หัวหน้าแกงค์ ป่าราบ..เอนดูโร่ สละกิเลสแล้วอุปสมบท
โดย มณีนิล เรื่อง ธงชัย เปาอินทร์-ภาพ
เพื่อนเฟสบุ๊กและวงศาคณาญาติเปล่งเสียงสาธุการกันทั่ว เมื่อหัวหน้าแกงค์ ป่าราบ..เฮนดูโร่ สละกิเลสแล้วอุปสมบท มุ่งหน้าสู่ร่มกาสาวพัตรในพระพุทธศาสนา ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าจะบวช 30 วัน ณ วัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ภายหลังจัดการเรื่องทริป ญาติระอาหาเงินบริจาคไปช่วยเหลือสังคมที่ห่างไกลจากความเอาใจใส่ของทางราชการ แน่นอนต้องเป็นแดนไกลโพ้นสุดขอบฟ้าอาณาจักรประเทศไทย หมู่บ้านห้วยไม้ดำ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 13-17 กค.62 “มอบพลังงานไฟฟ้าเพื่อป่ายั่งยืน” เฮ้อ โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
ออมสิน เข็มชาติ เปาอินทร์ เป็นบุตรชายคนเดียวหัวแก้วหัวแหวนของอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี อดีตประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสิงห์บุรี และผู้พิพากษาสมทบจังหวัดอ่างทอง ท่านช่วงชัย เปาอินทร์ กับท่านสุพัตรา เปาอินทร์(เพชรสว่าง) ผู้อำนวยการสำนักสรรพากรเขต 1.กรุงเทพ ตัดสินใจสละกิเลสหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ “ทริปญาติระอา ตาบลี” อันเป็นโปรเจคสุดท้ายของการตระเวนไพรไปช่วยเหลือผู้ยากไร้
ออมสินเติบโตมาท่ามกลางชีวิตลูกข้าราชการ ความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล เมื่อเรียนจนจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์บัณฑิต..มหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วก็ทำงานในหลายๆแห่งเพื่อตรวจสอบความลงตัว ระหว่างนั้นได้ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน ชลบุรี รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต จนจบ แล้วสอบเข้าทำงานในองค์กรที่เรียกย่อๆว่า กสทช.
แต่สิ่งหนึ่งที่ออมสินไม่เคยเลิกราคือการขับรถแข่ง ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซต์ แบบฉบับลูกผู้ชายสายโหดที่ชื่นชอบความเร็วแถมต้องตะลุยแหลก ทำนองรถซิ่ง รถวิบาก ยิ่งหนทางยากและกันดารยิ่งชอบ ล้มตัวลงนอนในเต็นท์กลางป่าเขา ลำเนาไพร ภาพที่ส่งผ่านเฟสบุ๊กสู่สาธารณะคือภาพแห่งความสำบุกสำบันกับการขี่รถเอนดูโร่ จนถึงตั้งกันเป็นกลุ่ม ป่าราบ..เอนดูโร่ หลายครั้ง ถ่ายคลิปโชว์ความแตกต่างให้เห็นว่ารสนิยม “โหดแค่ไหน”
ถ้ามองภาพผู้ชายคนนี้ เหมือนว่าจะคล้ายๆผู้ร้ายในหนังไทยหรือหนังแขก แต่กลับตรงกันข้าม ออมสินเป็นหนุ่มที่มีอารมณ์บวก จิตใจคิดบวก และสังเกตรอบตัวด้วยความตั้งใจให้เป็นบวก เมื่อท่องไปในพื้นที่ยากและห่างไกลความสะดวกสบาย ออมสินกลับนำปัญหาของชุมชนที่แผ้วผ่านมาหารือกลุ่มแกงค์ป่าราบ..เอนดูโร แล้วร่วมใจกันจัดทริป ญาติระอา เพื่อหาเงินสมทบทุนช่วยพัฒนาแก่สังคมที่มองเห็น
ออมสินมีห้องนอนในเมืองกรุงกว่า 30 ห้อง ปรับอากาศเย็นฉ่ำ เลือกนอนที่ไหนก็ได้ แต่ในจิตสำนึกลึกๆกลับชื่นชอบการไปนอนกลางดินกินกลางทราย ไม่เหมือนลูกผู้ลากมากดีใดๆ และก็ไปร่วมแกงค์กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ด้วยไมตรี ละเมียดละไม ไม่มีคำว่าชนชั้นที่แตกต่าง ก็ต้องบอกตามตรงว่า ญาติระอาจริงๆกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนหนุ่มระดับการศึกษาสูง ฐานะคุณหนู แถมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวแต่อย่างใด มันเป็นมาตั้งแต่ 3 ขวบ
