคราวเป็นครูอีกด้วยละ
เช้าวันอาทิตย์คณะของเรานำโดยนายกอบต.นาห่อมซึ่งเป็นสามีครูแต้ม และทำหน้าที่ขับรถพาคณะตะลอน ๆ มาครั้งนี้ก็เข้าสู่สถานที่จัดงาน ขณะรอครูแต้มเข้าพิธีรับรางวัลคณะเราก็ได้โอกาสชมงานกัน ซึ่งสิ่งที่เห็นแม้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากของจริงในท้องถิ่นที่มีโรงเรียนในสังกัดอยู่ทั่วประเทศ แต่ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นศักยภาพและขีดความสามารถในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศไทย
การจัดการศึกษาโดยท้องถิ่นเป็นระบบแรกที่ชาวหัวเมืองไกล ๆ ได้เรียนรู้อ่านเขียนภาษาไทย อักษรไทย นอกเหนือจากเรียนภาษาไทน้อย(ลาว) และภาษาขอมในวัดซึ่งก็ได้เรียนเฉพาะกลุ่มผู้สนใจจะบวชเรียนเท่านั้น
และในฐานะลูกของครูประชาบาล อีกทั้งสมัยเป็นเด็กก็เคยเรียนโรงเรียนประชาบาลสังกัดกระทรวงมหาดไทยมาก่อน ทำให้คุ้นเคยกับการศึกษาระดับท้องถิ่นอยู่เช่นกัน
การจัดการศึกษาท้องถิ่นของประเทศไทย เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๔๕๑ มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้รับผิดชอบดูแลจัดการศึกษาตามมณฑลต่าง ๆ ให้ประชาชนอ่านออกเขียนได้ ส่วนการศึกษาที่สูงกว่านั้นเป็นภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ
การศึกษาส่วนท้องถิ่นถูกโอนกลับไปกลับมา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับ กระทรวงมหาดไทยอยู่หลายครั้ง ตามแต่สถานการณ์ของยุคสมัย สุดท้ายพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติปีพ.ศ.๒๕๔๒ บัญญัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาระดับใดระดับหนึ่ง หรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่น จึงมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย
จะอย่างไรก็ตาม จะเป็นใครเป็นผู้จัดการศึกษาก็ย่อมมีแกนหลักในจุดมุ่งหมายสำคัญอยู่ที่การพัฒนาเด็กซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติในอนาคต และองค์กรของท้องถิ่นคือผู้อยู่ใกล้เด็กที่สุดย่อมตระหนักรู้ถึงความต้องการ และปัญหาในการพัฒนาเด็กในสังคมท้องถิ่นกว่าใคร จึงน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการที่องค์กรของท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลจัดการศึกษา
และมหกรรมการจัดการศึกษาในครั้งนี้จึงน่าจะเป็นคำตอบได้ส่วนหนึ่งถึงศักยภาพของท้องถิ่นในการจัดการศึกษา
ความจริงแล้วงานนี้เขาจัดกันมาตั้งแต่วันที่ ๕ แล้ว ชาวคณะเขาก็มากันแล้วแต่เมื่อวาน มีแต่”พอแพง”เท่านั้นที่เพิ่งมีโอกาสเข้าชมในวันสุดท้ายแล้ว จึงต้องเดินเก็บเกี่ยวให้คุ้มจนรองเท้าและเท้าประท้วงพากันยื่นความอ่อนล้าปวดระบมมาให้ กระนั้นยังเสียดายที่ไม่ได้มาทั้งสามวัน ไม่ได้เข้าร่วมฟังรายการเสวนาทางวิชาการในวันแรกของงาน
