Incredible อินเดีย
“เอื้อยนาง”
๓.พักกาย พักใจ วัดไทยพุทธคยา (Wat Thai Buddhagaya)
รถคลานลอดซุ้มประตูหน้าวัดไทยพุทธคยาเมื่อตะวันส่องแสง ฟ้าสว่างใสของเช้าวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ นุ่นต้นใหญ่ที่หน้าวัดกำลังผลัดใบ ทิ้งใบแก่ร่วงลิ่ว เตรียมผลิดอก ถัดเข้าไปที่เห็นเป็นจุดเด่นในสายตา คือพระอุโบสถทรงไทยสวยงามเรืองรอง ถ่ายแบบมาจากพระอุโบสถหินอ่อนวัดเบญจมบพินตร
ในพื้นที่ ๑๓ ไร่ของวัด ถูกจัดกลุ่มอาคาร ตกแต่งด้วยไม้ต้น ไม้ดอก และสวนหย่อมอย่างสวยงามมีระเบียบ ดอกไม้หลายชนิดบานไสวหลากสีสัน พระอุโบสถเป็นจุดศูนย์กลาง มีถนนโอบล้อมเป็นรูปตัวยู รายล้อมด้วยอาคารที่เป็นสถานพยาบาล ซุ้มเครื่องดื่มแบบบริการตัวเอง มีชา กาแฟและขนม(ส่วนมากเป็นถั่วอบรสมัน ๆ บรรจุในถุง) อาคารห้องสมุด กุฏิ อาคารที่ทำครัว ห้องรับประทานอาหาร อาคารพักของนักแสวงบุญ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม
วัดไทยพุทธคยานับเป็นวัดไทยวัดแรกในอินเดีย ก่อตั้งโดยรัฐบาลไทยสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม โดยได้รับการเชื้อเชิญจาก ฯพณฯเยาวห์ราล เนรูห์(Jawaharlal Nehru) นายกรัฐมนตรีของอินเดียในสมัยนั้น เพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาในโอกาสฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ พ.ศ. ๒๕๐๐ ปัจจุบันมีวัดไทยในอินเดียเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งรวมทั้งสำนักสงฆ์ด้วย
อากาศยังคงหนาวเย็นเมื่อเราลงจากรถซึ่งคลานเข้ามาจอดใต้ร่มมะม่วงโบราณต้นใหญ่ที่มีกระรอกกระแตวิ่งฉิวแข่งกันขึ้นไปหลบเมียงมองบนกิ่งสูง ๆ นกหลายชนิดโผบินอยู่ระหว่างแมกไม้ต้นใหญ่ ๆ ร่มครึ้ม ที่ขึ้นแทรกซอนระหว่างช่องว่างของตัวอาคาร
ที่พักเป็นห้องรวม ๕-๖ เตียง มีห้องน้ำในตัว สะดวกสะอาดได้มาตรฐานไทย เรือนที่ใช้รับประทานอาหารชื่อ อู่ข้าว อิ่มบุญ เป็นเรือนหลังเล็กสร้างด้วยไม้ไผ่ โปร่ง และมีตาข่ายกันยุงและแมลง ภายในกว้างพอสำหรับจัดแบ่งเป็นส่วนของพระ และญาติโยมได้
อาหารฝีมือแม่ชี เป็นอาหารไทยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ผักสด ผลไม้ล้วนปลอดสารเคมี ทุกวัดไทยที่ได้ไปแวะรับประทานอาหารมักมีเมนูคล้าย ๆ กัน คือเน้นผักผลไม้ซึ่งผู้เขียนชอบมาก โดยเฉพาะแครอทและกระหล่ำดอกที่มีรสออกหวานโดยธรรมชาติ
สำหรับทัวร์คณะนี้ คุณรุ่งสุนีย์เธอจัดการขนกล่องบรรจุอาหารจากไทยไปสมทบอีกมากมาย ตั้งแต่น้ำพริกต่าง ๆ กุนเชียง หมูหยอง หมูแผ่น แคบหมู ชา กาแฟ ขนมนมเนย สารพัด ซึ่งสร้างภาระ สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้เธอไม่น้อย เห็นแล้วชวนสงสาร ทำไมลูกทัวร์จะต้องมีเงื่อนไขในการกินให้ยุ่งยากนักก็ไม่รู้ อาหารแขกเท่าที่ได้กินในบางมื้อก็โอเคอยู่แล้ว จาปาตี โรตีจิ้มนม ชาร้อนใส่นมสด ข้าวมธุปายาสอร่อยจะตาย กลับมาเมืองไทยแล้วยังอยากกลับไปกินอีกอยู่เลย
เป็นประสบการณ์จากเที่ยวก่อน ๆ ของเธอที่เคยมีคนบ่นนั่นเอง จึงต้องหอบโรงครัวขึ้นเครื่องบินข้ามฟ้าไปปฎิบัติธรรม
เช้าวันแรกในแดนพุทธภูมิ แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งคืน ครั้นได้อาบน้ำชนิดเย็นเฉียบแล้วก็เรียกความสดชื่นคืนมาได้โดยพลัน จึงจัดการกับตัวเองและออกมาสมทบกัน ทันตามเวลาที่นัดหมาย จะไปปฏิบัติธรรม ณ มหาเจดีย์พุทธคยากัน
ความปลื้มปีติที่จะได้กราบสถานที่จริงที่พระพุทธองค์ทรงประทับนั่ง และตรัสรู้ เป็นพลังอย่างยิ่งให้รู้สึกสดชื่น
บรรยากาศในวัดที่เข้าพักก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เจริญใจ ด้วยไม้ดอก ไม้ประดับที่แต่งแต้มสีสันต้อนรับแสงอรุโณทัย ที่สาดส่องต้องยอดพระอุโบสถให้เรืองระยับพราวตา มองแล้วปลาบปลื้มและเป็นสุขใจ
ที่นี่เป็นสถานที่พักในวันแรกสู่อินเดีย เหมือนเป็นที่ตั้งหลักในการจะเดินทางสู่สังเวชณียสถาน และสถานที่ที่สำคัญอื่น ๆ ในรัฐพิหาร อุตตระประเทศ และในประเทศเนปาล วันสุดท้ายจึงจะวกอ้อมมาที่นี่อีกครั้ง
เราจะพักที่นี่กันอีกคืนหนึ่ง วันนี้ทั้งวันนอกเหนือจากการไปปฏิบัติธรรม ทำสมาธิสมาธิภาวนารำลึกพระคุณพระผู้มีพระภาคแล้ว ยังมีแผนการข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปชมสถูปโบราณที่ครั้งหนึ่งคือ บ้านของนางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระองค์ก่อนตรัสรู้ และยังจะได้เยี่ยมชมของวัดพุทธของชาติอื่น ๆ ที่อยู่รายล้อมตำบลนี้ เช่น วัดพม่า วัดศรีลังกา วัดทิเบต วัดญี่ปุ่น วัดจีน เป็นต้น
๐๐๐๐๐๐
ยังมีต่อ