ครั้งหนึ่ง ญาติพี่น้องไปรวมตัวกันที่บ้านคุณย่า ประชานิเวศน์ 1. ใกล้เที่ยง แดดกำลังร้อนแรง และเตรียมตัวจะกินอาหารร่วมกัน ออมสินถีบจักรยานคันเล็กๆสำหรับเด็กๆไม่ถึง8 ขวบ โผล่หน้ามาเบรกกึกตรงหน้าบ้านที่ญาติๆนั่งคุยกันอยู่ เสียงตะโกนเรียกด้วยความตื่นตระหนก
“ออมสิน” ดังขึ้นพร้อมกัน
ภาพที่เห็นคือเด็กชายวัย 6 ขวบจอดรถจักรยานแล้วลงมือสวัสดีทุกคน เหงื่อกาฬไหลพรากไปทั่วร่างและใบหน้า เพราะถีบรถจักรยานจากบ้านท่าทราย ใกล้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตเลาะถนนที่มีรถยนต์วิ่งขวักไขว่ สิบล้อ รถเก๋ง รถแท๊กซี่ หลบเลี่ยงมาได้อย่างไร จนถึงประชานิเวศน์ 1.ระยะทางกว่า 10 กม. แววจอมทโมนเริ่มมาแต่นั้น
จนเมื่อโตเข้าสู่วัยเรียนก็ผ่านเรื่องราวพะบู๊กับแกงค์อื่นๆ อีกมากมาย เล่าไม่หวาดไหว บรรยายตามสำนวนโกวเล้งต้องกล่าวว่า ออมสินมันเล็กแต่ตัว หัวใจใหญ่เกินพิกัด
การตัดสินใจสละกิเลสเข้าสู่ร่มกาสาวพัตรนั้นเป็นการตัดสินใจของออมสินเอง อายุอานามก็สามสิบกว่าเข้าไปแล้ว งานการก็มั่นคง ครอบครัวก็ได้แต่รู้สึกระอากับความโลดโผนโจนทะยานของตนเองมามากมาย บอกตามตรงนะว่า ญาติพี่น้องห่วงเรื่องซิ่งกลัวอุบัติเหตุ กลัวพลาด กลัวภาพที่ไม่อยากเห็นมากมาย พอตัดสินใจว่าจะบวช ทุกคนเปล่งคำว่า สาธุ หายห่วงไปช่วงหนึ่งละน๊า หลังสึกจากอุปสมบทก็ไม่แน่ว่า จะเดินแนวทางใด หรือจะบวชก่อนเบียด
ในปัจจุบันนี้ คำว่าบรรพชาใช้กับการบวชเณร เดิมต้องอายุ 7 ขวบบริบูรณ์ถึงบวชได้ แต่วันนี้บรรพชากันตั้งแต่ยัง 3 ขวบขึ้น ส่วนการอุปสมบทนั้นใช้กับการบวชพระที่เป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่จำกัดว่าห้ามเกินอายุเท่านั้นเท่านี้แล้วห้ามบวช เหมือนการสมัครรับราชการ ต้องอายุไม่เกิน 35 ปี นิยายของโลกที่คิดแคบคิดสั้นเช่นนั้นไม่มีในพุทธบัญญัติ
วันที่ 3 สิงหาคม 2562 เวลา 06.00-12.00 น. นอกจากครอบครัวและญาติสนิทแล้ว แขกที่มาอุ่นหนาฝาคั่งคือสมาชิกกลุ่ม ป่าราบ..เอนดูโร่ ซึ่งมีทั้งหญิงทั้งชาย วัยนานากันไป สูงต่ำดำขาวมากมี มองหน้าและแววตา ล้วนชื่นชมยินดีกับพระธีระธัมโม อันเป็นฉายาที่พระอุปัฌชาตั้งให้
ครั้นเสร็จสิ้นการอุปสมบท พระใหม่ได้เดินข้ามข้ามธรณีประตูโบสถ์ออกมาพร้อมย่าม เพื่อรองรับจตุปัจจัยที่ญาติมิตรสนิทใจใส่ให้เป็นปัจจัยไว้เพื่อความสะดวกแห่งพระสงฆ์
ที่น่าประทับใจในพิธีกรรมก่อนการบวช ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพและบิดามารดา อันมีท่านอดีตรองประธานสภา โสภณ เพชรสว่าง ซึ่งเป็นคุณลุงคนโต เป็นประธานในการรอรับการขอขมาจากออมสิน
บริบทของการขอขมาและปลงผม หลายคนหน้าอิ่มเอิบด้วยความดีใจ หลายคนแสดงอาการเฉยเมย ก็แค่หมดห่วงไปอีกเปราะหนึ่ง ยิ่งพอถึงการ “ขลิป” ผมเพื่อให้พระได้ปลงผมนั้น ฉากนี้มีทั้งน้ำตาซึมและน้ำตาไหลอาบแก้ม น้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
แต่พอถึงตอนอาบน้ำสิยิ่งสนุก เสียงหัวเราะขำและแววตาเปล่งประกายเริงร่าเหมือนได้แกล้งออมสินเป็นครั้งสุดท้าย
“ราดตั้งแต่หัวลงไปเลย ๆ”
