Incredible อินเดีย
โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ
๔.ใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์
ผู้เขียนเป็นชาวอุบลราชธานี รู้จักและเคยไปกราบไหว้พระเจดีย์พุทธคยา(จำลอง)ที่วัดหนองบัว เมืองอุบลราชธานีมาแล้ว พระเจดีย์องค์นั้นสูงเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้แต่ไกล ดึงดูดสายตาผู้ผ่านไปมา เป็นสิ่งภาคภูมิใจและอบอุ่นใจในความเป็นพุทธศาสนิกชนของเราชาวอุบลนักหนา
ครั้นได้มาเห็นพระมหาเจดีย์องค์จริง ได้ก้มลงกราบ ณ ใต้ร่มเงาต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้าง และมีพระผู้ใหญ่นำสวดมนตร์ ตั้งจิตอธิษฐาน ยังทำให้ปลาบปลื้มแทบน้ำตาซึม ทั้ง ๆ ราบรอบข้างพลุกพล่านด้วยผู้คนที่มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ การแต่งกายหลากหลาย ผิดแผก แตกต่าง มีทั้งผู้ที่นั่ง ๆ จมดิ่งอยู่ในห้วงภาวะจิตสงบล้ำลึก ทั้งผู้ที่เดินพนมมือพึมพำ เดินประทักษิณสวดมนตร์ภาษาเดียวกันแต่สำเนียงแตกต่าง อีกทั้งผู้ที่ทำท่าทางเคารพสูงสุดแบบแปลก ๆ คือนั่งลงพนมมือแล้วนอนราบลงกับพื้นยกมืออยู่เหนือหัวแล้วลุกขึ้นนั่งในท่าเดิมก่อนนอนราบลงอีกที (เป็นท่ากราบไหว้ของชาวทิเบต)
สีสันสบง จีวร และการห่มคลุมของพระภิกษุ มีแตกต่าง ตั้งแต่เหลืองอร่าม จนเหลืองน้ำตาลคล้ำ แดง และแดงเหลือง ส่วนภิกษุณีมีทั้งที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์ทั้งชุด และขาวสลับสีอื่น ๆ หรือสื่อื่น ๆ ล้วน ดูลานตา เป็นการเปิดตาเปิดใจให้รู้ว่าพระพุทธศาสนานั้นเป็นของคนทั้งโลก และผู้ที่มาในที่นี้ล้วนมาด้วยดวงจิตเปี่ยมศรัทธาเปี่ยมความปีติ
นี่คงถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธทั้งโลกช่วยกันจรรโลงพระศาสนา นำพระศาสนาและศรัทธากลับสู่แดนพุทธภูมิ
ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เคียงข้างด้วยพระมหาเจดีย์นี้คือสิ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ผู้คนมากมายหลั่งไหลมา แต่กลับสงบเย็น เพ่งจิตอยู่ในหนทางเดียวกัน ไม่ทำให้เกิดสภาวะจราจลจอแจเช่นธรรมชาติของคนหมู่มากทั่วไป
พระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้เป็นเหลน(รุ่นที่สี่ หรือ ต้นที่สี่)ของพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่พระมหาสัตว์ประทับนั่งอยู่ที่ควงต้นนั้นจนกระทั่งตรัสรู้ นับเป็นต้นที่หนึ่ง
ตามประวัติบอกว่านี่เป็นต้นที่ ๔ โดยเหตุที่พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ ๑ นั้นถูกพระมเหสีใจร้ายของพระเจ้าอโศกมหาราชให้คนเอายาพิษและน้ำร้อนไปรด ด้วยอิจฉาพระศรีมหาโพธิ์ หาว่าพระสวามีรักและเอาใจใส่มากกว่าพระนาง ทำให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนั้นเหี่ยวเฉาและตายลงในที่สุดซึ่งรวมอายุประมาณ ๓๐๕ ปี ครั้นพระเจ้าอโศกให้คนนำน้ำนมมารดกระทั่งแตกหน่อเติบโตเป็นต้นที่ ๒ อยู่มาได้ ๘๐๐ กว่าปีก็ถูกพระเจ้าศศางกะตัดทำลายอีก และต่อมาพระเจ้าปูรณวรมันได้โปรดให้นำนมโคมารดจนต้นพระศรีมหาโพธิ์แตกหน่ออีก นับเป็นต้นที่ ๓ มีอายุมาได้จนถึงปี พ.ศ.๒๔๒๓ ต้นพระศรีมหาโพธิ์แก่ชรามาก
