ชม ชมพูพันธุ์ทิพย์ เมื่อตะวันชิงพลบ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
บันทึกนี้เขียนเมื่อผมถีบสามล้อไปชมชมพูพันธุ์ทิพย์ ถนนพาดผ่านจากโรงเรียนสาธิต ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ทิศตะวันออกไปยังถนนจันทรุเบกษาทิศตะวันตก เมื่อตะวันชิงพลบ วันที่ 28 มกราคม 2561
แน่นอนว่าผมถีบสามล้อออกจากบ้านทิวร์ไผ่โฮม บ้านเดี่ยวรายเดือน-รายวัน ฝั่งหน้าม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ด้วยความหวังว่าจะได้ไปชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บาน เบ่งบานปลายเดือนนี้ จะได้ถ่ายภาพมาเขียนสารคดีบอกเล่าเรื่องราวของความสวยสดงดงามให้เพื่อนๆในโลกออนไลน์ได้รับรู้และเตรียมตัวมาเที่ยวกัน
ผมถีบมาได้แค่ 600 เมตรเข้าเขตป้อมยามประตูหน้ามหาวิทยาลัย ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ฟังแล้วก็ทั้งดีใจและเหนื่อยใจ
“มีลูกค้าโทรมาว่าจะเข้าที่พักเวลา 18.00 น.เศษๆ 2 ห้อง ช่วยกลับไปเตรียมห้อง 2และห้อง 8 ด้วยเน้อ”
ดีใจได้ตังส์ค่าที่พักห้องละ 400 บาท 2 ห้อง 800 บาท แต่เหนื่อยใจ ต้องรีบถีบกลับไปอีก 600 เมตร เพื่อไปทำภารกิจดังกล่าว
ผมเลี้ยวรถสามล้อถีบกลับหลังหันแล้วรีบกดแรงเท้าลงไปยังคันถีบ รถสามล้อเคลื่อนไปตามถนนเหมือนปกติ แต่ด้วยเกรงว่าจะไปเตรียมห้องแล้วต้องถีบกลับไปถนนเป้าหมายอีก 3 กิโลเมตรกว่าๆ จะทันได้ชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์หรือไม่ เฮ้อ ๆๆๆ
เมื่อถึงบ้านทิวร์ไผ่โฮม ผมต้องทำหน้าที่ที่เคยทำเมื่อครั้งเรียนคณะวนศาสตร์ มก.บางเขน เมื่อปี 3 ที่โรงแรมนารายณ์ สีลม ตำแหน่งงาน “รูมบอย” ทำตอนกลางคืน เช้าไปเรียน ผมทำด้วยความถนัดมือ แต่เร่งรีบเอาเรื่องจึงรู้สึกเหนื่อย เหงื่อไหลโทรมไปทั่วใบหน้าและก้านคอจนเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็คว้ารถสามล้อถีบคันเก่ง ถีบๆๆๆๆ
ผมถีบด้วยแรงกดที่หนักไปตามอาการของความเร่งรีบ จากบ้านทิวร์ไผ่โฮมถึงถนนชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ระยะทาง 3 กิโลเมตรเศษๆ ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล
ผมถีบผ่านแนวต้นนนทรี ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ต้นแล้วต้นเล่า ความมุ่งมั่นคือก่อนตะวันรอนๆ ผมต้องไปให้ถึงถนนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์หน้าโรงเรียนสาธิตให้ได้ ทุกแรงกดคันถีบผมตอกย้ำด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าทุกวัน เท้าซ้ายแล้วก็เท้าขวา สลับสับเปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง แนวต้นนทรีพ้นไปแล้ว