ก็ไม่เป็นไรค่ะ เท่าที่เห็นก็เพลินตา ตื่นใจในความสามารถของเด็ก ๆ และคุณครู ซึ่งมีทั้งกิจกรรมบนเวที บนลาน การสาธิต การจัดแสดงผลงานที่เคยทำมาจากโรงเรียนและชุมชน ตลอดจนการประกวดกิจกรรมต่าง ๆ แสดงความสามารถและประกวดผลงานทางวิชาการ
เดินกันจนเหนื่อยทั้งซื้อ ทั้งชมกิจกรรมหลายหลากแหวกหลีกผู้คนหลากหลายแล้วก็มาสะดุดใจกับ “ฉี่ไส้เดือน” บรรจุในขวดตั้งเรียงกันสามขวด
“อะไรนะคะ” เราไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือเปล่า เมื่อได้ยินคำแนะนำบอกกล่าวจากสาวน้อยในเครื่องแบบนักเรียนผู้กำลังทำหน้าที่นำเสนอผลงานนวัตกรรมจากโรงเรียน พันดอนวิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีซึ่งมีนายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ ท่านนายกองค์การฯเป็นผู้สนับสนุน
“ฉี่ไส้เดือนค่ะ” เธอตอบหนักแน่น เมื่อเห็นเราสนใจ เพื่อน ๆ ของเธอพร้อมคุณครูที่อยู่ ณ ที่นั้นจึงช่วยอธิบาย การเลี้ยงไส้เดือนในถังที่ต่อท่อเล็ก ๆ ไว้ด้านล่างเพื่อเก็บน้ำสีคล้ายชาข้น ๆ ที่เรียกฉี่ไส้เดือนไว้ใช้ประโยชน์
ไส้เดือนทรัพย์ในดินมูลค่ามหาศาลที่กำลังจะสูญพันธุ์ไปด้วยการทำการเกษตรแบบใหม่ในปัจจุบันมันถูกจับมาเลี้ยงแล้ว ช่างเป็นสิ่งที่ดี และน่าประทับใจอะไรเช่นนั้น เราขอบคุณโรงเรียน และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนี้อยู่ในใจพร้อมยิ้มให้ แล้วเลยได้ฟังคำอธิบายถึงสิ่งดี ๆ ที่เป็นกิจกรรมอันยังประโยชน์แก่โลกและสิ่งแวดล้อมอีกหลายอย่างที่น่าทึ่งก็คือ “คอนโดยุง”
“เจ้ายุงสัตว์น่ารำคาญเนี่ยนะจะได้อยู่คอนโด”
“ค่ะ แต่เป็นคอนโดเพื่อกำจัดมันค่ะ”
ยุงสัตว์ที่ได้ชื่อว่าร้ายกว่าเสือแต่ตัวเล็กนิดเดียวเที่ยวกัดคนโน้นคนนี้แล้วดูดเลือดเขาไปหน้าด้าน ๆ บัดนี้ จะถึงกาลอวสานแน่แล้ว ถ้าเผยแพร่ความรู้เรื่องคอนโดยุงนี้ออกไป ซึ่งเป็นเรื่องทำง่าย ๆ มีเพียงยางรถยนต์ ตาข่าย และท่อ ก็สร้างได้แล้ว อาศัยธรรมชาติที่ชอบความมืดและชื้นแฉะของมันเรียกมันมาอยู่คอนโดยุงแล้วกำจัดซะ
ต้องขอบคุณ คุณครูอัญชลี สุขมานพ และกลุ่มลูกศิษย์ซึ่งมี น้องลลิตา รสธรรม, สุทธิดา จันทร์แจ้ง, หนึ่งฤทัย ถาวรรัมย์, ชฎาธาร พิมพากุล, นงนุช ไชยวันและ น้องศุภัทรา โภคาพานิช จากโรงเรียนพันดอนวิทยา อุดรธานีค่ะ
แล้วยังมีที่น่าพูดถึงในที่นี้อีก ด้วยประทับใจผลงานปั้นดินน้ำมันฝีมือประณีตของเด็กหญิงสุกัลยา สายสุวรรณ กับเด็กหญิงสุนิตา นิ่มจงจิตร์ จากโรงเรียนเทศบาล๔(บ้านแหลมทราย)สังกัดเทศบาลนครสงขลา
การปั้นดินน้ำมันเป็นกิจกรรมที่ใช้พัฒนาเด็กที่ให้ทั้งจินตนาการ การฝึกสมาธิ การพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก เป็นสิ่งที่ผู้เขียนสมัยเป็นครูใช้กับเด็กเสมอ แต่มาเห็นผลงานของหนูน้อยทั้งสองที่แสดงในวันนี้แล้วคงต้องนำไปสอนหลานแทนนักเรียนแล้วหละ ดูในรูปก็แล้วกันนะคะ