บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน13.วันเพ็ญเดือนสิบสอง “ลอยกระทง”
โดย มณีดิน
ผมนั่งมองสายน้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยๆ ปลาเข็มตัวเล็กๆที่ชอบว่ายไล่กันไปมาใกล้โคนเสาเรือน น้ำที่ไหลโดนเสาวนเป็นวงก่อนที่จะคลายเกลียวไหลเลยไป ไกลออกไปจากใต้ถุนเรือน ปลากระทุงเหว ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาเข็มแต่ขนาดใหญ่กว่าราวๆแท่งดินสอพุ่งไปคาบเศษอาหารที่ลอยมา ปลาแปลบผุดขึ้นมาหายใจแล้วก็ตวัดหางดำดิ่งลงใต้น้ำ ตัวมันบางเกล็ดสีขาวหางเขียวแหล่ๆ ลำตัวยาวรี ผมเดินไปหยิบคันเบ็ดไม้ไผ่เกี่ยวเหยื่อด้วยข้าวสุกบดจนเหนียว พอปลากินเบ็ดผมก็ตวัดคันเบ็ดได้ปลาแปลบติดเบ็ด มันดิ้นกระแด่วๆ
“ตกแต่ปลาแปลบ มือไม่ถึงหรอกมึง”
ไอ้เสริมพายเรือผ่านมาตะโกนใส่ ผมเหลียวไปก็ด่าส่ง
“ไอ้เหี้ย มึงก็ได้แต่ช้อนปลากัดลูกทุ่งละวะ”
ผมย้อนแล้วก็ทำปากบุ้ยบ้าย เรือเสริมเลยไปแล้วแต่เสียงหัวเราะของมันบาดลึก มันเห็นว่าผมเป็นเพียงพรานเบ็ดกระจอกๆ มันไม่เคยรู้หรอกว่า ผมก็เคยตกปลาหมอกลมได้ เมื่อไปตกปลากับแม่ นึกเคืองอยู่ตะหงิดๆ
น้ำเต็มฝั่งคลอง เรือพายขึ้นล่องไม่ขาดสาย เรือกล้วยแขกของพี่ยุงผ่านมาก็จะได้กลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล แต่ก็ใช่ว่าจะได้กินบ่อย
“กินบ่อยๆ เดี๋ยวไม่มีตังส์ไปโรงเรียนนะ” แม่เตือนให้รู้จักการประหยัดเงิน “กินข้าวก็อิ่มแล้ว”
จริงของแม่ทุกคำ แต่ผมและทุยก็อยากกิน แม่ก็จะว่า
“เอาไว้หาเงินได้เอง จะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เสียงแม่เหน็บลึกๆ แต่เด็กอย่างผมกับทุยไม่รู้เรื่องหรอก ได้แต่บ่นกลับ
“โธ่ แม่ก้อ “ แล้วก็ได้แต่ทำงอนๆกันแค่นั้น
เสียงเพลงดังจากวิทยุถี่ขึ้น ๆ
.วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริง วันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง
รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริง วันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง
รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ....
ใกล้วันขึ้น 15 ค่ำเดือนสิบสองแล้วหนอ เพลงลอยกระทงเร้าใจให้อยากลุกขึ้นรำ ท่วงทำนองสนุกสนานเบิกบานและเร้าใจ ทุกคนจะได้ “ลอยกระทง” เด็กผู้ชายอย่างผมกับทุยก็ไม่แตกต่างจากเด็กผู้หญิงนักหรอก ความเป็นเด็กก็ยังตื่นเต้นกับเทศกาลงานบันเทิง ปีที่แล้ววันลอยกระทงมัคนายกวัดห้วยคันจ้างลิเกคณะ”ทุเรียนใหญ่”มาแสดงสองคืน แม่กับพี่เจนไปเฝ้าอยู่จนเลิก แต่แม่ไม่ได้ไปนั่งดูแต่ลิเกเหมือนคนอื่นเขา แม่คั่วข้าวโพดขายไปด้วย
“คั่วไปขายไปก็นั่งดูลิเกได้เหมือนกัน ได้ตังส์ด้วย” แม่ว่าเมื่อผมแย้ง