เซอ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม นักโบราณคดีชาวอังกฤษได้นำหน่อจากต้นที่ ๓ ซึ่งมี ๒ หน่อ นำมาปลูกไว้ตำแหน่งเดิม ๑ ต้น แยกไปปลูกห่างไปทางด้านทิศเหนือ ๑ ต้น ปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์มีอายุกว่าร้อยปีต้องสร้างรั้วเหล็กกั้นไว้โดยรอบ กันผู้ศรัทธาเลื่อมใสแบบอวิชชาที่มักแกะ เกา(อาจขูดหาเลข...)เอาไปบูชา เป็นการกระทำที่ไม่เจตนาทำลาย สิ่งที่ทำได้คือนำเอาใบที่ร่วงหล่นไปเพื่อสิริมงคล ซึ่งก็นับว่าใบของพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ได้สร้างรายได้ให้กับชาวท้องถิ่นได้เช่นกับรูปเคารพอื่น ๆ ทีเดียว
พระศรีมหาโพธิ์อายุร้อยกว่าปีต้นไม่ใหญ่โตนัก แต่กิ่งก้านสาขาและบารมีที่แผ่ออกไปกลับยิ่งใหญ่มหาศาล ด้วยพลังศรัทธาจากมหาชนชาวพุทธทั่วโลกที่หลั่งไหลมุ่งมากราบไหว้บูชา รวมทั้งพุทธสถานอีกหลายแห่งที่อยู่รายรอบ ที่สำคัญที่สุดตั้งอยู่เคียงข้างในกำแพงเดียวกัน คือ พระมหาเจดีย์พุทธคยาที่มีพระพุทธเมตตาประดิษฐานอยู่ภายใน
รายรอบกำแพงแก้วเป็นสัตตมหาสถาน(สถานที่สำคัญทั้ง๗) ที่พระพุทธองค์ทรงใช้เวลาเสวยวิมุตติสุขอยู่ ๗ สัปดาห์ ในสถานที่ ๗ แห่งหลังจากตรัสรู้แล้ว สถานที่บางแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไปก็มีการจำลอง หรือยกมาไว้ในบริเวณโพธิมณฑลนี้
บารมีของต้นพระศรีมหาโพธิ์แผ่ไกลไพศาลออกไปนับวันยิ่งมากขึ้น เมืองคยา และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติพระพุทธองค์เติบโตกลายเป็นสถานที่สำคัญ เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชุมนุมผู้คนและสินค้าพื้นเมืองหลากหลาย สร้างเศรษฐกิจในชุมชน โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลอินเดียยุคฯพณฯ เยาวหราล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)ได้เชื้อเชิญประเทศอื่น ๆ ให้มาตั้งวัดของตนได้ ดังนั้นคนที่มาพุทธคยายังได้เข้าพัก หรือเที่ยวชมวัดพุทธของประเทศอื่น ๆ ที่สร้างด้วยศิลปะเอกลักษณ์ของชาติตน เราจะได้ยลได้เยี่ยมชมความสวยงามอันวิจิตรบรรจงที่อยู่รายรอบตำบลอุรุเวลาเสนานิคม หรือคยาแห่งนี้ ได้ทำบุญกุศลตามอัธยาศัย
หากไม่รำคาญใจนักก็จงมองดูนัยน์ตาใส ๆ ของเด็ก ๆ ชาวพื้นเมืองที่ตามติด ตามตื้อพลางแบมือมาบอกว่า “อาจารย์ ๆ... จำได้ ๆ...สิบรูปีนะ” แล้วก็จงทำบุญอีกทางหนึ่งด้วยเถิด ความสุขจะบังเกิดทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่จงจำไว้ให้ไปแล้วต้องรีบ ๆ หลบไป ไม่งั้นผู้รับอีกหลาย ๆ คนจะแห่มา คราวนี้ก็ตัวใครตัวมันละขะหน่อย
๐๐๐๐๐