ผมเห็นดวงตะวันลอยอยู่ต่ำกว่าแทงค์น้ำขนาดยักษ์ของ มหาวิทยาลัยไม่ถึงครึ่งของความสูง แสงสีแดงเริ่มจับขอบฟ้า แต่ผมไม่มีเวลาถ่ายรูป ตั้งมั่นย่ำเท้าลงบนคันถีบ โยกกำลังขาไปขับเคลื่อนรถสามล้อไปข้างหน้า พอเห็นสี่แยกสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจ(เดิม) ผมเลี้ยวซ้ายไปยังถนนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์หน้าโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผมเหลียวไปเห็นต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ยังคงใบเขียวเข้า มีเพียงบางต้นโปรยปรายดอกสีชมพูลงสู่พื้นดิน แต่ก็เริ่มสังเกตเห็นทั้งรถยนต์และผู้คนที่เดินระเกะระกะไปทั่วทั้งสองฟากฝั่ง เห็นถังขยะที่ห่อหุ้มด้วยรูปดอกสีชมพูของชมพูพันธุ์ทิพย์ตั้งวางเป็นระยะ เห็นเด็กหนุ่มสาวเดินหามุมถ่ายภาพกันตามประสา
เห็นรถเข็นบรรทุกคนแก่มีลูกหลานเข็นไป น้ำตาผมซึมขอบตา นี่แหละหนาความรักแม้เหนื่อยยากแต่ก็อยากเข็นรถเข็นพาแม่มาชมดอกไม้แสนงาม
“หนูอ่านข่าวออนไลน์ ปุ๊บก็พาแม่มาปั๊บ มาจากกาญจนบุรีนะคะ ดอกไม้ไม่บานเลย”
ผมถีบสามล้อด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะต้องสะพายกล้องนิคอน D80ตัวเก่า ที่มีน้ำหนักพอควรและต้องเร่งรีบถีบมาไกลไม่น้อย แต่ผมก็ผ่อนแรงด้วยการจอดถ่ายรูปผู้คนหรือที่แท้คือนักท่องเที่ยวที่คาดหวังจะได้มาชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานเหมือนทุกปี
ผมถีบไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งร้อน กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ แต่ไม่ลืมที่ขจะมองดูตะวันที่กำลังชิงพลบ
ด้วยความรู้ในฐานะนักวิชาการป่าไม้ แก่ ผมคาดการณ์ได้ว่า ต้นชมพูพันธุ์ที่เห็นยืนต้นเรียงรายมากกว่า 400 ต้นนี้ ถ้าฝนไม่ตกอีก ใบเขียวแก่ จะร่วงหล่นหมดราว ๆกลางเดือน กุมภาพันธ์ หรือประมาณก่อนและหลังตรุษจีนปีนี้อย่างแน่นอน
หลังการผลัดใบหมด ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์จะผลิตาดอกแล้วบานสะพรั่งให้ได้ชมกัน
ผมถีบสามล้อไปดูเพื่อน ๆ ที่กำลังเลือกมุมถ่ายรูปกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ภาพความน่ารักที่บันทึกคงช่วยให้หายเสียใจที่ดอกไม้ออกดอกช้ากว่าความปรารถนารีบๆ บานหน่อยน๊า เจ้าชมพูพันธุ์ทิพย์ ไม้ต่างถิ่นกำเนิด เจ้าเอ๋ย
จากตะวันเจิดจ้าจนถึงตะวันชิงพลบ ผมยังถีบสามล้อด้วยอารมณ์ที่สบาย ๆ ไม่เร่งร้อนอย่างช่วงแรก รอไฟจราจรจนคิดว่าปลอดภัยจึงถีบสามล้อข้ามสามแยก ผ่านตึกรามบ้านช่องที่มีแต่ตึกสูง ๆ ของอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งรองรับนิสิตนักศึกษา
จากตะวันชิงพลบที่แนวต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ถึงเวลานี้ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นแสงสีน้ำเงิน พระจันทร์สาดแสงสีนวลใยเปล่งประกายงดงาม อารมณ์ผมเยือกเย็นลง และถีบสามล้อไปเหลียวมองผู้คนไป ไม่เร่งไม่ร้อน ถึงบ้านทิวร์ไผ่โฮม รอรับลูกค้าเข้าพัก รับตังส์ ๆ
มาชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ให้สมใจ โทรมาจองบ้านพักทิวร์ไผ่โฮมได้ที่ โทร.086-7108171//081-9416364
ชมพูพันธุ์ทิพย์เป็นไม้ผลัดใบทั้งต้นจึงออกดอกสวยงาม