“ยังไงมึงกับไอ้ทุยก็ไม่ช่วยแม่ขายอยู่แล้ว”แม่หัวเราะทุกที “เดี๋ยวก็ได้ไปนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งตอนลิเกถึงบทโศก”
ผมกับทุยเป็นแฟนประจำวงลิเก ที่นั่งของเราอยู่บนขอบโรงใกล้ๆฉาก ไอ้เสริม ไอ้เฮี้ยง ไอ้อ๊อด เป็นกลุ่มแก็งค์ที่นั่งกันเป็นเจ้าประจำ
แต่ปีนี้ จะจ้างลิเกคณะอะไรมาแสดงหนอ
ที่โรงเรียนวัดห้วยคัน นักเรียนกำลังนั่งฟังประชุมครู ครูอวบครูใหญ่ซึ่งเป็นครูที่รูปร่างไม่อวบสมชื่อแต่สูงเพรียว เสียงดังฟังชัดและตีเจ็บ ครูยืนอยู่หน้าชั้นเล่าเรื่องวันลอยกระทงให้ฟัง
“วันลอยกระทงตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ก็เดือนพฤศจิกายนของทุกปี มีตำนานเล่าขานเรื่องวันลอยกระทงกันมาหลายอย่าง ครูจะเล่าให้พวกเธอได้รู้ว่า มีชนชาติไหนกันบ้างที่ลอยกระทง เช่นที่ อินเดีย จีน พม่า ลาว และกัมพูชา มีวัฒนธรรมประเพณีใกล้เคียงกับบ้านเราชาวไทย เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 จะทำกระทงไปลอยน้ำกัน”
“ปฐมเหตุแห่งการลอยกระทงนั้น เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากครั้งที่ พระพุทธองค์ บำเพ็ญเพียรอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ได้มีนางสุชาดากวนข้าวมธุปายาส(ข้าวกวนกับน้ำผึ้งหรือน้ำอ้อย)แล้วให้นางรับใช้นำถาดข้าวไปถวายแด่พระองค์ที่ใต้ต้นโพธิบัลลังก์ เมื่อพระองค์ทรงพระกระยาหารนั้นหมดแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพระองค์จะได้ตรัสรู้แล้วก็ขอให้ถาดนี้ลอยทวนน้ำด้วย แล้วพระองค์ก็ลอยถาดลงในแม่น้ำเนรัญชรา ปรากฏว่าถาดลอยทวนน้ำจริง ลอยไปจนไปจมที่สะดือทะเล ถาดตกไปกระทบหางพญานาค พญานาคจึงอุทานว่า มีพระพุทธเจ้ามาจุติแล้ว นั่นคือต้นเหตุแห่งการลอยกระทงของชาวอินเดียวในกาลยุคนั้น”
เพื่อนนักเรียนสองร้อยกว่าชีวิตนั่งอ้าปากฟังกันเพลิน เสียงครูอวบเล่าต่ออีกว่า ตำนานวันลอยกระทงของพม่าเล่าขานกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราชทรงตั้งปณิธานว่าจะสร้างเจดีย์ 84,000 องค์เพื่อพุทธบูชา แต่มารผจญ จึงเสด็จไปขอให้พระอุปคุตช่วย พระอุปคุตจึงไปขอให้พญานาคช่วยปราบมาร พระเจ้าอโศกมหาราชจึงสร้างเจดีย์ 84,000 องค์สำเร็จ ดุจ 84,000 พระธรรมขรรค์นั่นคือเหตุผลที่ชาวพม่าลอยกระทงเพื่อบูชาพญานาค
แต่ชาวจีนแปลกไปอีก เขาลอยกระทงในน้ำ เรียกว่าปล่อยโคมน้ำเพื่อบูชาและระลึกถึงญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปในคราวโรคห่าระบาด ล้มตายกันเป็นเบือ
ส่วนคนไทยเล่าลอยกระทงกันเพื่ออะไร ใครตอบได้ยกมือขึ้น ไอ้เสริมยกมือ แล้วตอบทันใด
“ลอยกระทงเพื่อจะให้เด็กๆว่ายน้ำไปเก็บสตางค์ในกระทงครับ” เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนเห็นจริง พยักหน้าหงึกๆกันทั่ว
