เที่ยวสงกรานต์วัดสระเกศ ไหว้พระบรมสารีริกธาตุบนภูเขาทอง
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ภูเขาทอง
ผมเคยไปวัดสระเกศหลายครั้ง แต่ไม่เคยไปตรงกับเทศกาลงานบุญหรืองานวัดแต่อย่างใด สงกรานต์ปีนี้ 14 เมษายน 2561 ไม่มีที่จะไปทางไหนเพราะกลัวรถติด กลัวอุบัติเหตุ กลัวความยุ่งเหยิงนานาที่เกิดทุกเทศกาล ครั้งนี้ ผมตัดสินใจสพายกล้องย่องขึ้นรถเมล์ 134 ไปลงปลายทางที่หมอชิต 2 แล้วต่อรถเมล์สาย 49 ไปลงที่หน้าวัดสระเกศ เป๊ะ
พอเดินเข้าเขตวักสระเกศ สิ่งที่ได้เห็นคือ ซุ้มโค้งดอกไม้ประดับ หนุ่มสาวในชุดนุ่งโจงกระเบนผ้าลายดอก น้ำที่เปียกไปทั่วถนน และเสียงโฆษกดังแจ้วแว่วมาว่าให้เข้าไปชมไปเที่ยว ณ.ลานโพธิ์ลานธรรม พื้นที่ราวๆ 1 ไร่ ทอดยางอยู่หน้าวัด มีต้นโพธิ์ใหญ่แผ่กิ่งก้านอลังการ ใต้ต้นมีพระพุทธรูปปางบำเพ็ญเพียร และมีรูปปั้นเหมือนสมเด็จเกียว มีนาคให้น้ำสำหรับรดน้ำต้นศรีมหาโพธิ์ แปลกตาและสวยงาม
ทีมพระโฆษกตั้งอยู่ตรงด้านหน้าของต้นโพธิ์ โต๊ะจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนบูชาวางเสนอให้พุทธศาสนิกชนแบ่งปันผลบุญ แต่ด้วยว่าผมหิวผมจึงเดินวนไปหาซื้อของกินที่เราเรียกว่าของว่าง เป็นซุ้มริมรั้ว น้ำสมุนไพร ขนมบัวลอยไข่นกกระทาหวาน ซึ่งประกอบกิจกรรมโดยคณะครูและนักเรียนของโรงเรียนวัดสระเกศ ทุกคนทั้งชายและหญิงแต่องค์ทรงเครื่องแบบไทยโบราณ
ได้เติมเต็มแล้วก็หยอดตู้บริจาคไปตามวัฒนธรรมที่ควรปฏิบัติ ผมเดินไปเห็นแผงไม้ไผ่ตั้งประดับด้วยร่วมกระดาษหลากสี มีแคร่ให้นั่ง เพื่อให้ญาติโยมได้นั่งถ่ายรูป ช่วงเวลาที่ผมได้ถ่ายรูปเป้นช่วงตะวันบ่ายราว ๆ 02. น. แสงแดดสาดส่องมาทางด้านหลัง ผมจึงอาศัยจังหวะที่นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งที่แคร่ แอบถ่ายรูปเธอมา โดยไม่ต้องจ้างนางแบบเลย
เลยไปเป็นลานโล่งที่ประดิษฐานรูปปั้นคติธรรมพระราหุล ตามองดาวเท้าติดดิน เสาอโศกจำลอง และลานทรายที่ชาวบ้านมาเที่ยวแล้วก่อทิ้งไว้ ประดับด้วยธงสามเหลี่ยมเพิ่มสีสันชวนให้ถ่ายรูป เรื่องก่อกองทรายในอดีตกับปัจจุบันนี้แตกต่างกัน อดีตชาวบ้านจะถือโอกาสนี้ขนทรายเข้าวัดแล้วก่อกองทรายอธิษฐาน แต่ปัจจุบันนี้ วัดต้องหาทรายมากองไว้ให้ก่อกันจ้า
มีการจัดฉากการละเล่นรดน้ำดำหัวแบบประเพณีดั้งเดิม เพื่อให้สื่อมวลชนถ่ายภาพไว้ใช้งาน ไม่มีการเล่นสาดน้ำหรือปืนฉีดน้ำเหมือนถนนข้าวสารหรือถนนข้าวสารพัดข้าวทั่วประเทศ ซึ่งบมีองค์ประกอบแตกต่างกันไป เช่น ถนนข้าวสุก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ก็จะมีรถกระบะบรรทุกหนุ่มสาวไปสาดน้ำประแป้งสาว เมากันแทบทุกคน หรือถนนข้าวสาร บางลำพูก็จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวนานาชาติ ถืออาวุธปืนฉีดน้ำยิงใส่กัน มันเขาละ
ที่ประทับใจคือจัดให้ผู้หยิงแต่งชุดไทยๆ นั่งพับกลีบดอกบัวเพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวใช้บูชาพระพุทธรูป มีทั้งสาวแก่และเยาวชนน้อย ๆ ตากล้องของทางวัดนั้นเข้าใจว่าจะเป็นครูอาจารย์โรงเรียนวัดสระเกศ ช่วยบริการอย่างเหมาะเหม็ง แสงบ่ายที่สาดใส่ทางด้านหลังช่วยให้การถ่ายภาพมีมิติ ระหว่างนั้นก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์
ผมถ่ายรูปจนพอใจก็เดินเข้าไปยังพระอุโบสถวัดสระเกศ ซึ่งสร้างได้ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นพระอารามหลวง เดิมชื่อวัดสะแกแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อพระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสู่พระนครเพื่อครองราชย์นั้น ได้แวะพักสระผมที่วัดนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อจากวัดสระแกมาเป็นวัดสระเกศ พร้อมกับสั่งบูรณปฏิสังขรณ์ ขุดคลองรอบวัด (พ.ศ.2325) ตอนนั้นยังไม่มีภูเขาทอง