เสียงตะโกนให้อาบน้ำให้สะอาด แต่ออมสินเริ่มหนาวสั่นจนขนแขนลุกเกรียว ผิวท้องสั่นระริก สังเกตเห็นดังนั้นเสียงตะโกนให้ราดทั้งถังก็ดังขึ้นๆ เหมือนแกล้งจนออมสินอดยิ้มด้วยความหนาวเหน็บ จะนึกในใจ ทีเองข้าไม่ว่า ทีข้าเองอย่าโวยหรือไม่ไม่มีใครรู้ สมาชิกป่าราบ..เอนดูโร่ ที่ยังไม่อุปสมบทก็ระวังๆกันไว้อาจมีการเอาคืน
เพื่อประดับความรู้จากอากู๋(กูเกิ้ล) ใส่ข้อความนี้ให้อ่านกันนะครับ
ในพระพุทธศาสนา เรียกการบวชว่าการอุปสมบท (บาลี: อุปสมฺปทา) แต่เดิมนั้น การบวชเรียกว่าบรรพชา (บาลี: ปพฺพชฺชา แปลว่า เว้นทั่ว, เว้นจากความชั่วทุกอย่าง) ปัจจุบันคำว่าบรรพชาใช้กับการบวชสามเณร ในขณะที่อุปสมบทใช้กับการบวชพระภิกษุ
การบวชโดยนัยแล้วคือ การละทิ้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่เดิม สู่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ใหม่ ตามครรลองแห่งมรรค เพื่อเป็นการง่าย เพื่อเป็นการสะดวก เป็นทางอันปลอดโปร่ง แก่การบรรลุถึงซึ่งวัตถุประสงค์
คือ ความบริสุทธิ์หลุดพ้น ปราศจากมิลทิน หมดจดจากความเศร้าหมอง และเป็นอิสระจากพันธนาการเครื่องร้อยรัดทั้งปวง
ในสมัยพุทธกาล การบวชมี 8 อย่างได้แก่[1] คือ
- เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นการบวชที่พระโคตมพุทธเจ้าประทานแก่พระสาวกบางองค์ด้วยพระองค์เอง ด้วยการตรัสว่า "เอหิ ภิกขุ แปลว่า เธอจงมาเป็นภิกษุเถิด" พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นคนแรกและพระสุภัททะเป็นคนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงบวชด้วยวิธีนี้
- ติสรณคมนูปสัมปทา เป็นการบวชโดยให้ผู้ขอบวชเปล่งวาจาต่อหน้าพระสาวกว่าขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสามครั้ง ปัจจุบันวิธีนี้ใช้ในการบรรพชาสามเณร
- ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา เป็นการบวชโดยให้คณะสงฆ์ประชุมกันในอุโบสถ โดยมีพระภิกษุรูปหนึ่งแจ้งว่ามีผู้ขอบวช เมื่อประกาศครบสี่ครั้งไม่มีพระรูปใดคัดค้าน ถือว่าผู้ขอบวชได้รับการยอมรับให้เป็นพระภิกษุ
- ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา เป็นการบวชโดยที่พระพุทธเจ้าประทานครุธรรม 8 ประการ แก่พระนางมหาปชาบดีและสตรีชาวสากยะ 500 คน เมื่อพวกนางยอมรับครุธรรมก็ได้รับสถานะเป็นภิกษุณี
- อัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา เป็นการบวชภิกษุณีโดยให้รับญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทาจากภิกษุณีสงฆ์ก่อนครั้งหนึ่ง และจึงรับญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทาจากภิกษุสงฆ์อีกครั้ง เมื่อผ่านการอุปสมบททั้งสองครั้งแล้วจึงเป็นภิกษุณี
- โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทแก่พระมหากัสสปะ เมื่อท่านรับโอวาทแล้วก็เป็นพระภิกษุ
- ปัญหาพยากรณูปสัมปทา เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาของสามเณรโสปาก
- ทูเตนอุปสัมปทา เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าทรงส่งทูตของพระองค์ไปบวชหญิงโสเภณีชื่ออัฑฒกาสี
#ป่าราบ..เอนดูโร่ #อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน #วัดตาลเอน #วัดอัมพวัน #ปะกาเกอะญอ #กสทช. #กกต.สิงห์บุรี #เปาอินทร์แฟมิลี่ #อยุธยา #อ่างทอง #บ้านวัดจันทร์ #ดอยเสมอดาว #ดอยขุนสถาน #อำเภอวิเศษชัยชาญ #จังหวัดแม่ฮ่องสอน #จังหวัดน่าน