“ออกมานี่เลยนายเสริม” เสริมเดินออกไปท่าทางภูมิๆเสียด้วย ยึดเลย แต่เมื่อไปยืนหน้าชั้นยิ้มเห็นฟันเหลืองอ๋อย ครูอวบคว้าไม้เรียวได้ก็หวดก้นไป 3 ที
“ทีที่หนึ่งเพื่อบอกว่า เธอตอบถูกแต่ผิดที่ไปว่ายน้ำยามค่ำคืนเสี่ยงชีวิต” ครูอวบหวดก้นเสริมดังป้าบ เสริมหน้าจ๋อย
“ทีที่สองเพื่อบอกว่า เธอกระทำผิดประเพณีที่ว่ายน้ำไปเก็บสตางค์จากกระทง เพราะเจ้าของเขาบูชาพระแม่คงคา พญานาค ไปแล้ว เธอไปแย่งชิงมาได้ยังไงกัน” ครูอวบหวดก้นเสริมเป็นทีที่สอง เสริมทำหน้าจะร้องไห้
“ที่ที่สาม เพื่อบอกให้เธอและเพื่อนๆได้รู้ว่า เมื่อเขาถวายของบูชาไปในกระทงเช่นตัดเศษผม เล็บมือเล็บเท้า เศษสตางค์ ดอกไม้ ธูปเทียน นั้นเขาปล่อยของใดๆที่ไม่เป็นมงคลให้ลอยน้ำไปไกลๆ ของไม่ดีเหล่านั้นอาจเข้าตัวเธอ หรือเธอเป็นตะคริวกินอาจจมน้ำตายได้ เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เสริมหน้าซีด แล้วเสียงสุดท้ายก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้โหของเสริม
“กลับไปนั่งที่เดิม” เสียงครูอวบสั่ง “คืนนี้ จะมีใครไปว่ายน้ำเก็บเศษสตางค์อีกไหม” เงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก
“เอาละ แล้วบ้านเรานี่ล่ะ เขาลอยกระทงกันด้วยเหตุใด เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี นางนพมาศ พระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไท หรือ พระร่วงเจ้า เสด็จประพาสทางน้ำยามเมื่อน้ำนองตลิ่ง แล้วโปรดให้เหล่าสนมกรมในทำกระทงรูปดอกบัวกมุทซึ่งจะบานในเวลากลางคืนเท่านั้น เพื่อบูชาพระแม่คงคา พระร่วงจึงโปรดให้สืบสานเป็นวัฒนธรรมดีงามต่อไป” ครูอวบทำท่าจะสั่งเลิกประชุม แต่เหมือนนึกขึ้นได้ จึงหันกลับมาเล่าต่อ
“แต่ ที่ภาคเหนือบ้านเรา นอกจากนิยมลอยกระทงลงน้ำกันแล้วก็ยังมีการลอยประทีปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกด้วย เดิมทีเดียวก็ลอยในวันที่พระพุทธองค์ทรงออกบรรพชา ณ ริมฝั่งแม่น้ำอโนมามหานที ต่อมาก็กลายเป็นลอยประทีปตามไฟกันในคืนลอยกระทง มีใครสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีช่วยกันเก็บกวาดศาลาการเปรียญแห่งนี้ให้สะอาด พรุ่งนี้พระสงฆ์จะได้ประกอบพิธีทำบุญวันเพ็ญเดือนสิบสอง แล้วกลับบ้านได้” เสียงตอบรับดังอึงมี่
ผมเดินตีคู่กับเสริมไปบนสะพานข้ามหน้าวัด เหมือนจะปลอบใจมัน แต่มันกลับยืนยัน
“คืนนี้กูจะว่ายน้ำไปเก็บสตางค์อีก ได้เยอะแน่” แล้วมันก็วิ่งปริ๊ดเข้าไปทางแยกบ้านเหนือ มันไม่เข็ดที่ถูกครูอวบตีเลย