อุโบสถวัดสระเกศใหญ่ อลังการ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ งดงามยิ่ง ฝาผนังมีภาพเขียนด้วยช่างหลวง ฝีมือสุดสวย ภาพด้านหน้าเป็นภาพมารวิชัย ด้านหลังพระประธานเป้นไตรภูมิ ด้านข้างเป็นภาพเทวดา ทศชาติ จาตุโลกบาล
ซุ้มใบเสมาสองชั้นสวยงามประดับลวดลายสีหวานๆ ใบเสมา 2 บคู่สื่อว่าเป็นวัดที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง
ล้อมรอบด้วยระเบียงแก้ว ประดิษฐานพระพุทธรูป 163 องค์ สวยงามด้วยศิลปะรัตนโกสินทร์
พระวิหารอัฏารส ก็เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางเปิดโลก องค์ใหญ่อลังการ มีกิจกรรมหลายอย่าง
ภูเขาทองมาสร้างเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เสร็จ จนถึงสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างภูเขาแล้วสร้างพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสองบนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บันไดทางขึ้นเวียนขึ้นไปตามความลาดชันของภูเขา ปัจจุบันนี้เทคอนกรีตเดินขึ้นลงได้สะดวก และปลอดภัย แม้แดดยามบ่ายจะร้อนแสนร้อน
ต้นทางขึ้นภูเขาทองเป็นพระสีวลีออกธุดงค์ ตกแต่งด้วยไทรย้อย น้ำตก และละอองน้ำแบบสมัยใหม่ เดินขึ้นไปใต้ร่มไทรย้อย ไม่ร้อนอย่างที่คิด แถมเมื่อถึงปลายทางมีระฆังให้เคาะสู้สวรรค์ ผมอายุ 70 ปี เดินไปพักไปเป็นระยะ ไม่เร่งไม่ร้อน จึงรู้สึกไม่เหนื่อยเลย
หลังกราบไหว้พระบรมบรรพตแล้วก็เดินลง ได้แวะชมเรื่องราวของนกแร้งและหลวงพ่อดำ พอลงถึงพื้นล่างก็มีบริการห้องสุขาให้ใช้ได้เลย เยี่ยมจริง ๆ
ผมเดินออกจากภูเขาทองไปตามถนนข้างรั้ววัด กะว่าจะไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แต่โฆษกพระประกาศว่า จะมีรำวงย้อนยุคเวลา 16.30 น. ผมติดใจ นึกไปถึงภาพสาวน้อยนุ่งน้อยห่มน้อยยามสะบัดกระโปรงดีดดิ้นไปตามจังหวะ คิดถึงตอนหนุ่ม แค่ได้เห็นขาขาวๆเหนือเข่านิดเดียวก็เสียวใจไปทั้งคืน
พอเปิดฟลอร์รำวง พระโฆษกประกาศอย่างอาจหาญว่าเป็น สาวรำวงย้อนยุค กลายเป็นสาวรำวงย้อนวัยซะมากกว่า แถมยังนุ่งผ้าซิ่นกรอมเท้าอีกด้วย ความฝันละลายหายวั๊บไปกับตา โปรดชมตามภาพแล้วกันครับ
ผมนั่งรถเมล์กลับบ้าน นอนสะดุ้งแปดตลบกับคำว่า สาวรำวงย้อนยุคของหลวงพี่ งานนี้ เป็นความร่วมใจระหว่าง วัดสระเกศ คณะครูอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวัดสระเกศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทสไทย แม้วัดสระเกศจะมีลานโพธิ์ลานธรรมขนาดเล็ก แต่ก็สามารถสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ระหว่างนั่งรถเมล์กลับบ้าน ผมผ่านร้านขายปืนฉีดน้ำอยู่ข้างทาง ซึ่งปัจจุบันนี้ มันคืออาวุธยุทธปัจจัยสำคัญของการเล่นสงกรานต์ประเทศไทยไปแล้ว ไม่มีวัฒนธรรมการแต่งชุดไทยหรือชุดพื้นเมืองแล้วสาวเจ้าอุ้มขันน้ำใบเขื่อง โรยด้วยดอกมะลิหอมกรุ่น มีขันน้อยตักน้ำบรรจงรำน้ำลงต้นคอหนุ่มๆ พร้อมกับวาจาและรอยยิ้มพิมพ์ใจ
"ขอฮื้อปี้บ่าวสุขีวันปี๋ใหม่เมืองเน้อเจ้า"
แต่วันนี้ มีปืนฉีดน้ำใส่กันชุลมุนชุลเก ไม่มีคำกล่าวใดๆไพเราะเสนาะโสตและไม่มีการแต่งกายพร้อมกริยาเอียงอาย ให้ได้เห็นอีกเลย ถ้าจัดประเพณีสงกรานต์ย้อนยุค ปิดถนน ใครไม่แต่งเมืองมาตามรูปแบบ ไม่ให้เข้าไปเล่นร่วม คงจะได้ภาพประทับใจ
โอย คนแก่คร่ำครวญหาอดีต เมื่อตอนหนุ่ม ที่ได้รับน้ำรดต้นคอครั้งแรกบนถนนนวรัตน์ เชียงใหม่จากสาว มช. อื๋ยยยยยยย