ผมกลับถึงบ้าน เก็บกระเป๋าแล้วเปลี่ยนเสื้อกางเกงชุดเก่ง ปะตูดตราใบโพธิ์ แล้วก็ชวนทุยไปตัดต้นโสนริมคลอง การประดิษฐ์กระทงของผมและทุยง่าย ด้วยใช้เพียงต้นโสนมาตัดเป็นท่อนๆ ใช้ไม้เหลากลมเล็กๆเสียบเป็นแพ ปักธูปและเทียนไว้กลางกระทง หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็”แพ” เสียมากกว่า ส่วนของแม่ พี่เจน และเพื่อนบ้านต่างก็ใช้ใบตองกล้วนมาประดิษฐ์กันจนเป็นรูปกระทงสวยงาม ใส่ดอกเข็มบ้าง ดอกเฟื่องฟ้าบ้าง ตามแต่จะหาดอกไม้อะไรมาได้ แม่ให้ทุกคนตัดเล็บแล้วแม่ก็ขลิบปลายผมให้ด้วย ที่ผมแปลกใจมาก็แม่นั่นแหละ ขี้เหนียวขี้ตืดจนขึ้นชื่อ กลับใส่กระทงบูชาพระแม่คงคาด้วยสตางค์ถึง 50 สตางค์ ส่วนพวกผมใส่กันแค่เศษ 5 สตางค์แค่นั้นเอง
เสียงลิเกที่หน้าวัดดังขรม ยั่วใจให้ทุยต้องเดินมาสะกิด ผมลุกตามไปด้วย มือถือกระทงกันไปคนละอัน
“อย่ามัวดูลิเกเพลินจนลืมลอยกระทงนะ” เสียงแม่สำทับตามหลัง
โรงลิเกบ้านห้วยคันสร้างถาวรไว้หน้าวัด เป็นโรงเรือนไม้หลังคามุงกระเบื้อเก่าๆ ยกพื้นสูงพ้นน้ำเมื่อยามฤดูน้ำ และสูงจนเห็นได้แต่ไกลๆยามหน้าแล้ง หน้าโรงลิเกคืนนี้มีแต่เรือจอดเทียบกัน แต่ละลำเรือก็นั่งกับพื้นเรือวางกระทงไว้เบื้องหน้าทั่วทุกลำเรือ เรือของแม่และพี่เจนแทรกเข้ามาทีละนิด พี่เจนค่อยๆพายซะเข้าไปตามซอก แม่คั่วข้าวโพดไปพลสง แล้วก็หยุดขายเป็นระยะ ผมนั่งมองเห็นแต่ไกลจนแม่เข้ามาใกล้หน้าโรงก็พอดีข้าวโพดหมด แม่จอดเรือนิ่งแล้วก็นั่งดูลิเกเหมือนกัน ทุกย่างก้าวที่แม่เคลื่อนไหวเป็นเงิน
ลิเกโหมโรมรันกันด้วยเพลงเร้าใจ ก็กำลังจะรบทัพจับศึกกันอยู่ แต่พอถึงเวลาที่ต้องลอยกระทง ลิเกก็หยุดแล้วก็ประกาศเชิญชวนให้ท่านผู้ชมได้พักไปลอยกระทงกัน ความวุ่นวายเกิดตรงนี้ ต่างก็รีบลุกจากเรือแล้วเดินข้ามกันไปเป็นทอดๆเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานทอดยาวขวางคลองห้วยคัน เพื่อปล่อยลอยประทีปไปกับน้ำ
“จุดธูปเทียนปักให้แน่นๆ กดดินเหนียวที่โคนให้เต็มๆ ใส่ดอกไม้ เศษผม เล็บ แล้วอย่าลืมใส่สตางค์ไปด้วยนะ ยกกระทงขึ้นจรดหน้าผาก ตั้งนะโมสามหน แล้วอธิษฐานว่า ข้าแต่พระแม่คงคา ลูกได้อาศัยใบบุญและเมตตาจากพระแม่มาชั่วนาตาปีศรีตาชาติ ได้หว่านไถได้ทำนา ได้หาปูปลาเป็นอาหาร ผักหญ้าก็มากมี ได้ปลดทุกข์ด้วยการถ่ายของเน่าของเสียลงไปทับถม ได้มีชีวิตอยู่ที่สุขสบายหายเจ็บหายไข้ได้สตางค์มากมาย ขอพระแม่คงคาได้โปรดอภัยที่ลูกๆได้ล่วงเกินและขอพระแม่ได้รับการบูชาจากข้าผู้ลุกทุกผู้ทุกคนด้วยเทอญ”
แม่กล่าวนำแล้วก็ยกกระทงจรดหน้าผาก ก่อนที่จะค่อยๆวางกระทงลงไปในสายน้ำไหล แสงไฟจากธูปเทียนพราวระยิบไปทั่วคลองห้วยคัน น้ำไหลแรงและเร็ว ชั่วพริบตาก็เลือนหายไป ผมมองไกลไปท้ายน้ำเหมือนว่าเห็นเสริมว่ายน้ำไปเก็บสตางค์จากกระทง มันคงได้สตางส์ไปกินวันเปิดเรียนเยอะแน่ๆ ทั้งคุ้งน้ำยังเหลือเพียงมันที่กล้าขัดคำสั่งครู
“เงินคือพระเจ้า”